ลิลิตตะเลงพ่าย บัญชีเรี่อง หน้า สมเด็จพระนเรศวรทรงราชย์ ๓ สมเด็จพระนเรศวรปรารภจะไปตีเมืองเขมร ๕ พระเจ้าหงสาวดีปรารภจะมาตีกรุงสยาม ๗ พระมหาอุปราชาลาพระสนม ๙ พระมหาอุปราชาทรงเครื่อง ๑๑ พระเจ้าหงสาวดีประสาทพร ๑๓ พระมหาอุปราชายกทัพ ๑๕ พระมหาอุปราชารำพึงถึงวัง ๒๑ พระมหาอุปราชาพักพลที่แม่น้ำสะโตง ๒๓ พระมหาอุปราชาเดินทัพเข้าแดนสยาม ๒๕ พระมหาอุปราชารำพันถึงความสุข ๒๗ พระมหาอุปราชาชมไม้ ๓๑ พระมหาอุปราชาชมนก ๓๕ พระมหาอุปราชาชมเนื้อ ๔๑ พระมหาอุปราชาเดินทัพถึงไทรโยค ๔๓ ชาวเมืองกาญจนบุรีลอบดูกองทัพหงสาวตี ๔๕ พระมหาอุปราซามาถึงเมีองกาญจนบุรี ๔๗ ลมพัดฉัตรของพระมหาอุปราชาหัก ๔๙ พระมหาอุปราชาหนักพระทัยเรื่องสงคราม ๕๑ พระมหาอุปราธาตั้งค่ายที่ตำบลตะพังตรุ ๕๓ สมเด็จพระนเรศวรเตรียมทัพรบเขมร ๕๕ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบข่าวศึกมอญ ๕๗ สมเด็จพระนเรศวรทรงหารือเรื่องทำศึกกับมอญ ๕๙ ขุนนางถวายคาามเห็นเรื่องทำศึกกับมอญ ๖๑ สมเด็จพระนเรศวรเตรียมทัพสู้ศึกมอญ ๖๓ สมเด็จพระนเรศวรยกทัพ ๖๕ สมเด็จพระนเรศวรทรงพระสุบิน ๖๙ โหรทำนายพระสุบินถวายสมเด็จพระนเรศวร ๗๑ สมเด็จพระนเรศวรเคลึ่อนพล ๗๓ สมเด็จพระนเรศวรทรงตั้งค่ายที่หนองสร่าย ๗๕ กองลาดตระเวนไปแจ้งเหตุแก่พระมหาอุปราซา ๗๗ พระมหาอุปราชาเตรียมพลตีทัพไทย ๗๙ พระมหาอุปราชาทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ ๘๑ พระมหาอุปราชาจัดกองทัพ ๘๓ พระมหาอุปราชาเดินทัพ ๙๓ สมเด็จพระนเรศารทรงจัดกองทัพ ๙๕ ทัพหน้าไทยปะทะทัพหงสาวดี ๑๐๓ ทัพหน้าไทยรบกับทัพหงสาวดี ๑๐๕ สมเด็จพระนเรศวรให้สืบขาวการรบของทัพหน้า ๑๐๗ สมเด็จพระนเรศารทรงบัญชาให้ทัพหน้าถอย ๑๐๙ สมเด็จพระนเรศวรทรงเคลื่อนกองทัพหลวง ๑๑๑ สมเด็จพระนเรศวรทรงเข้าชนช้างกับพระมหาอุปราชา ๑๑๕ สมเด็จพระนเรศารทรงชนช้างกับพระมหาอุปราซา ๑๑๗ พระมหาอุปราชาขาดคอช้าง ๑๒๓ ทัพหงสาวดีแตก ๑๒๕ สมเด็จพระนเรศวรปูนบำเหน็จทหาร ๑๒๗ สมเด็จพระนเรศวรให้ปรึกษาโทษแม่ทัพนายกอง ๑๒๙ สมเด็จพระวันรัตทูลขอโทษแม่ทัพนายกอง ๑๓๑ สมเด็จพระนเรศวรทรงจัดการบำรุงหัวเมืองเหนือ ๑๓ เจ้าเชียงใหม่ดำริจะมาขอเป็นเมืองขึ้น ๑๓๙ เจ้าเชียงใหม่ส่งทูตมาขอเป็นเมืองขึ้น ๑๔๓ สมเด็จพระนเรศวรทรงรับทูตเชียงใหม่ ๑๔๕ เจ้าเชียงใหม่ยินดีในการรับไมตรีของประเทศสยาม ๑๕๑ ยอพระเกียรติพระนเรศวร, ทศพิธราชธรรม ๑๕๓ ยอพระเกียรติพระนเรศวร, ราชสดุดี ๕ ข้อ ๑๕๗ ยอพระเกียรติพระนเรศวร, จักรพรรดิวัตร ๑๒ ข้อ ๑๕๙ นิคมพจน์ลิลิต ๑๖๓ ตะเลงพ่าย ร่าย ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลืองชัยเชวง เกรงพระเกียรตระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยา นุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัา หัวหั่นหายกายกลาด ดาษเต็ม ทุ่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุข บำเทิง สำเริงราชสถาน สำราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพดับยุค สนุก สบสีมา สำ่เสนานอบเกล้า สำสนมเ้ฝาฝ่ายใน สำพลไกร เกริกหาญ ส่ำพลสารสินธพ สบศาสตราศรเพลิง เถกิง พระเกียรติฟุ้งฟ้า ลีอตรลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี โคลง ๔ บุญเจ้าจอมภพพี้น แผ่นสยาม แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล้ว พระฤทธิดั่งฤทธิ์ราม รอนราพณ์ แลฤๅ ราญอริราชแผ้ว แผกแพ้ทุกภาย ไพรินทรนาศเพี้ยง พลมาร พระดั่งองค์อวตาร แต่กี้ แสนเศิกห่อนหาญราญ รอฤทธิ์ พระฤๅ ดาลตระดกเดชลี้ ประลาตเหล้าแหล่งสถาน เสด็จเสวยศวรรเยศอ้าง ไอศูรย์ สรวงฤๅ เย็นพระยศปูนเดือน เด่นฟ้า เกษมสุขส่องสมบูรณ์ บานทวีป สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้า แหล่งล้วนสรรเสริญ ร่าย จักดำเนินในเบื้อง เรื่องราชพงศาวดาร บรรหารเหตุแผนภู ชูพระยศเจ้าหล้า อยู่คงฟ้าคงดิน เฉกเพลงพิณไพเราะ เสนาะโสตสำนาน เป็นศุภสารเสาวนิศ เสนอบัณฑิตทวยผอง เชิญช่วยตรองตริเติม เฉลิมพระเกียรติผ่านเผ้า เจ้าจักรพรรติ แผ่นสยาม สมญานามนฤเบศ นเรศวรนรินทร ปางบดินทร์บิตุราช พระบาทสู่สวรรคด จึ่งเอารสโทไท้ ธให้กอบการเมรุมาศ โดยขนาดบูรพ์ประเพณี สองกษัตรีย์ถวายเพลิง เถกิงการ มหรสพ คำรบถ้วนสัตวาร เป็นมโหาฬารพันลึก อธึกทานอำนวย ทวยเนืองเนกบรรพชิต เป็นนิรามิษบรรณา ทูลบาทาสนองนบ พระศพราชบิตุรงค์ จึ่งพระองค์ชายเชษฐ์ นเรศวรสืบเสวย ศวรรย์ ธปันพิภพสีมา แต่เอกาทศรุถ ดนุนุชน้อยนาถ เนาอุปราชสมบัติ เถลิงถวัลยรัตน์ราชัย ไอศูรย์สันตติวงศ์ สองธำรงราชประยูร พูนโภไคยในกรุง ผดุงภูแผ่นสยาม นามสุทัศน์เทพนคร บวรทวาราวดี ศรีอยุธเยศยง ดิลกอลงกตภพ นพรัตน์ราชธานี บูรีรมยสถาน องค์ อวตารสึงสถิต สุเรนทรประสิทธิ์รังสรรค์ เป็นมหันตมเหาฬาร ด้วยศฤงคารมหิมา สองกษัตราบรรหาร แห่งเหตุการณ์อริราช ด้วยมวลมาตย์มนตรี ว่ากรุงศรียโศธร นครอินทรปรัสถ์ กุรุรัฐประเทศ กัมพุชเพศพิสัย ผิวผู้ใดเถลิงถวัลย์ มักโมหันธ์เห็นผิด ริทุจริตเรื่องพาล โดยสันดานแต่ประถม ครั้งบรมราชอัยกา ผานพสุธาถวัลยรัช ฝ่ายกรุงกษัตริย์กัมพุช ก่อประทุษหักหาญ ราญรบหัวเมืองเนื่อง เบื้องบูรพทิศไปถิ่น จึ่งพระปิ่นปฐพี ยาตรโยธีไปยุทธ์ เหยียบกัมพุชประเทศ ถึงปราชเยศแล้วเสร็จ ฝ่ายนักเสด็จผ่านเผ้า เจ้าละแวกถวายบุตร ธก็หย่ายุทธ คืนกรุง ผดุงสองยอดเยาวยศ เป็นเอารสบุญธรรม์ ครั้นสวรรคาลัยไซร้ พระมหินทร์ได้สมบัติ เสียเศวตฉัตรหงสา ศรีอยุธยาพินาศ จึ่งบรมราชบิตุรงค์ ทรงสืบเสวยศวรรเยศ ฝ่ายประเทศกุรุรัฐ พูนพิบัติบีฑา นักพระสัตถามารบ โรมพิภพฟังฉัตร ตัดเกล้าเจ้าธรณินทร์ ได้แผ่นดินขอมเขต ฮึกเหิมเหตุอหังการ ยกพยุหหาญมาเยือน เตือนเรารบถึงถิ่น จึ่งพระปิ่นบิตุราช ยาตรแสนยาออกยุทธ์ เจ้ากัมพุชพักพล ตำบลวัดสามพิหาร พลเราราญขอมแขก แตกตายตากพสุธา เสียพระจัมปาเอารส ขาดคอคชคืนเมือง ทวยหาญเปลืองไป่หลาบ คอยข่าาทราบศึกมอญ ติดนครคราใด พลอยฟังชัยแทรกซ้ำ ค้ำเป็นศึกสองหน้า กวาดเอาข้าขอบขัณฑ์ ปันไปสู่ถิ่นตน กลับก่อกลสารสื่อ ส่งข่าวซื่อสมานมิตร คิดขอร่วมไมตรึ ท้าวธไป่มีอาฆาต เพื่อบให้ขาดทางธรรม์ ผันผูกมิตรประนอม ยอมยินสัตย์ตัดศึก จนจารึกเสลา ปักสีมาหมายเขต ปันประเทศไทยขอม ไป่แปลกปลอมปะปน บราญรณรบร้า ตราบชั่วฟ้าดินดับ ครั้นมีทัพเชียงใหม่ ยกพยุหใหญ่มายุทธ์ จึ่งกัมพุชภูมินทร ยินข่าวศึกธใช้ ให้พระสุพรรณมาธิราช ผู้กนิษฐ์นาถนำพล มาช่วยรณปรปักษ์ ส่วนน้องนักพระสัตถา เฉาปรีชาเชิงปราชญ์ เฉกสิงคาลชาติโปดก เว้นวิตกวิจารณ์ เกิดอหังการทฤษฐิ ริชักเชษฐ์ชวนแช แปรประทุษดั่งก่อน ผ่อนเอาพลมาลาด กวาดนิกรประชา ข้าสีมาเมื้อเมือง ก่อเข็ญ เคืองหลายคาบ จาบจ้างหมิ่นถิ่นแคลน แสนสาหัสกลัดกลุ้ม คลุ้มกมลแค้นคั่ง ดั่งหนามเหน็บเจ็บช้ำ ย้ำยอกทรวงดวงแด แลบชื่นอื่นชม กรมเกรียมอกหมกโหม้ บร้างได้ใครบ่ง ปล่งใจเจ็บฤๅมี หลายปางปีคิดขวบ ประจวบจนจอมราช พระบาทไท้ทิวงคต ไป่ทันทดแทนตอบ ขอบแต่ขอมสักตั้ง ครั้งนี้ ตูสองตน ผ่านสกลแผ่นหล้า ควรไปร้ารอนเขีญ เห็นมือไทยที่แกล้ว แผ้วภพให้เป็นเผื่อน เกลึ่อนภพให้เป็นพง คงแต่น้ำกับฟ้า คงแต่หญ้ากับดิน ยังอรินทร์รู้ฤทธิ์ อย่าคืนคิดเหิ่มหาญ ผลาญจงเสร็จเด็ดเกล้า เจ้ากัมพุชทุจริต เอาโลหิตล้างบาท แล้วธสั่งมาตย์มนตรี เตรียมโยธีสิบหมื่น ดื่นแสนยากลากลาด ดาษพลช้างพลม้า พอพิรุณแผ้วฟ้า จักผ้ายพลจร ร่าย ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑเขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบมิหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวร กษัตรา มหาธรรมราซนรินทร์ เจ้าปัฐพินผ่านทาีป ดับชนมษีพ พิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจา ตระหนัก จึ่งพระปิ่นปักธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราษ เยียววิวาทฟังฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตร พลไปเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้น ไป่เรียบเป็นที โจมจู่ ยีย่ำภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบื้องบรรหาร ธก็เอื้อนสาร เสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน ไป่เหยียบแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อยผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคงทำนาย ทาย พระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ้าอยุธยา มีบุีตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิ หยอน ไป่พักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ ธตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์อุปราซยินสาร แสนอัประมาณมาตย์ มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้ำ ษ้ำกมล หมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไท้ ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยบลบมิหึง ถึงเชียงใหม่ ตระบัด เร่งแจงจัดจตุรงค์ ลงมาสู่หงสา แล้วธให้หาเมืองออก บอกทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทุกเทศ ทั่วทุกเขดทุกขอบ รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราษ แลสระพราศสระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตรา ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์ บพิตรธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุห บาตร จักยาตราตรู่เช้า เสด็จคืนเข้านิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรีสลาย อยู่นา โคลง ๒ พระผาดผายสู่ห้อง หาอนุชนาลน้อง หนุ่มหน้าพระสนม ปวงประนมนบเกล้า งามเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้า อยู่ถ้าทูลสนอง กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรสแคล้ว คลาดเคล้าคลาสมร จำใจจรจากสร้อย อยู่แม่อย่าละห้อย ห่อนช้าคืนสม แม่แล โคลง ๔ สาวสนมสนองนาถไท้ ทูลสาร พระจักจรจากสถาน ถิ่นท้าว เสด็จแดนทุรกันดาร ใดราช เสนอนา ฤๅพระรานเสน่ห์ร้าว ด่วนร้างแรมไฉน จำใจจำจากเจ้า จำจร จำนิราศแรมสมร แม่ร้าง เพราะเพื่อจักไปรอน อริราช แลแม่ จำทุกข์จำเทวษว้าง สวาทว้าหวั่นถาิล ยินสารสมเด็จไท้ ภรรดา ดาลสุชลธารา หยาดยัอย เศียรซบแทบบาทา ทางเทวษ ฤๅใคร่วายว่างสร้อย สร่างสิ้นกันแสง ทูลแถลงแห่งบาปเบื้อง บูรพ์ไฉน จึ่งบดินทรเด็ดใจ จากห้อง พระเสด็จแด่เดียวไกล แดนราช ฤๅพระจักละน้อง อยู่ว้าวังขัง กลางไพรใครเพื่อนท้าว นอนผลู จักผทมเดียวดู แต่ไม้ พระเคยคณะพธู ทูลบาท ฤๅพระจักตกไร้ นิราศร้างแรมสนม กรมทุกข์เกรียมเทวษด้วย วนิดา คิดใคร่ขัดบัญชา ท่านใช้ หากเกรงพระอาชญา บิตุราช ร้อนระบมบ่มไหม้ สวาทเพี้ยงเพลิงสุม ฝืนโศกปลอบนิ่มน้อง สนองนาง อย่าพิลาปเยียวลาง ศึกหน้า โศกนักจักหม่นหมาง หมองรูป เรียมบ่ร้างรสช้า ด่วนร้อนคืนหลัง โช่เชิงชังแม่แล้ว จึ่งจร ขัดพระเดชอดิศร ห่อนได้ จำเรียมนิราสมร เสมอชีพ เชิญแม่ดับเทวษไห้ อยู่ถ้าคืนสม บังคมบรมบาทไท้ แถลงพลาง ขอใคร่โดยเสด็จทาง เถื่อนท้อง เป็นเพื่อนบพิตรกลาง ไพรพฤกษ์ พระเอย ห่างราชฤๅแรมห้อง อยู่ให้ใครถนอม ไพรพนอมย่อมยากแท้ อย่าหวัง เชิญเกษมเสวยวัง อยู่ถ้า จักไปจักเป็นกัง วลพี่ นะแม่ เมื่อศึกนึกตั้งหน้า ติดน้องหน่วงหาญ การยุทธ์สุดที่ห้าม แหนองค์ ครั้นจักโดยเสด็จดง ห่อนได้ อยู่หลังจักตั้งทรง แต่โศก แล้วนา นอนจะเป็นนอนไข้ ข่าวท้าวคอยถาม ทรามรักอย่าร้องร่ำ กำสรวล อยู่แม่อย่าเสวยครวญ ละห้อย บ่นานบ่หน่ายนวล แหนงเสน่ห์ นุชนา เสร็จทัพกลับถนอมสร้อย อย่าเศร้าเสียศรี ร่าย เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาทบทัน นิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว แสงเงินขาว ขอบฟ้า แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน โก่แก้วขันเจื้อย แจ้ว ดุเหว่าแหา้วเสียงใส จึ่งบรมไทธิราช ยุรยาตรยังที่สรง ชำระองค์บนาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นตรลบ หอมอวลอบอายขจร ทรงบารวิภูษิต สนับเพลาพิศพรายพร้อย ชายไหวย้อยยะยาบ ชายแครงทาบเครือวัลย์ รัตพัสตร์พรรณยรรยง ฉลองพระองค์ เพริศแพร้ว มกรแก้วเกยูร ตาบไพฑูรย์เรืองจรัส สะอิ้งรัตน ประพาล สอดสังวาลเฉวียงองค์ มกุฎทรงเทริดเกศ อย่างอิศเรศ รามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ เพญพะพานแผ่เศียร แสงวิเชียร ช่อช่วง ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย รายนพรัตน์ชัชวาล เครื่องอลงการ โอ่อ่า งามสง่าขัตติเยศ พระแสดงเดชผังผาย กุมแสง กรายกรนาด ยุรยาตรย่างไกรสร จากศิขรคูหา ลีลายังวังราช ไหว้บัวบาทบิตุรงค์ ขอลาองค์ท่านไท้ ไปเผด็จดัสกรให้ เหือดเสี้ยนศึกสยาม สิ้นนา โคลง ๒ พระฟังความลูกท้าว ลาเสด็จศึกดัาว ดังเบื้องบรรหาร โคลง ๓ ภูบาลอื้นอำนวย อวยพระพรเลิศล้น จงอยุธย์อย่าพ้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา โคลง ๔ จงเจริญชัเยศด้วย เดชะ ชาวอยุธย์อย่าพะ พ่อได้ จงแพ้พินาศพระ วิริยภาพ พ่อนา ชนะแด่สองท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม สงครามความเศิกซึ้ง แสนกล จงพ่ออย่ายินยล แต่ตื้น อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ทำนา การศึกลึกเล่ห์พื้น ล่อเลี้ยวหลอกหลอน จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง โบราณ เป็นประโยชน์ยุทธการ กล่าวไว้ เอาใจทหารหาญ เริงรื่น อยู่นา อย่าระคนปนใกล้ เกลือกกลั้วขลาดเขลา หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้ สบสถาน เจนจิตวิทยาการ กาจแกล้ว รู้เชิงพิชัยชาญ ชุมค่าย ควรนา อาจจักรอนรณแผ้าว แผกแพ้พังหนี หนึ่งรู้บำเหน็จให้ ขุนพล อันสมรรถมือผจญ จืดเสี้ยน อย่าหย่อนวิริยยล อย่างเกียจ แปดประการกลเที้ยร ถ่องแท้ทางแถลง จงจำคำพ่อไซร้ สั่งสอน จงประสิทธิ์สัมพร พ่อให้ จงเรืองพระฤทธิ์รอน อริราช จงพ่อลุลาภได้ เผด็จด้าวแดนสยาม ร่าย เสร็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แด่ภูธรเอารส ัธก็ประฌดรับคำ อำลาท้าวลีลาศ ยุรยาตรยังเกยชัย เสนาใน เตรียมทัพ สรรพพลห้าสิบหมื่น ขุนคซหื่นหาณแกล้ว ขับช้าง แก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย ควาญเคยคัดท้ายเทึยบ เสด็ึ้จ ย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้าแกมกาญจน์ เครื่องพุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาคลาดแคล้า คล้ายคล้ายนาย ทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา โคลง ๒ เสียงฆ้องกลองครั่นครื้น แตรสังข์ดังดั่งพื้น แผ่นหล้าแหล่งไหว โคลง ๔ ไอยราฤทธิเลิศล้ำ ลือดิน ดูดั่งพาหนะอินทร์ เอี่ยมฟ้า อาจค้ำคชอรินทร์ รอนชีพ ชาญศึกฮึกหาญกล้า กลั่นแกล้วกลางสมร ร่าย หัสดาภรณ์พรรณราย พรายข่ายกรองทองแกม แนมสู่ พราวดาวมาศ รัตคนคาดควรชม ซองหางสมสามเทริด วลัย เลิศสอดพลุก สุกสุพรรณโอ่อ่า ขุนคอง่าขอคำ ควาญประจำ เกี่ยวท้าย ขับคชย้ายเยื้องยาตร จตุลังคบาทสี่ตน ล้วน ขุนพลสามารถ พิศจรูญจรัสพรายแพร้ว มยุรฉัตรแก้วษุมสาย อภิรมรายเรืองรอง กรรชิงทองเถือกเนตร บังพระสุริเยศยรรยง กลิ้งกลดทรงพันแสง บังแทรกแซงหว่างฉัตร จามรพัดรำพาย ธงชายปลายปลิวยะยาบ ทวนทองปลาบยะยับ สรรพแสนยา ดาดาษ สวมหมวกมาศเกราะกราย แห่ซ้ายหลายสระพร้อม แห่ขวาล้อมสระพรั่ง แห่หน้าคั่งเหลือนับ แห่หลังคับเหลือเนตร พลต่างเพศต่างพรรค์ พิศแน่นนันต์หลายแหล่ ดำเนินแห่ เจ้าหล้า ดูดั่งพลเมืองฟ้า ฝ่ายด้าวแดนสรวง ร่าย ปวงคเชนทรพยุหบาตร ดาษดั้งกันแซงแทรก แปรกค่าย ค้ำพังคา เมิลมหิมามาตงค์ อลงกตกาญจนาภรณ์ อลงกรณ์ กเรนทรศักดิ์ ล้วนคชลักษณ์คชเลิศ ล้วนคชเพริศคชแพร้ว ล้วนคชแกล้วคชกล้า ล้วนคชบ้าบ่มมัน สรรพเครื่องคชศึก ดูอธึกเถือกเถกิง พลลอมเชิงกุญชร สวมอาภรณ์แต่งแง่ แผ่อาตม์โอ่โอฬาร พิศเครื่องสารพิลาส กูบดาวมาศจำลาย เขนทองพรายจำหลัก ปักแพนหางยูงยาบ ทานทองปลาบปลิวธง ขุนศึกทรงหลังสาร มีหมอควาญขี่ขับ เสื้อสลับสีต่าง แลหลาย อย่างหลายพรรณ สรรพคชหลากหลาย เหล่าคชพลายคชพัง คชจำบังบ้าศึก ล้วนพันลึกไกรเกรียง ร้ึ่องก้องเสียงพรรลาย เงยงาหงายย้ายยัก สองหูกวักโกวงวง แลนทะลวงเลี้ยวลด ขนคอกดของ้าง ควาญเกี่ยวข้างขับเดิน ถูกสะเทินบาทเบื้อง แคล้วแคล้วพลคชเยื้อง ย่างย้ายโดยขบวน แลนา โคลง ๔ มากมวลเมิลหมู่ดั้ง ดาษดา กันแทรกแซงซ้ายขวา พรั่งพร้อม คชค้ำค่ายพังคา โดดแล่น โจมจับขับขี่ห้อม แห่ท้าวจากสถาน ร่าย ส่ำแสะหาญห้าวฮึก ล้วนแสะศึกแสะทรง พงศ์สินธพ พาชี สีแดงดำขำเขียว ลางกระเลียวหลายหลาก มากม้า ผ่านม้าแซม แกมม้าขาวม้าฟ่าย ร่ายเรียงเคียงแข่งคู่ ครบเจ็ดหมู่เจ็ดพงศ์ อลงกตเครืองม้า้ ตาบดิดหน้าพรรฌราย ผูกพู่พรายสายง่อง ถ่องสายถือดูเพรา สายเหาเนาหน่วงหลัง โกลนพนังยรรยง อานบรรจงบรรเจิด พานหน้าเพริศ ดาวราย พานท้ายพรายดาวเรียง เพียงม้าแมนม้าเมฆ พิศฉายเฉกอาภรณ์ ผูกแล่งศรแกว่งกวัด หางมยุรปัดปลิว ปลาย นายม้าขี่ควบขับ ล้วนประดับดนต่าง ดูหลายอย่าง หลายพวก สวมใส่หมากโพกผ้า เสื้อสีจ้าจีบเฟื้อย ชายระเรื้อย อย่างเทศ พิเศษสรรพอ่าอาตม์ ถือทวนมาศฟ้อนฟาย ทาย ธนูเหนี่ยวน้าว เงื้อหอกห้าวเห็นสยอน ง่าง้าวงอนเห็นแสยง พลอัศวแรงเริงเรี่ยว เชี่ยวชาญชัยในณรงค์ ตรงศึกสู้บมิย่อ ต่อศึกสู้บมิย่น กล่นม้าร้อยม้าพัน เกลื่อนม้ากันม้ากง กลาด ม้าธงม้าทวน เดินแซงขบวนพยุหบาตร ดูดื่นดาษภูวดล พิศแต่ พลหมู่ม้า แห่บพิตรผ่านหล้า โลกเพี้ยงพิศวง ยิ่งนา โคลง ๔ ดุรงค์เริงฤทธิห์า้ว เห็จผยอง หาญพยศลำพอง ผาดผาย เผ่นผกหกเหินคะนอง ขนัดแน่น ขนาบพยุหคซย้าย ย่างน้อยดำเนิน เมิลหมู่พลบทจร สวมอาภรณ์ไพจิตร พิศหลายเพศ หลายพวก ใส่เสื้อหมากพันลึก สีหม่นหมึกม่างเมฆ ชมพู เฉกฉาดแสง ขาวเขียวแดงดูดาษ ถือสรรพศาสตราวุธ เครื่อง พิธยุทธ์ยรรยง พิศพลธงมากมวล พิศพลทานมากหมู่ พล ดาบคู่สามรรถ พลหอกซัดสามารถ ดาษพลโล่แลสระพรั่ง พลแหลนคั่งสระพร้อม พลดั้งด้อมดูสลอน พลกุมศรเนืองนันต์ พลกุมกุทัณฑ์เนืองนอง พลเขนทองเป็นหลั่น พลกั้นหยั่นเป็น เหล่า พลเสน่าเหลือหลาย พลกริชกรายเหลือหลาก มาก พลแสงศรเพลิง ดูเถกิงเกริกฤทธิ์ ดุจอาจปลิดเดือนตะวัน สรรพพากโจผลา พลคาบศิลายั่วยุทธ์ พลคาบชุดยั่วศึก พิลึก เหล่าทองปราย รายจ่ารงมณฑก นกคุ่มขานกยาง ลางปืน หลักหามแล่น แกว่นตามหมาดตามหมู่ ลากล้อคู่เข็นราง บางตระแบงบ่าแบก แจกกันขนลูกดิน หินปากนกดกแด่ง แบ่งบรรทุกหลังช้าง บ้างใส๋ต่างใส่เกวียน สารวัดเวียนวิ่ง ตรวจ ม้าตำรวจคาบไขว่ ไล่ต้อนทัพขับพล พากพหล พยุหบาตร หัวหน้ายาตรจากเวียง เสียงคชสารก้องกึก คะค็ก เสียงและร้อง ซ้องเสียงโกลนเตือนพนัง ฟังดุจคลื่นในสมุทร อื้ออึงอุดไกรเกรียง เสียงอธึกเท้าพล พ่างภูวดลหวนไหว เสียงฆ้องชัยฆ้องกระแต แซ่เสียงแตรเสียงสังข์ ดังดนตรี ปี่พาทย์ นฤนาทศัพท์สำเนียง เสียงกลองชนะโครมครึก เสียง พลฮึกเห่อึง เสียงปืนตึงเอาฤกษ์ กระเกริกลั่นแหล่งฟ้า เจ้าจอมหล้า เลือกล้านเหล่าหาญ แลนา โคลง ๒ ถับถึงทวารกรุงแก้ว เดียรดาษพลคลาดแคลว คล่ำคล้ายคลาขบาน โคลง ๓ ด่วนเดินโดยโขลนทวาร พวกพลหาญแห่หน้า ล้วนทแกล้าทกล้า กลาดกลุ้มเกลื่อนสถล มารคนา โคลง ๔ เสด็จพ้นทวาเรศข้าม คูเวียง หวั่นฤทัยท่านเพียง จักว้า พระองค์ก็อ่อนเอียง เอนอาสน์ อกระรัวมัวหน้า สั่นส้านเสียวแสยง ลางแสดงแห่งเหตุแพ้ ไพรี กริ่งกมลฤๅดี เดือดร้อน รันทดทุกข์ทวี หวั่นเทวษ ถวิลบ่วายข่นข้อน อกอั้นขวัญหาย หลายครามาสู่สู้ ศึกหลวง ไปบ่ไหวหวั่นทรวง เช่นนี้ ยิ่งนึกยิ่งหนักดวง แดพรั่น อยู่นา แหนงประหลาดแล้วกี้ ก่อนไซร้ไป่เคย อกเอ๋ยเอะหลากโอ้ รอยลาง ทั้งพระเคราะห์ขัดขวาง โทษแท้ จักไปประยุทธ์กลาง อริราช เกรงแต่ศึกจักเเพ้ เพลี่ยงพลั้งในสนาม ความฉงนหม่นพักตร์เศร้า ศรีหมาง ร้อนอุระราษพาง จักไหม้ พระแปรพระปฤษฎางค์ ดูถิ่น ดูพระมนเทียรไท้ ธเรศเพี้ยงพังสมร จำจรจำจากอ้า อาดูร ดูประสาทแสงสูรย์ ส่องแกว เรืองรัตนจรัสจรูญ รัตน์รุ่ง เรืองนา เรืองมณีนพแพร้ว เพริศพร้อยพรายฉาย เสียดายคฤหาสน์ห้อง หอทอง ยามวิโยคยุทธ์ปอง ปราบเสี้ยน จักคืนบ่คืนครอง ฤๅแน่ ไฉนนา หนักหฤทัยท่านเที้ยร เทวษตื้นตันทราง ระลวงรำลึกน้อง เนาวัง ถวิลบ่ลืมความหลัง สั่งเจ้า ปานฉะนี้สมรยัง จักโศก อยู่นา ใครช่วยปลอบเปลื้องเศร้า สวาทให้สร่างศัลย์ จาบัลรันทดเพี้ยง พังดวง แดนา บังบ่ให้ใครปวง รั่วรู้ พระโศกแต่ในทราง ซ่อนเทวษ ทำดั่งผ่องพักตร์ผู้ อันเอื้อมไป่ถึง ร่าย ไท้ธคำนึงนุชพลาง ทางระลุงลานถวิล ขุนคชินทร์ขับคช บทจรโดยทางเถื่อน เคลื่อนแสนยากลากลาด ดาษแดนท่ง แดนนา ดาดงไม้ดงเขา โดยลำเนาแนวพนัส ชระเดียดดัษ ดำเนิน เมิลบ่หมายสิ้นสุด พลางธให้หยุดพักพล ทุกตำบล ที่ประทับ ยับยั้งรั้งแรมร้อน แล้วเตือนต้อนพลเต้า แด่ยามเช้า ยามเย็น บขับเข็นรีบรัด ผัดผ่อนใจผ่อนแรง เอาแต่แขง แต่กล้าิ เอาแต่ร่าแต่เริง เร่งบำเทิงทุกผู้ บร้างรู้เหือดหาญ บแหนงนานเนิ่นวัน อย่าทันเหนื่อยเลี่อยล้า ทั่วช้างม้าไพร่พล ก็เสด็จดลนที มีนามน้ำสะโตง เขาก็ตั้งโรงราซมาฬก ตกแต่ง ค่ายถวายไท ตรงเวียงชัยจิดตอง เกณฑ์ทุกกองตั้งค่าย บ่ายหน้าลงคงคา ดูมหิมาดาดาษ พระบาทเสด็จเรือนทัพ สรรพเสนาเนืองนันต์ เฝ้าคั่งคัลเคียมคม ถ้วนทุกกรมทุกหมู่ อยู่อธึกทั้งผอง ธก็ให้เกฌฑ์กองลำเลียง ผ่อนเสบียงไปหน้า ล่วงถึงท่าดินแดง จัดแจงปลูกยุ้งฉาง วางระยะค่ายเข้า ทุกเหล้าแหล่งตำบล แล้าธเกณฑ์พลทัพน้ำ รีบไปทำมรรคา ให้พระยาจิดดอง เปินนายกองไปก่อน ผ่อนทัพหน้าไปถัด จัดพระยาอภัยคามินี คุมโยธีเป็นขุน ส่วนทัพหนุนนั้นไสร้ ให้มางจาชโร เป็นโบชุกที่สอง ยกทัพรองไปตาม ที่สาม ถึงทัพหลาง ตามกระทรวงพยุหบาตร ใหพระมหาราชเชียงใหม่ เป็นกองใหญ่ยกกระบัตร เดินทัพถัดที่สี่ ที่ห้าทัพหลังเต้า เจ้าเมืองละเคิ่งคุมพล พวกพหลต่างเกวียน เวียนขนข้าาส่งทัพ เครื่องศึกสรรพดินลูก แล้วธให้ผูกพ่วงแพ แปรพลข้ามคงคา คลาส่ำแสนเสนางค์ ร้อนแรมทางหลายวัน บรรลุเมืองเมาะตะมะ กะเกณฑ์ข้ามฟากฝั่ง กระทั่งเมาะลำเลิง บำเทิงใจไพร่พล ด่วนจรดลโดยดับ ถับถึงเมืองสมิ ธก็ตริให้จัดกัน สรรค์เป็น กองเสอป่า ฝ่าไปลอดสอดแนม แกมสามหอกเจ็ดหอก ออกแยกทัพจับคน เอายุบลข่าวสาร แห่งเหตุการณ์กรุงไทย ยกรีบไปตามใช้ ธก็ให้ตรวจพลผอง ส่งกองหน้าไปก่อน ผ่อนกองหนุนไปตาม ที่สามถึงทัพใหญ่ ทัพเชียงใหม่ยุกกระบัตร ถัดทัพหลังดำเนิน เดินพยุหโต่เต้า แห่บพิตรผ่านเผ้า ท่า่นท้าวเสด็จดล ดื่นนา โคลง ๒ ยกพลผ่านด่านกว้าง เสียงสนั่นม้าช้าง กึกก้องทางหลวง โคลง ๓ ล่วงลุด่านเจดีย์ สามองค์มีแห่งหั้น แดนต่อแตนกันนั้น เพื่อรู้ราวทาง ขับพลวางเข้าแหล่ง แห่งอยธเยศหล้า แลธุลีฟุ้งฟ้า มืดคล้มมัวมล ยิ่งนา โคลง ๔ เสด็จดลแดนราชเบื้อง บูรพา พิศพนัสเนินผา ป่าไม้ รายเรียงรุกขผกา แกมลูก แลตระการกลใกล้ หัตถ์เอื้อมเอาถึง คำนึงนุชนาฏเนื้อ นวลสมร แม้นแม่มาจักวอน พี่ชี้ จักบอกแก่บังอร ออกชื่อ เฌอนา เรียมจักแนะนั่นนี้ โน่นโน้นเเนวพนม ชวนชมคูหาศห้วย เหวธาร ทั่วทุกหนแห่งละหาน หุบห้อง ชมโพรพิศาลสถาน แถวเถี่อน พลางพี่จักชวนน้อง ช่วยชี้ชมพลาง ถวิลปางบำราศเจ้า จากเวียง ยังเสนาะสำเนียง ละห้อย ไพเราะมฤตเพียง ชึมซาบ ทรวงเอย ไปบ่ลืมสารสร้อย แม่เศร้าสั่งเรียม เกรียมใจจักโทษน้อง ฤๅคาร เพราะพี่ห้ามแหนนาล นุชไว้ มาเดียวอดูรครวญ คร่ำเนตร แหนงว่าทกข์ไครให้ โทษแท้เรียมทำ ไป่โดยคำนุชไซร้ จึ่งกำ สรวลฤๅ แม้ว่าโดยดั่งคำ แม่พร้อง ปานฉะนี้จะเบิกบำ เทิงชื่น ชมนา เพราะพี่มาด้วยน้อง จักชี้ชวนเกษม เปรมใจใคร่กลบห้อง ไหรณ รับสมรมายล ย่านไมั เกรงราธกริ่งเกรงคน เขาค่อน ขอดนา นึกบ่ลุเลยไท้ ธเรศร้อนรนทรวง คิดปวงนาเรศรั้ง แรมวัง ยามวิโยคเยาว์ยัง อยู่ห้อง จักรุมอุระรัง รึงเทวษ ถวิลบบ่ายขุ่นข้อง คั่งแค้นใครโลม คิดโฉมนงโพธผู้ เพ็ญศรี เคยร่วมรมย์ฤๅดี ดับร้อน ถนอมนุชแนบนาภี พูนเสน่ห์ นึกนิรารสข้อน อกไห้โหยถวิล เคยยินเยาวเรศซั้น สารแสดง ผสานดุริยดำแคง ข้บร้อง ยามร้า้งเสน่ห์แหนง เนาเถื่อน สดับแต่เสียงสัตว์ก้อง พี่เพี้ยงขวัญหาย เคยสายสมรแนบเนื้อ ถนอมองค์ ถวายสุคนธ์ธารสรง อยู่ซ้อง ยามร้างคณะอนงค์ แหนงโศก สรงแต่สายชลห้อง แห่งห้วยเหวธาร เคยผทมฐานแก้วก่อง ทองแกม เนืองอนุชนอนแนม แนบหน้า ยามร้างสมรแรม ราวเถอน ผทมอยู่เอ้องค์อ้า อกร้าวหนาวทรวง ปวงแสนเสาวลักษณ์ล้วน เคียมเคย คิดเมื่อยามเรียมเสวย แวดล้อม ปางร้างนิราเสบย บอมเทวษ เสวยบ่ยลเยาว์ห้อม อยู่ให้เห็นโฉม เคยตระโบมบัวมาศแก้ว กับกร เกี้ยวตระกองบังอร อุ่นเนื้อ ปางร้างนิราสมร มาเทวษ ถาิลบ่วายรสเกื้อ กอดเกี้ยวก่ายเขนย หน่ายเชยหนักอกช้ำ กำทรวง ถนัดดั่งภูผาหลวง ทุ่มแท้ หนักหาบที่พลปวง ปลงพัก ได้นา หนักเสน่ห์นึกแก้ เกี่ยงให้เบาไฉน ไย่ไย่คชไต่เต้า ตามทาง พลางคะนึงนุชพลาง ท่านไห้ แลไหนบ่ลีมนาง หน่ายเสน่ห์ นึกบ่วายสวาทไท้ ธิราษร้าวรานสมร ร่าย พระอาวรณ์หาั่นเทวษ ถึงอัคเรศแรมเวียง พลางเมิล เมียงไม้เขา โดยลำเนาแนวเถื่อน เคลื่อนแสนยาโจษจน ลุตำบลสังคล่า ป่าระหงดงดอน พิศศีขรรายเรียง เพียงสุด สายเมฆเมิล เนืองเนิ่นเนินแนวไศล สูงไสวว่ายฟ้า ชรอ่ำอ้า หาวหน เห็นถกลกุก่อง เชิงชั้นช่องปล่องเปลว เหวหุบห้วย ตรวยโตรก ชะโงกชะง่อนเงื้อมง้ำ ถ้ำท่อธารธารา แสงเสลา หลากหลาย พรายพะแพร้วไพโรจน์ ช่วงช่อโชติฉายฉัน สีสุพรรณเลื่อมเหลือง เรืองโมรารายเรียบ ขาวปูนเปรียบ เพชรรัตน แดงดั่งปัทมราช ดำประหลาดนิลกาล เขียวสีปาน มรกต ขาบใสสดเสมอเมฆ ชมพูเฉกโกเมน เพญูพรรฌรายรุ้ง ร่วง ช่วงส่องแสงสุริยา ดุจดาราเรืองจรัส ประภัสสรโอภาส พิลาสล้ำลานเนตร พิศศีขเรศชรอุ่ม พุ่มพนัสยัดเยียด พฤกษา เสียดสีกิ่ง เสียงเสนาะยิ่งอย่างพิณ พระยลยินพิศาง ถวิลถึงองค์ อัคเรศ ยามดุริเยศจำเรียง บรรสานเสียงถวายซอ พึงพอใจ พอกรรณ ธก็จาบัลบมิเบื่อ เหงื่อเนตรตกอกซ้ำ เหลือทุกข์ เหลือที่กล้ำ เทวษโว้ไป่มี แม่เอย โคลง ๔ อ้าศรีเสาวภาคย์เพี้ยง เพ็ญแข เรียมแต่ร้างรสแห ห่างเคล้า ฤๅลืมสมรแล อื่นชื่น ไปเลย ถวิลทุกข์ยามเย็นเช้า ชอกช้ำก่ำทราง แม้ดวงกมลาศได้ มาดล โดยสถานแถวสถล ที่นี้ จักชวนแม่ชมบน บรรพต โพ้นแฮ พลางแม่ชมเรียมชี้ แม่ชี้เรียมชม ชมพนมพนาเวศห้วย เหวหิน ทุกเซาะซอกสีขริน ร่องน้ำ จักชวนแม่สรงสินธุ์ แสนสนุก สนานอุทกท่าถ้ำ เถื่อนท้องแถวธาร ทุกสถานธาเรศแม้น แมนผจง ไว้ฤๅ หวังจักไว้ให้สรง เซาะน้ำ ปางร้างอรอนงค์ แหนงโศก สรงบ่สร่างใจช้ำ เช่นน้ำสระสมร ร่าย พระภูธรลวิลนาง พลางรันทายรันทด ขุนคอคชหมื่น ควาญ ขับคชาธารจรดล ลุตำบลสามสบ ธก็ปรารภรำพึง ถึงพักตร์พาลพธู พลางพระดูดงเฌอ พิศพุ่มเสมอเหมือนฉัตร เป็นขนัดเนืองนันต์ หลายเหล่าพรรณพฤกษา มีนานาไม้แมก หมู่ตระแบกตระบาก มากกระเบากระเบียน ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมีแสมม่วงโมก ซากซึกโศกสนสัก รวกโรกรักรังรง ปริกปริงปรงปรางปรู ลำแพนลำพูลำพัน จิกแจงจันทน์พันจำ เกดระกำ กอกกุ่ม กระทุ่มกระถินพิมาน เหล่าเสลาลาน โลดเลียบ เพียบพื้นแผ่นแดนไพร หมู่มะไฟมะฝ่อ หมู่มะก่อ มะกัก กระลำพักกระลำพอ ยูงยางยอกำยาน แต้วตูมตาล ตาดต้อง ซ้องแมวโมงมูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา สะเดา ดูกเดื่อดก กะทกรกรกฟ้า มะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทร ไข่เหน้า เปล้าประดู่ดูดาษ สนุ่นหนาดขนุนขนาน พะวาหวาน หวายหว้า สะบ้าสะบกเขลงขลาย ประคำควายประคำโก่ ไผ่เพกาดาเสีอ มะเกลือมะกล่ำรำไย ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าวตะโกตะกู พลับพลวงพลูพลองสล้าง พลาง บพิตรเจ้าช้า้ง ชื่นชี้ชมเดียว พระเหลียวแลไม้ดอก ออกช่อแซมแนมผล ไขสุคนธ์ เสาวรภย์ เลวงตรลบเเหล่งพนัส วายุพานพัดรำเพย ระเหยหอม ฟุ้งเฟื่อง เปลื้องหฤทัยรำจวน เหล่าลำดวนดาษดง แก้วกาหลง ชงโค ยี่สุ่นยี่โถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกุลแบ่งกลีบ ปีบจำปาจำปี มะลุลีประดู่ดง ปรูประยงค์ยมโดย โรยเรณูร่วงเร้า เย้ากมลชวนชื่น สุรภีรื่นรสคนธ์ บุนนาคปนปะแปม การะเกด แกมกรรณิการ์ มะลิวัลย์ลาหลายหลาก มากเมิลหมู่แมกไม้ ถาิลถึงองค์อ่อนไท้ ธิราซร้อนทรวงเสียว อยู่นา โคลง ๔ มาเดียาเปลี่ยวอกอ้า อายสู สถิตอยู่เอ้องค์ดู ละห้อย พิศโพ้นพฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา พลางคะนึงนุชน้อย แน่งเนื้อนวลสงวน พระครวญพระคร่ำไห้ิ โหยหา พลางพระพิศพฤกษา กิ่งเกี้ยว กลกรกนิษฐนา รีรัดน์ เรียมฤๅ ยามตระกองเอวเอี้ยว โอบอ้อมองค์เรียม เฌอปรางเปรียบนาฏน้อง นวลปราง รักดั่งรักนุชพาง พี่ม้วย ช้องนางเฉกช้องนาง คลายคลี่ ลงฤๅ โศกพี่โศกสมด้วย ดั่งไม้นามมี อบเอยอบชื่นชี้ เฌอสม ญาฤๅ อบว่าอรอบรม รื่นเร้า อบเชยพี่เชยชม กลิ่นอบ เฌอนา อบดั่งอบองค์เจ้า จักให้เรียมเชย ขานางนึกคู่คู้ ขาสมร พลางพี่โอบเอวอร แอบเคล้า กระทุ่มดั่งทุมกร ตีอก เรียมฤๅ เกดว่าเกศนุชเกล้า กลิ่นกลั้วเสาวคนธ์ เล็บมือนางนี้หนึ่ง นขา นางฤๅ ต้องดั่งต้องบุษบา นิ่มน้อง ชงโคคิดชงฆา นุชนาฏ เหมือนฤๅ เรียมระเมียรเดื่อปล้อง ดังปล้องศอสมร ซ่อนกลิ่นกลิ่นแก้วซ่อน นาสา เรียมฤๅ ตาดว่าตาดพัสตรา หนุ่มเหน้า สลาลิงเล่ห์ซองสลา นุชเทียบ ถวายฤๅ สวาดดั่งเรียมสวาทเจ้า จากแล้วหลงครวญ สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้ สละสละสมร เสมอชื่อ ไม้นา นึกระกำนามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม โม้โรกเหมีอนโรคเร้า รุมกาม ไฟว่าไฟราคลาม ลวกร้อน นางแย้มหนึ่งแย้มยาม เยาว์ยั่ว แย้มฤๅ ตูมดั่งตูมตีข้อน อกอั้นกันแสง สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย สายบ่หยดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่ ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด สุกรมกรมสุขโซร้ ไป่มี กรมแต่ทุกข์เทวษทวี ห่อนเว้น นมสวรรค์นึกบัวศรี เสาวภาคย์ พี่เอย ถวิลบ่เคยขาดเคล้น คลาดน้องใครถนอม โกสุมชุมช่อช้อย อรชร เผยผกาเกสร ยั่วแย้ม รายรื่นรสคนธ์ขจร จังหวัด ไพรนา กลิ่นตระการกลแก้ม เกศแก้วกูสงวน โคลง ๒ พระคราญถึงอ่อนท้าว หนักอุระราชร้าว ที่ร้างแรมศรี ใครปรานีหนึ่งบ้าง เชิญนุชมาแนบข้าง ช่วยชี้ชวนชม พฤกษ์นา ร้อนอารมณ์หม่นไหม้ คิดฉันใดจักโด้ สบน้องนวลสมร แม่นา เหลืออาารณ์หวาดแว้ ทุกเผือเหลือทีแก้ เกี่ยงร้อนรำจวน ใจนา กำสรวลสดที่พร้อง เจ็บปิ้มปืนพิษต้อง พ่างม้วยเมือมรณ์ แม่เอย ร่าย พระยอกรก่ายพักตร์ พลางชำลักชำเลือง เนืองนิกรพิหค อเนกนกนานา หมู่มยุราฟ้อนฟ่าย กระเรียนร่ายร้องร่ำ คล่ำ คลิ้งโคลงคลอแคล ฝงแกจับกิ่งแมก แขวกขวานเคาะขุดไม้ ไส้กระสาแซ้งแซว เค้าโมงแมวมายคู่ เค้ากู่กู่ก้องดง เป็ดน้ำ ลงเล่นน้ำ กาน้ำกล้ำกลืนปลา คับคาคาบคาร่อน กระแวน ว่อนบินบน เปล้าปลิงปนกระลิงลาง กางเขนเขาโคกม้า สร้อย อีร้ารังนาน กระไนขานเสียงเร้า แขกเต้ากระเด็นกระตั้ว งั่ว เงือกงั่งบังรอก กระจอกกระจิบกระจาบ พิราบร่ำคราญคราง ยางกระหรอดตอดต่อ แสกเสียงส่อสมชื่อ ออกเอี้ยงอื้ออึงไพร เหยี่ยวตระไกรตระกรุม กระลุมพูกระพ้อ กระทาถัอทักเพี่อน เกลื่อนกระทุงท่องชล ดอกบัวปนปลอมแปลก อัญชันแทรก นางนวล ฝูงกากานจิกรุ้ง เท้งทูตถุ้งเถียงถ่อย ต้อยติวิดหวาด ฟ้า คล้าคลาเคล่า้คู่คลอ พญาลออีลุ้ม ขุ้มคับแคเเลหลาก เหล่าจากพรากนกพริก อิกพระหิดค้อนหอย แอ่นลมลอยลมเลื่อน ไก่เถื่อนขันจะแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงหวาน สาลิกาขานจะจ้อ โก่ฟ้าฟ้อหางเฟื้อย เจื้อยกระแสงสำเนียง เสียงระาังไพรพร้อง ร้องระวังไพรพนานต์ ภูบาลชี้ชมเดียว เสียวอุระร้อนเร้า พลาง คำนึงหนุ่มเหน้า้ แน่งเนื้อนวลผจง ใจนา โคลง ๔ พิศวงสังเวชสีโอ้ อกตู ยามวิโยคเยาว์ดู ดั่งใบ้ บพานพักตร์พธู เทียมชีพ แลนา เรียมจักแนะนกไม้ บอกน้องไหนนาง นางนวลนึกนิ่มน้อง นวลปราง จากพรากพรากจากนาง หนึ่งนั้น พิราบพิลาปคราง ครวญแข่ง ข้าฤๅ บัววาบัวนุชปั้น อกน้องเรียมถนอม ไก่แก้วคิดคู่แก้ว กลอยใจ เรียมฤๅ แสกยิ่งแสกหฤทัย พี่เศร้า นกออกนึกออกไพร พลัดแม่ เหมือนฤๅ ชมแขกเต้าคู่เต้า แขกน้องนานคืน ชมพูพิศพ่างผ้า ชมพู แม่ฤๅ นกขมินเหลืองดูศ ดั่งเจา สร้อยทองเทียบสร้อยพธู อ่าอาตม์ แอ่นว่าแอ่นองค์เคล้า พี่เคล้าคลึงสมร รังนานนึกหนึ่งร้า้ง รังนาน เท้งทูดทูตเท้งสาร สี่อน้อง แขวกขวานคู่ขวานราญ รอนอก เรียมฤๅ กวักดั่งกวักหัตถ์ร้อง เรียกเจ้าหาหาย คับแคเคียงคู่ขุ้ม เขาขัน เอี้ยงและออกอัญชัน แซ่ซ้อง กระหรอดกระเรียนจรัล เรียงร่าย อยู่นา กระจิบกระจาบจ้อง จับไม้เมิลเมียง กระเต็นกระตั้วตื่น แตกคน ยูงย่องยอดยูงยล โยกย้าย นกเปล้านกปลีปน ปลอมแปลก กันนา คล่ำคล่ำคลิ้งโคลงคล้าย คู่เคล้าคลอเคลีย เนืองนกจับมิ่งไม้ เรียมยล คุมคู่อยู่ทุกตน ต่างร้อง ตูเดuยวอดูรทน ทุกข์ทุ่ม ทรวงนา ฤๅบ่มีเพี่อนพร้อง พี่เพี้ยง อดสู สัตวาวานเห็จห้อง หาวโพยม ยังอนุชเฉิดโฉม ฟ่องฟ้า เชิญสมรแม่มาโลม ลาญเทวษ เรียมเอย จงพี่พลันพบหน้า แม่หน้านวลเฉลิม เบญจวรรณวานเร่งร้อน เร็วบิน ไปเฮย แจ้งที่แสนสุดถวิล วากว้า ยามกินบ่เป็นกิน กินโศก นอนดั่งนอนป่าช้า ชอกช้ำทรวงสลาย สาลิกาอย่าพลอดเพ้อ ลำพัง เลยนา วานประเวศสู่วัง สักน้อย จำทูลทุกข์แถลงยัง เยาวเรศ แม่ฤๅ จงแม่รู้เรียมสร้อย สุดอ้างอาดูร แขกเต้าเต้าแขกน้อง นงพะงา หนึ่งรา บอกว่าเรียมโหยหา ละห้อย เชิญนุชเร่งเร็วมา ระงับโศก พี่เอย ขอพี่พบพักตร์น้อย หนึ่งให้สร่างศัลย์ ไก่ฟ้าวานว่ายฟ้า หาวหน หาสมรมายล เถื่อนท้อง เชิญชมพนารญ เรียงรุ่น รุกข์แฮ ชมพิหคเหินร้อง ร่ายไม้ไขเสียง ห่อนเห็นสุโนกเอื้อ เอาภาร เรียมเร่งลรรลุงลาน สวาทไหม้ รำลึกวิมลมาลย์ บัวมาศ กูเอย มือลูบทรวงไล้ไล้ เทวษล้ำเหลือทน พระโหยพระไห้ร่ำ รำจวน พลางพระคำนึงนวล หนุ่มเหน้า บ่เหือดบ่หายครวญ ครางคร่ำ อยู่แฮ พระแต่โศกแต่เศร้า แต่สร้อยแสนทวี ร่าย นฤบดีดาลรันทด พลางกำสรดกำสรวล ครวญถึงองค์ อ่อนไทั พิศนกไม้ในมารค ดูหลายหลากหลายแหล่ ทวยหาญ แห่เป็นขนัด เถือกธวัชปลายปลิว ทิวทวนถ่องท้องฟ้า พู่ระย้า ระยับ สรรพพลแสะพลสาร แสนพลหาญพลห้อม ล้อมนฤเบศ เสด็จดง พลางพระบงจัตุบาท กลาดมฤครายเรียง ก้มกินเกลียง กลืนกล้ำ ย้ำหญ้าเคี้ยวเหลียวดู ส่ำหมีหมูหมู่เหม้น กระต่ายเต้น ตามทาง กาางกระทิงเถื่อนถึก ฮึกเหี้ยมหาญชาญเชี่ยว แล่นไล่ เสี่ยาสู้กัน ชะมดฉมันหมู่ทราย ควายคณาคลาคล่ำ ส่ำโคเพลาะ เหยาะเดิน ละมั่งเมิลม่ายเมียง เยียงผาโผนผกผงาด ระมาด เลาะเล็มหนาม ขลาคำรามรนร้อง ก้องกึกดงพงพนานต์ เหล่า สุวาณในนอก จิ้งจอกหอนซะซ้าว สารเหนี่ยวน้าวช้างบง กระจง แล่นกระเจิง ลิงละเลิงโลดเหล้น เต้นไต่ไม้ชะซ้อง ค่างร่ายร้อง ครอกคราง ลางกระรอกกระแต แลวะวู่จู่โจน บ่างเผ่นโผนโผผก ชะนีหกหัวห้อย ย้อยโยนไม้ไกวตน ส่ำสัตว์บนพฤกษา ต่างคณา เนืองนันต์ บรู้กี่พรรค์กี่เผ่า เหล่าจัตุบททาิบาท ดาษพนัสแนว เนิน พระบเพลินพิศชื่น ตื่นกมลหวั่นว้า ถวิลถึงนชหนุ่มหน้า นิ่มเนื้อนวลจันทร์ แม่เอย โคลง ๒ เจ็บจาบัลบ่มเศร้า ไปกี่ปางจักเต้า แขกน้องคืนถนอม แม่นา ตรอมกระออกช้ำ ปาดปิ้มฝีหัวขา้ำ บ่งได้เยียไฉน นี้นา ฉันใดจึงจิ่มเจ้า จักมาแอบแนบเคล้า อยู่เคลี้ยคลึงโฉม ชื่นนา โคลง ๔ พระโทรมนัสย์เศร้า แสนศัลย์ พลางพระขับพลขันธ์ เคลื่อนคล้อย พระพิศอเนกนันต์ เนืองสัตว์ นั้นนา ไปบ่เหือดละห้อย ห่างไห้หาศรี โยธีลีลาศแคล้ว คลาทาง ทุกทั่วสัตว์ตื่นตาง แตกเต้า กาสรสุกรกวาง ทรายซุ่ม ซุ้มนา ละมั่งระมาดผาดผังเข้า ป่าลี้หนีซอน กุญชรชักพวกผ้าย แฝงพง ถึกกระทิงวิ่งวง แหวกเร้น ยองทองย่องยรรยง ฝีย่าง ย่องนา กระต่ายกระแตเต้น ตื่นต้อนกันหนี ภูมีเมิลแมกไม้ ใจหวน โหยแฮ เห็นแต่ลิงค่างชวน ท่านแย้ม ลูกกกอกแอบอวล เต้นโต่ ไม้นา บ้างเก็บผลไพล่แก้ม กัดปล้อนปลิดพลาง แลพลางทางเทวษโห้ หาศรี ยามพระสุริยลี ลดฟ้า พระสดับแต่เสียงผี เผีอนพูด กันแฮ ปั่นหฤทัยท่านว้า หวาดเพี้ยงจักรผัน สายัณห์หวั่นสวาทไท้ ธเรศตรี ศวรแฮ สดับแต่เสียงชะนี ร่ายร้อง เหวยเหวยเรียกสวามี มรณาศ นึกดั่งเสียงนุชพร้อง พร่ำไห้หาเรียม พระเกรียมกมเลศด้วย ดวงสมร ฤๅใคร่วายอาวรณ์ ว่างเศร้า พระทุกข์พระทอดถอน ใจเทวษ ถวิลนา ร้อนอุระราชเร้า ที่ร้างแรมขวัญ โคลง ๒ พระจาบัลด้วยน้อง นึกปรานีนางห้อง ห่า่งเคล้าจักตรอม ใจนา เคยถนอมนชแนบเนื้อ เจ็บนิรารสเกื้อ เกี่ยงไหม้หมองทรวง เรียมนา หนักดวงสมรพี่ร้าว คิดใคร่พบน้องท้าว ห่อนพ้องพานขวัญ ใจนา ร่าย ไท้ธกระสันเสียวทรวง ดวงกมลหม่นหมาง พลางให้ด่วน เดินพล ลุตำบลไทรโยค พระดับโศกสั่งทัพ ยับยั้งตั้งค่ายคู โดยพยูห์สรรพเสร็จ บพิตรเสด็จเลออาสน์ พลับพลาราชเรือนศึก ตรึกตรองการโรมร้า ส่งทัพหน้าไปก่อน ผ่อนทัพหนุนไปถัด รัดไปยอไปยุทธ์ ชิงประทุษโรมโซรม โหมหักกาญูจนบุรี ตีให้แตก เป็นฤกษ์ เขาก็เร่งเลิกทัพชัย โปโดยบูรพทิศ ทัพหลวงติดยกตาม งามสง่าพลท้าว ล้วนทหารทห้าว หื่นเหี้ยมในสมร ยิ่งนา โคลง ๔ พลมอญเมิลมืดท้อง รัถยา อเนกนิกรอาชา ชาติช้าง ทวนทองเถือกทอตา เปลือยปลาบ เทียวธวัชแลสล้าง เฟื่องฟ้าปลิวปลาย ร่าย ฝ่ายนครกาญจน จัดขุนพลพวกด่าน ผ่านไปสืบเอาเหตุ ในขอบเขตรามัญ เขาก็พากันรีบรัด ลัดเล็ดลอดเลาะดง ตรงไปทางแม่กษัตริย์ จัดกันซุ่มเป็นกอง มองเอาเหตุเอาผล ยลนิกรรามัญ เดินแน่นนันต์นองเถื่อน เกลื่อนมาทั่วออกทิศ หวังก่อกิจดัสกร แก่พระนครตระหนัก เห็นฉัตรปักห้าชั้น กั้นบน เบื้องหลังสาร เขาก็ทราบการโดยขนาด ว่าอุปราชขุนทัพ เร็วรีบ กลับมาบอก แดออกญาผ่านเผ้า เจ้านครกาญจนบุริน ยินยุบล ข่าวศึก พิลึกลาญขวัญแหลก แสกกมลทะท้าว ร้าวอุระขุนเมือง เคืองใจราษฎร์ทุกผู้ รู้ตรลอดไพร่นาย เขาทั้งหลายตริกัน ขวัญเกี่ยงกินเผือนเผือด เลือดสลดหมดหน้า บเห็นถ้าต่อรบ รู้ว่าทบบมิทาน รู้ว่าราญบมิรอด คิดเททอดครัวแตก แหกหนี หน้าอย่าพะ เขาก็มละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกัน ซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล ยลกระแหน่ เศิกไสร้ เพื่อลงลักษณะให้ ส่งท้าวแถลงความ ท่านนา โคลง ๔ ชาวสยามคร้ามเศิกสิ้น ทั้งผอง นายและไพร่ไป่ปอง รบร้า อพยพหลบหลีกมอง เอาเหตุ ซุกซ่อนห่อนให้ข้า ศึกได้ไปเปน ร่าย ส่วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธก็ให้เร่งผัน พลผ้าย ย้ายมาโดยทางเถื่อน ทัพหน้าเคลื่อนพลเดิน ลุลำ กระเพินบมิหึง จึงพระยาจิดตอง ให้พลกรองเวฬู ปูเป็น สะพานผ่านชล เร่งเดินพลข้ามฟาก มากนิกรคั่งคาม พวกชาว สยามเห็นตระหนัก จึ่งลงลักษณ์สารสื่อ ใส่ชื่อทั่วตัวขุน ถ้วนทุก มุลทุกนาย รายเรื่องราชริปู ยกพยูหเหยียบแดน แต่งขุนแผน เป็นทูต รูดเอาสารมาบอก แดออกญามหาด ทูลบัวบาทมหิบาล เขาก็รับสารขึ้นม้า รีบมาเร็วฤๅช้า บอกข้อเข็ญความ ท่านนา โคลง ๒ กองทัพดามกันเต้า เสียงสนั่นลั่นเท้า พ่างพื้นไพรพัง เพิกฤๅ โคลง ๔ ดลยังเวียงด่านด้าว โดยมี เมืองชื่อกาญจนบุรี ว่างว้าง ผู้ใดบ่ออกตี ตอบต่อ ทัพนา ยลแต่เหย้าเรือนร้าง อยู่ไร้ใครแรม สอดแนมจักจับถ้อย ไถ่ความ ฤๅบ่ได้ชาวสยาม สักผู้ จักสืบจักเสาะถาม เหตุห่อน รู้แฮ รู้ว่าชาวเมืองรู้ เล่ห์แล้วหลีกหนี ธก็กรีธาทัพเข้า เนาเมือง ประทับอยู่แรมคืนเคือง สวาทไหม้ คำนึงนุชไป่เปลือง จิตท่าน ถวิลนา เจ็บอรุะราชไข้ ขุ่นแค้นคับทรวง ระลวงรำลึกอ้า บังอร ยลแต่แสงศศิธร ถ่องฟ้า แสงจันทร์บ่ส่องสมร หมดเทวษ ถวิลบ่ลืมนวลหน้า แม่แม้นนวลจันทร์ คิดวันเรียมสั่งเจ้า จำจร มานา เนืองพธูถวายกร นอบน้อม นึกเชษฐ์เฉกจันทร ถ่องเมฆ แม้นฤๅ พิศประกายรายล้อม เล่ห์เพี้ยงสาวสนม เรียมกรมเกรียมเทวษไห้ โหยถวิล อรเอย ฤๅใคร่จางใจจินต์ จืดเจ้า ปางกินบ่เป็นกิน กินโศก นอนบ่เป็นนอนเศร้า เสน่ห์ส้านเสียวสมร โคลง ๓ พระอาวรณ์หวั่นทรวง หนักดวงกมลราชร้าว คิดใคร่คืนครองด้าว กลับได้เยียไฉน นี้นา ร่าย หนักหฤทัยท่านพลาง ทางคำนึงนวลสมร จนจันทร คล้อยเคลื่อน ดาราเลื่อนลับเมฆ แสงสพรรณเฉกฉานฉาย พรายหิรัญเรื่อราง พลางธให้เดินทวยหาญ ออกจากกาญจนบุรี กรีธาพลคลาดคล้าย ย้ายมาตามมรรคา คลาพยุห์พลางทางชม พนมพนัสแนวเนิน เทินแถวเถื่อนเขื่อนเขา พฤกษาเนาเนีอง นันด์ ดูเฉิดฉันเฉกฉัตร ระบัดใบเขียวเหลือง เนืองผลแนม แกมดอก ออกเป็นพางเป็นพู่ อยู่เปรมดาเปรมใจ ไหวอุระ ท่านสั่น หวั่นอุระท่านร้าว ถวิลถึงองค์อ่อนท้าว ที่ร้าง ฤๅคืน สมเลย โคลง ๔ พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกล่ครวญ ขับคชบทจรจวน จักเพล้ บรรลุพนมทวน เถื่อนที่ นั้นนา เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเห็น เกิดเป็นหมอกมืดห้อง เวหา หนเฮย ลมชื่อเวรัมภา พัดคลุ้ม หวนหอบหักฉัตรา คชขาด ลงแฮ แลธุลีกลัดกลุ้ม เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน พระพลันเห็นเหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกด้อง กระหม่ากระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นา หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ทั้งหลายล้วนจบแจ้ง เจนไสย ศาสตร์แฮ เห็นตระหนักแน่ใน เหตุห้าว จกัทูลบ่ทูลไท เกรงโทษ ท่านนา เสนอแต่ดีกลบร้าว เกลื่อนร้ายกลายดี เหตุนี้ผิวเช้าชั่ว ฉุกเข็ญ เกิดเมื่อยามเย็นดี ดอกไท้ อย่าขุ่นอย่าลำเค็ญ ใจเจ็บ พระเอย พระจักลุลาภได้ เผด็จเสี้ยนศึกสยาม เวียงรามฤๅอาจต้าน ต่อมือ ท่านแฮ พระจักชาญชัยลือ ล่มฟ้า ทุกท้าวบ่ท่าวถือ ตนต่อ พระเอย โอนมกฎก้มหน้า นอบน้อมถวายถวัลย์ เหี้ยมนั้นจึ่งหากให้ ฉัตรหัก เห็นแฮ เพราะเพื่ออุปราชยศักดิ์ เสื่อมไสร้ พระภูบดีจัก ผดุงยศ พระนา เวนพิภพพระให้ หน่อท้าวเสวยศวรรย์ ครั้นฟังบพิตรเพี้ยง ฟังหู หนึ่งนา หูหนึ่งแหนงคำสู ซึ่งพร้อง ไป่ไว้หฤทัยภู ธรพรั่น อยู่นา นึกเร่งกริ่งเกรงต้อง แต่แพ้ดัสกร พระร้อนอุระเต้น ตื่นภัย หวาดกมลไหวไหว วาบว้ำ กันแสงเสนาะใน ทรวงซ่อน โศกนา พลางพระกลืนเทวษกล้ำ กลัดกลุ้มรุมสมร ภูธรพลางให้เร่ง พลจร มานา แหนงกระลึงลางหลอน เล่ห์ร้าย รันทดระทวยถอน ใหญ่ อยู่แฮ พลางพระขับคชย้าย างเยื้องเหย่าเดิน สระเทินสระทกแท้ โทถวิล อยู่เฮย ฤๅใคร่คลายใจจินต์ จืดสร้อย คำนึงนฤบดินทร์ บิตุเรศ พระแฮ พระเร่งลานละห้อย เทวษไห้โหยหา อ้าจอมจักรพรรดิผู้ เพ็ญยศ แม้พระเสียเอารส แก่เสี้ยน จักเจ็บอุระระทด ทุกข์ใหญ่ หลวงนา ถนัดดั่งพาหาเหี้ยน หั่นกลิ้งไกลองค์ ณรงค์นเรศวร์ด้าว ดัสกร ใครจักอาจออกรอน รบสู้ เสียดายแผ่นดินมอญ พลันมอด ม้วยแฮ เหตุบ่มีมือผู้ อื่นต้านทานเข็ญ เอ็นดูภูธเรศเจ้า จอมถวัลย์ เปลี่ยวอุระราชรัน ทดแท้ พระชนมชราครัน ครองภพ พระเอย เกรงบพิตรจักแพ้ เพลี่ยงพล้ำศึกสยาม สงครามครานี้หนัก ใจเจ็บ ใจนา เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้ ลูกตายฤใครเก็บ ผีฝาก พระเอย ผีจักเท้งที่ไพล้ ที่เพล้ใครเผา พระเนานัคเรศอ้า เอองค์ ฤๅบ่มีใครคง คู่ร้อน จักริจักเริ่มรงค์ ฤๅลุ แล้วแฮ พระจักขุ่นจักข้อน จักแค้นคับทรวง พระคุณตวงเพียบพื้น ภูวดล เต็มตรลอดแหล่งบน บ่อนใต้ พระเกิดพระก่อชนม์ ชุบชีพ มานา เกรงบ่ทันลูกได้ กลับเด้าตอบสนอง ร่าย ไท้ธตรึกตรองตรอมเทวษ ถึงบิตุเรศแรมเวียง เพียงอก ไหวใจขว้ำ คล้ำพระพักตร์มัวมล พลางเร่งพลด่วนเดิน ตามแถวเทินทางเถื่อน ทวยหาญเกลื่อนกลากลาด ดาษแดน ท่งแดนนา ดามาโดยรัถเยศ ดลขอบเขตธานี ศรีสุพรรณ พศิาล ธก็บรรหารให้ลาด กวาดเอาครัวเอาครอก ซอก ไปจับทุกบ่อน แล้วธให้ผ่อนพลดั้ง ยั้งตำบลตะพังตรุ ลุแล้วแต่งค่ายเขื่อน เกลื่อนรั้วหนามรั้วขวาก มาก ค่ายขอบเป็นชั้น กั้นค่ายหลวงเป็นกง วงดุจดาาล้อม เดือน สระเทือนเสียงม้าช้าง เสียงพลเกริกไพรกว้าง กึกก้องใครยิน ย่านนา ร่าย เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราช อาณาเขต ประเทศนครสิงห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกพาย เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดงป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร สงอาการเหตุห้าว มาบังคมทูลท้าว ธิราช ผู้ผ่านถวัลย์ แลนา โคลง ๔ ป่างนั้นนฤเบศเบื้อง บูรพา ภพแฮ เฉลิมพิภพอโยธยา ยิ่งผู้ พระเดชดั่งรามรา ฆพเข่น เข็ญเฮย ออกอเรนทร์รั่วรู้ เร่งร้าวราญสมร ภูธรสถิตท้อง โรงธาร ท่านฤๅ เถลิงภิมุขพิมาน มาศแต้ม มนตรีชุลีกราน กราบแน่น เนืองนา บัดบดีศวรแย้ม โอษฐ์เอื้อนปราศรัย ไต่ถามถึงทุกข์ถ้อย ทวยชน ต่างสนองเสนอกล แก่ท้าว พระดัดคดีดล โดยเยี่ยง ยกดิ์นา เย็นอุระฤๅร้าว ราษฎร ร้อนห่อนมี นฤบดีดำรัสด้วย การยุทธ์ ซึ่งจักยอกัมพุช แผ่นโพ้น พลบกยกเอาอุต ดมโชค ชัยนา นับดฤษถีนี้โน้น แน่นั้นวันเมือ พลเรือพลรบท้อง ทางชลา เกณฑแต่พลพารา ปักษ์ใต้ ไปตีพุทไธธา นีมาศ เมืองเฮย ตีป่าสักเสร็จให้ เร่งล้อมขอมหลวง พระห่วงแต่ศึกเสี้ยน อัสดง เกรงกระลับก่อรงค์ รั่วหล้า คือใครจักคุมคง ควรคู่ เข็ญแฮ อาจประกันกรุงถ้า ทัพข้อยคืนถึง พระพึงพิเคราะห์ผู้ ภักดี ท่านนา คือพระยาจักร กาจแกล้ว พระตรัสแด่มนตรี มอบมิ่ง เมีองเฮย กูจักไกลกรุงแก้ว เกลือกช้าคลาคืน เยียวพื้นภพแผ่นด้าว ตก"ถง ริพิบัติพูนภัย เพิ่มพ้อง สูกันนครใจ ครอเคร่า กูเฮย กูจักพลันคืนป้อง ปกหล้าแหล่งสยาม สงครามพึ่งแผกเเพ้ เสียที เเตกเมื่อต้นปีไป ห่อนช้า บร้างกระลับมี มาขวบ นี้เลย มีก็มีปีหน้า แน่แท้กูทาย ทั้งหลายสดับถ้อยท่าน บรรหาร หนเฮย ยังบ่เยื้อนสนองสาร ใส่เกล้า บัดทูตนครกาญ จนถับ ถึงแฮ พระยาอมาตย์นำเฝ้า บอกเบื้องเคืองเข็ญ ร่าย ไทธเห็นลักษณ์ข่าาสาร เอื้อนโองการให้อ่าน หว่านยุบล เบิกอรรถ บัดเขาอ่านเสนอไท ในลักษณะนั้นว่า ข้าพระพุทธเจ้า ผู้รั้ง ทั้งกรมการทั่วตน ด้า้วกาณจนบุรี ศรีสาัสดิบุเรศ ขอโอน เกศวันทนา แด่ออกญามหาด ขานข้อราชดัสกร ทูลภูธรผ่าน ถวัลย์ เพื่อรามัญผ้ายพล ดลประเวศสีมา ผู้เป็นนายกไสร้ คือ หน่อไท้อุปราษ ยาตรพยหแสนยา ยลโยธาทวยหาญ ประมาณ ห้าสิบหมื่น ดูดาษดื่นแดนดง ตรงข้ามน้ำลำกระเพิน เดินโดย สะพานเรือกรัด ตัดเข้าักาญจนบุเรศ ข้าคุมเขตเหลือป้อง ขอ สมเด็จพี่น้อง ท่านรู้ข่าวเข็ญ เทอญนา โัคลง ๒ พระเปรมปราโมทย์ไซร้ ซึ่งบดินทรดาลได้ สดับเบื้องบอกรงค์ ธให้หาองค์น้องท้าว แถลงยุบลเหตุห้าว ท่านแจ้งทุกอัน แลนา ร่าย แล้วธบรรหารตระบัด ว่าเราจัดจตุรงค์ จะไปยงยอยทธ ยังกัมพุชพารา ศึกมอญมาชิงควัน กันบให้ไปออก บอกให้เต้า โดยตก ควรจักยกไปยุทธ์ เป็นมหุสสวมหันต์ ปันเอาชัยชิงชื่น แล้วธก็อื้นออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แก่เมืองราชบุรี เกณฑ์ โยธีห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผ่านลำ กระเพินโดยสะพาน เพ่งพลหาญเห็นเสร็จ ให้ระเห็ดเข้าหั่น บั่นเรือกขาดเป็นท่อน ค่อนพานขาดเป็นทุ่น เถกิงกรานกรุ่น พลากเผา อย่าให้เขาจับได้ เขากระทำดั่งไท้ ธิราชเอื้อนโองการ สั่งนา โคลง ๔ นฤบาลสารเสร็จอ้าง ไป่ทัน หึงแฮ ถับทูตทุกเขตขัณฑ์ ด่านด้าว สิงห์สรรค์สุพรรรบรร ลุถิ่น ท่านนา เขาเร่งนำเฝ้าท้าว ถั่งถ้อยแอลงทูล บดีศูรสั่งให้อ่าน สารา พระราชรับบัญชา ท่านไซร้ แถลงลักษณะทุกธา นีบอก มานา เสนอยุบลข่าวใกล้ ศึกตั้งในแดน บัดมอญแล่นม้าลาด เลยแขวง วิเศษชัยชาญแสดง ข่าวซ้ำ เขานำอักษรแถลง ถวายดับ นั้นนา พระเร่งชื่นฤๅซ้ำ ที่ข้อเข็ญความ จอมสยามขามศึกไซร้ ไป่มี บานกมลเปรมปรีดิ์ ปราบเสี้ยน สองสุริยกษัตรีย์ ตรัสด่อ กันแฮ หาเลศมลายศึกเหี้ยน หั่นห้าวหายคม สมเด็จผายโอษฐ์อื้น ปรึกษา แด่ภิมุขมาตยา ทั่วผู้ จักโรมอริรา มัญเมื่อ นี้แฮ รับที่ถิ่นฤๅสู้ นอกไซร้ ไหนควร ทั้งมวลหมู่มาตย์ซ้อง สารพลัน ทูลพระจอมจรรโลง เลื่องหล้า แถลงลักษณะปางบรรพ มาเทียบ ถวายแฮ แนะที่ควรเสด็จค้า้ เศิกไซร้ไกลกรุง ร่าย ข้ามุ่งเหตุเห็นผล ยลจิตเจ้าจอมศึก ห่อนห้าว ฮึกหาญรงค์ ปลงใจฝ่อต่อไท้ ขัดท่านใช้ฤๅอาจ จึ่งต้องยาตร พลเยือน เตือนประยุทธ์ยั่วเข็ญ โดยจำเป็นจำใจ ห่อนหวัง ชัยเชิงชื่น ห่อนหาังหื่นหนศึก นึกแต่ขามนามราช ขลาดพระ ฤทธิ์ทุกตั้ง ครั้งคลาศึกรุมคัง ฝ่ายเรายังเป็นมิตร เขาเชิญบพิตร เสด็จดล ช่วยโรมรณทัพหนึ่ง ซึ่งพลทัพหงสา อุปราชาเปนใหณ ฝ่ายเธียงใหม่ธไซร้ ใหัพระสังขทัตถือพล มาช่วยรณเวียงรุม ชุมกันโรมเวียงคัง ทั้งสองเวียงอยู่เขา เราเเข้าตั้งตีนพนม ศึกระดมหินทิ้ง ถูกมอญกลิ้งตายกลาด ลาวลงดาษดื่นด้าว โททัพท้าวท้อถอย ฝ่ายเราคอยดูที เห็นเขาตีบมิแตก ธจึ่งยก แยกพลยืน แย้งยิงปืนปรายเขา เอาข้าศึกซึ่งทิ้ง กลิ้งตกตาย ก่ายกัน มันบรอต่อติด เราประชิดชิงครัว จับได้ขุนเมือง พลศึกเปลื้องปลดชนม์ สองท้าัวยลเยงราช ขยาดพระเดช เป็นประถม ครั้งหนึ่งบรมนฤบาล เจ้าจักรพาลหงสา กัล พระมหาอุปราช ริอาฆาตปองร้าย ลวงเสด็จผ้ายสู่เมือง ขานข้อเคืองเป็นเลิศ ว่าประเทศพุกาม ก่อสงครามแขง ด้า้ว ขอเชิญท้าวช่วงรณ จึ่งเสด้จดลเดองแครง ส่งสาร แสดงข่าวแขก แด่ซักแซกยอถ่าง เขาให้ตั้งห่างเมืองเขา เนาอาาาสแห่งหนึ่ง จึ่งเขาส่งข่าวไป ทูลแต่ไทหงสา ธก็ปรีดาดวงมาน เพื่อตริการสมหมาย จึ่งให้รายซุ่มทัพ คอยจู่จับโจมตี ตามวิถีแถวดง ตรงทางไปหงสา แล้ว ธบัญชาใช้ ให้พระยาเกียรติ์พระยาพระราม มาสื่อความ ไมตรี รับนฤบดีเสด็จคลา สองพระยากำกับ เขาจะเอา ทัพซึ่งซุ่ม ออกกระทุ่มกระทบ รบกระหนาบชาวสยาม สองรับความแล้วคลา มาเจรจาแด่ไท้ิ ดั่งเขาใช้เป็นกล แล้วพาพลไปพัก สำนักในบริเวณ วัดมหาเถรคันฉ่อง ถ่องแถลงเลศแก่ชี เพื่อบารมีมหิบาล ดาลดลจิตจอมวัด กับคฤหัสถ์ขนพล ทั้งสามดนพากัน มาเคียมคัลไขเลศ แด่ นฤเบศโดยสัตย์ ครั้นธทราบรหัสบหึง จึงอี้นออกวรวากย์ เป็นฉินทภาคแผ่นไผท อภัยภพเผด็จมิตร หวังก่อกิจรำบาญ สองพสุธารดั่งเพรง ไทยตะเลงเล่ห์ขอม ไป่แปลกปลอมปะปน ริเริ่มรณดุจกี้ แต่วันนี้จำเดิม จักต่อเติมประติยุทธ์ ชิงประทุษชิงแดน แล้วธสั่งแสนยากร หลับกวาดมอญ เมือด้าว เอาโทท้าาขุนทัพ กับมหาเถรโดยเสด็จ เห็จข้าม น้ำสะโตง แต่งท่ายโถงท่าสู้ รู้ถึงไท้หงสา ธให้มหาอุปราช ยาตรพยุหดามติด หัวหน้าประชิดฝั่งชล อยู่คนละฟากคงคา อันมหิมาไพศาล ภูบาลเพ่งขุนพล ยลสุรกำมามาตย์ เสื้อ สักหลาดสวมกาย หมายเท่าผลหมากพร้าว ขี่คชห้าวเห็น หาญ ประมาณเหมือนสุกร ธให้ซ้องศรโซรมสาด บอาจ ข้ามไปถึง จึงทรงแสงนกสับ แผลงขนทัพต้องตาย ทวย ตะเลงหลายแลหวาด องค์อุปราซแสยงฤทธิ์ คิดคะครั่น ครั้งสอง ซึ่งเขาปองยุทธนา มาครานี้นึกแปลก เพื่อศึก แตกเดือนเชษฐ์ ไป่ทันเขตอำรุง ผดุงพลให้หื่นหาญ กลับริราญโรมราช เบื้องบุษยมาสมาดล ดูพิกลการเศิก รอยอื้อเอิกข่าวขจร ถึงนครเขาตระหนัก ว่าพระปิ่นปัก ภูวดล ดับพระชนม์สิ้นชีพ จึ่งเร็วรีบมาเยือน เตือน ประยุทธ์เอาเปรียบ ฝ่ายเราเทียบพลทัพ รับเวียงชัย ใช่เชิง ไพรีเริงใจอาจ เชิญนฤนาถยาตรา จากนครา ราชฐาน แต่งทัพหาญไปหัก ถ้าเห็นหนักเหลือทน จึ่ง เสด็จดลดับห้าว มล้างชิพิตหน่อท้าว ธิราชด้าวอัสดง แลนา โคลง ๔ โทไท้ทรงสดับถ้อย ทูลถาาย ถูกหฤทัยท่านผาย โอษฐ์พร้อง สูตริก็ตรงหมาย เหมือนตริ ตูนา ตริบ่ต่างกันต้อง ต่อน้ำใจตู ภูธรสั่งให้เทียบ โยธี ทัพแฮ ห้าหมื่นหมายบัญซี เรียกได้ เกณฑ์เมืองจัตวาตรี ไตรตรวจ เอานา ยี่สิบสามเมืองใต้ เตรียบตั้งต่อฉาน บรรหารให้จ้ดผู้ อาจอง เอาพระศรีไสนรงค์ ฤทธิ์ห้าว เป็นจอมพยุหยง ไปยั่ว ยุทธ์แฮ นำนิกรทัพท้าว ออกร้ารอนเข็ญ พระเห็นจักเปลี่ยวข้าง ขุนพล เยียวบ่มีเพี่อนผจญ จึ่งใช้ พระราชฤทธานนต์ หนึ่งช่วย กันนา เป็นปลัดทัพให้ ศึกสู้ทั้งสอง กองหน้านฤนาถตั้ง เสร็จสาร สั่งแฮ เร็วเร่งห้ำหั่นหาญ หักกล้า บ่แตกบ่ต้านทาน มันรอด ไซร้ฤๅ กูจักออกโรมร้า้ ศึกร้ายภายหลัง ทั้งสองรับถ้อยท่าน ทูลลา แลเฮย ยกพยุหแสนยา ย่างย้าย โดยแดนทุราธวา วายถิ่น ถีงที่หนองสร่ายท้าย ทุ่งกว้างทางหลวง ปวงทัพปลูกค่ายสร้าง กลางสมร ภูมิพยุหไกรสร ศึกตั้ง เสนาพลากร ต่างรื่น เริงแฮ คอยจักยอยุทธ์ยั้ง อยู่ถ้าทางเขญ ร่าย กษณะนันนเรนทร์ไท้ ธให้โหรหามหุติฤกษ์ ซึ่ง จะเบิกพยุหบาตรา จึ่งพระโหราผู้รู้โศลก หลวงญาณโยคโลกทีป รีบคำนวณทำนาย ถวายพยากรณ์แก่ไท้ ท้าวธได้จัตุรงคโชค อาจปราลโลกลาญรงค์ เชิยบาทบงสุ์เสด็จคลา จากอโยธยายาม เช้า เข้ารวิวารมหันต์ วันสิบเอ็ดขึ้นค่ำ ย่ำรุ่งสองนาฬิกา เศษ สังขยาห้าบาท ในบุษยมาสดฤษถี ศรีสวัสดีฤกษ์อุดม บรม นรินทร์ดาลสดับ ธให้ตรวจทัพเตรียมพล โดยชลมารคพยุ่ห์ สู่ตำบลปากโมก ครั้นณวันโชควันยาม พยุหสงครามเขาตรวจ ทุกหมู่หมวดสรรพเสร็จ จึ่งสมเด็จภูวนาถ กับบรมราชอนุชา ธก็สรงธาราเสาวรภย์ ตรลบสุคนธกำจน ทรงบวรวิภูษา รัตพัสตราตรูเนตร กายเเครงเทศเถือกพร้อย ชายไหวห้อยเห็น เพรา พิศสนับเพลายรรยง ฉลองพระองค์แลเลิศ ทับทรวงเพริศ พรายพริง สะอิ้งรัตนไพฑูรย์ แก้วเกยูรสามหัตถ์ แสงนพรัตน์ มลังเมลือง เรืองธำมรงค์รุ้งร่วง ช่วงพรรเหาเก้าแก้ว แพร้วพราย นิ้วอัษฎางค์ พลางสองกษัตริย์สวมทรง อลงกตกาญจนมกุฎ แสงเพชรผุดพุ่งแพร้ว แก้าเก้ากอบแกมมาศ นาดกรกรายทาย ธนู ดูสองเจ้าจอมสยาม เฉกลักษมณ์รามรอนราพณ์ ปราบอเรนทร์ ทุกด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านเยื้องยังฉนวน น้ำนา โคลง ๔ มหิศวรสองราชเจ้า จักรพาล เถลิงสมุทรพิมาน มาศย้อม เฉกไพชยนต์สถาน ทิพยอาสน์ อินทร์เอย แก้วก่องทองเถือกพร้อม เพริศพร้อมพรายแสง เสด็จแสดงยศยิ่งหล้า ลือไตร ภพแฮ องค์อดิศวรไท พี่ท้าว ทรงศรีสมรรถชัย ชาญชื่อ เรือนา เถกิงพระเกียรติอะคร้าว โลกล้วนถวายกร ภูธรวรนุชน้อง นฤบาล เถลิงนโลทกยาน ย่องน้ำ ไกรสรมุขพิมาน มีชื่อ เรือนา เรือมณีนพล้ำ เลิศแล้วหลากศรี นาวีวรวิหคตั้ง ต่อฉาน ชื่อแฮ ชัยสุพรรณหงส์พิมาน มาศแพร้ว ทรงพระวิชัยชาญ ชัยชื่อ พระนา เพราะพระชาญษเยศแผ้ว แผกพ้นภัยเข็ญ เป็นมหาธวัชปักป้อง ปวงภัย โพ้นนา นำนเรนทรไคล เคลื่อนคล้าย กบี่ธุชโบกโบยใบ บังทัพ ท่านแฮ ห้ามอมิตรหมู่ร้าย อย่าร้าโรมถึง พึงพิศโพโรจน์ด้วย อภิรุม บังแทรกสุริยสายชุม ฉัตรแพร้า กลิ้งกลดบดบังจุม พลผ่าน ภพนา จามเรศรำเพยแผ้ว ผ่องพื้นแผ่นโพยม ดาษโคมเวหาสห้อง หาวโสว ประดับรัตนนาวาชัย เฉิดฟ้า ทั้งสามศุภพิไล แลเลิศ แล้วแฮ เพ็ญพระยศเจ้าหล้า โลกเพี้ยงพิศวง ยรรยงพยุหบาตรเบื้อง เรือขุน ทั่วทุกนายทุกมุล เตรียบตั้ง มวลมาตย์ราชนิกุล เคียงคู่ กันแฮ เถือกถกลกูบกั้ง พร่างแพร้วดาวเดือน เกลื่อนกลาดดาษดั้งเรียบ เรือเขน เรือพระครุฑภุชเคนทร์ เข่นแก้ว เรือเศียรสัตว์เพียบเพญ ธารถิ่น คุมคู่คอยเสด็จแคล้ว เคลื่อนคล้ายคลายขบวน ครั้นควรพิชัยฤกษ์พร้อม เพรียงสมัย โหรคระหึมฆ้องชัย กึกก้อง พฤฒิพราหม์พรอกมนตร์ไสย สังข์เป่า ถวายนา แตรตรลบเสียงซ้อง แซ่ซั้นบรรสาน สำนานสนั่นอี้อ เอิกอรร ณพแฮ โพนพาทย์เภรีรัน ครั่นครื้น เสียงฆ้องแข่งขานกัน ตามหมวด หมู่นา สระทกสระเทีอนภูวพื้น แผ่นเพี้ยงหวั่นไหว ไพลึกแหล่งหล้าลั่น ลือถึง สรวงฤๅ เสียงอัคนีศรตึง ตื่นฟ้า พลหาญฮึกโห่อึง เอิกโลก แล้วแฮ ตระหนกทุกทวยธเรศหน้า เผือดแผ้วพังขวัญ ร่าย พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวด ชเยศพุทธมนต์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตำรับราษรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรั่ง คั่งคับ ขอบคงคา แลมเหาฬาร์พันลึก อธึกท้องแถวธาร ถับถึงสถาน ปากโมก จึงพระจอมโลกลือเดช เสด็จเถลิงนิเวศวังทาง พลาง ธให้ตรวจเตรียมพล โดยสถลพยุหบาตร บอกพระราชกำหนด กฎแก่ขุนทัพขุนพล จักยกพหลยาตรา ในเวลาล่วงค่ำ ย่ำสิบเอ็ด สามบาท ครั้นเข้าืราษตรีสมัย ภูาไนยตรัสตริการ ซึ่งจะรอน ราญอริราช ด้วยภิมุขมาตยากร จนจันทรลับเลือน เคลื่อน เข้าตติยยาม เจ้าจอมสยามไสยาสน์ เหนือบรมอาสน์ก่องเเก้ว คล้ายคล้ายสิบทุ่มแคล้ว ท่านเคลิ้มหลับฝัน ใฝ่นา โคลง ๔ เทวัญแสดงเหตุให้ สังหร เห็นแฮ เห็นกระแสสาคร หลั่งล้น ไหลลบวนาดอน แดนตก ทิศนา พระแต่เพ่งฤๅพ้น ที่น้ำนองสาย พระกรายกรย่างเยื้อง จรลี ลุยมหาวารี เรี่ยวกว้าง พอพานพะกุมภีล์ หนึ่งใหญ่ ไสร้นา โถมปะทะเจ้าช้าง จักเคี้ยวขบองค์ พระทรงแสงดาบแก้ว กับกร โจมประจัญฟันฟอน เฟื่องนำ ต่างฤทธิต่า่งรบรอน ราญชีพ กันแฮ สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำ ท่งท้องชลธี นฤบดีโถมถีบสู้ ศึกธาร ฟอนฟาดสุงสุมาร มอดม้วย สายสินธุ์ซึ่งนองพนานต์ หายเหือด แห้งแฮ พระเร่งปรีดาด้วย เผด็จเสี้ยนเศิกกษัย ทันใดดิลกเจ้า จอมถวัลย์ สร่างผทมถวิลฝัน ห่อนรู้ พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝันนา เร็วเร่งทายโดยกระทู้ ที่ถ้อยตูแถลง พระโหรเห็นแจ้งจบ ในมูล ฝันแฮ ถวายพยากรณ์ทูล แด่ไท้ สุบินบดินทร์สูร ฝันใฝ่ นั้นฤๅ หากเทพสังหรให้ ธิราชรู้เป็นกล นุสนธิซึ่งน่านน้ำ นองพนา สณฑ์เฮย หนปัจฉิมทิศา ท่วมไซร้ คือทัพอริรา มัญหมู่ นี้นา สมดั่งลักษณ์ฝันไท้ ธเรศนั้นอย่าแหนง เหตุแสดงแห่งราชพ้อง ภัยชลา ได้แก่อุปราชา เชษฐ์ผู้ สงครามซึ่งเสด็จครา นี้ใหญ่ หลวงแฮ แท้จักถึงยุทธ์สู้ ศึกชัางสองชน ซึ่งผจญอริราชด้วย เดชะ เมื่อพระเดโชชนะ ศึกน้ำ คือองค์อมิตรพระ จักมอด เมือเฮย เพราะพระหัตถ์หากห้ำ หั่นด้วยขอคม เบื้องบรมขัตดิย์ท่องท้อง แถวธาร พระจักไล่ลุยลาญ เศิกไสร้ ริปูบ่รอราญ ฤทธิราช เลยพ่อ พระจักชาญชเยศได้ ดั่งท้าวใฝ่ฝัน โัคลง ๒ ครั้นบดินทร์ดาลได้ สดับพยากรณ์ไทั ธิราชแผ้วพูนเกษม เปรมปรีดิป์ราโมทย์แท้ เพราะพระใหรหากแก้ กล่าวต้องตามฝัน พระพลันทรงเครื่องต้น งามประเสริฐเลิศล้น แหล่งหล้าควรชม ชื่นนา สมเด็จอนุชน้องแก้ว ทรงสภาภรณ์แพร้ว เพริศพร้อมเพราตา ยิ่งแฮ ร่าย สองขัตติยายุรยาตร ยังเกยราชหอทัพ ขุนคช ขับช้างเทียบ ทวยหาญเพียบแผ่นภู ดูมหิมาดาดาษ สระพราศพร้อมโดยขบวน องค์อดิศารสองกษัตริย์ คอย นฤขัตรพิชัย บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธภาตุ ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างผล ส้มเกลี้ยงกลกุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ ผินแวดวงตรงทัพ นับคำรบสามครา เป็นทักษิณาวรรตเวียน ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร ผ่านไป อุดรโดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านดั้งสดุดี อยู่นา โคลง ๔ พระมีปีติตื้น เต็มมาน ประณตนัขสโมธาน เทิดเกล้า พระทรงอธิษฐาน ขอเดช พระเอย คุ้มแต่ข้าพระเจ้า จักสู้ศึกเข็ญ เป็นศรีสวัสดิ์แ์ด่ข้อย ขอชัย ขอชนะไพร ทั่วทั้ง ขอเป็นธวัชไป ปักทัพ เฉลิมนา ขอพระเป็นฉัตรกั้ง เกลื่อนร้อนผ่อนเกษม พระเปรมปราโมทย์น้อม วันทนา พลางพระทรงไอยรา ฤทธิ์แกลว พระคเชนทร์ชื่อไชยา นุภาพ พ้นแฮ อาจเข่นคชศึกแผ้ว แผกแพ้ทุกพาย พลายปราบไตรจักรอ้าง เอิกฤทธิ์ อาจปราบคชทุกทิศ ทั่วไซร้ เอกาทศรถอิศ วรเสด็จ ทรงนา นำคเชนทเรศไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม งามเลิศคชลักษณ์ล้ำ แลลาน หลงแฮ ครบเครื่องพระคชาธาร แต่งตั้ง บรรยงก์พุดตานสถาน ทิพยอาสน์ เสมอฤๅ เศวตฉัตรสวัสดิ์เกือบกั้ง ผ่องแผ้วอัมพร คเชนทรทั้งคู่อ้าง ไอรา วัณฤๅ มันตกดิดกายา หยดท้อง หกวักแกว่งงางงา เสยส่าย เศียรแฮ หางก่งส่งเสียงก้อง เกริกหล้าแหล่งไหว สองไทธิราชซั้น ทรงสาร ศึกเฮย ดุดั่งองค์มัฆพาน ผ่านฟ้า เถลิงสมิทธิคชาธาร ทิพยพ่าหน์ นั้นฤๅ สูอสูรศึกกล้า เสื่อมแกล้วกลัาหนี ร่าย จึ่งธษีพราหมณชาติ โหราราชประโรหิต โอมอ่านอิศวร เวท ถวายวรชเยศอย่างไสย ลั่นฆ้องชัยสามหึ่ง จึ่งเป่าสังข์ สามหน ดนตรี แตรแซ่ซ้อง ก้องกาหลกลองศึก กลองชนะครึก โครมครื้น พ่างพกพื้นภูวดล ตูพหลพยุหบาตร ดาษพลแสะ พลสาร แสนพลหาญพลห้อม พร้อมเครื่องพระอภิรุม ชุมธงชาย ธงฉาน ทวนทองลานเลือมเนตร พู่จามเรศปลิวปลาย แห่หน้า หลายเหล่าหลาก แห่หลังมากหมู่ล้อม ห้อมเบื้องซ้ายสระพรั่ง คั่งเบื้องขวาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำกี่แสน ดูดื่นแดนเดียรดาษ ธก็ให้ ยาตรพยุหยุทธ บ่ายกบี่ธุชฝ่ายขวา โบกครุฑพาหน์ฝ่ายซ้าย เนาวพ่าห์ผ้ายหว่างธวัช เสมาธิปัตทักษิญ ฉัตรชัยผินอุดร แลสลอนกรรภิรมย์ แห่บรมนฤบาล ห้อมคชาธารธิราช จตุลังค บาทบริรักษ์ พิวกักษ์เท้ากุญชร คลีนิกรทัพเลือน เคลื่อนพล สารยาตรา คลาพลแสะผังผาย คลายพลตีนด่างเต้า เสียง สระเทื้อนฝีเท้า สระท้านแถวสถล ร่าย ธไคลพลคลำ่คล้าย แลนา ย้ายมาโดยรัถยา แลนา คลาทางบ้านสระแก้ว แลนา แคล้วทางบ้านสระเหล้า แลนา แล้วธเข้าที่เสวย แลนา ยั้งยังเกยประทับ แลนา เสร็จธาลับ ทรงสาร แลนา คลี่พลหาญด่วนเดิน แลนา ดำเนินในมรรคา แลนา สุริยประภาทรงกลด จนกำหนดบ่ายควาย ชายสาม นาฬิกาเศษ ทัพถึงประเทศหนองสร่าย ซึ่งค่ายหน้าเขาดัง ธให้หยุดยั้งอยู่หลัง เอากำลังพลสรรพ เสด็จประทับเกยชัย ในฉายาไม้ประดู่ อยู่เหนือจอมปลวกหลวง ต้องกระทรวงครุฑ นาม ตามชัยภูมิพยุหะ แล้วธให้กะเกณฑ์กัน ปีน หน้าที่ตั้งค่าย ฝ่ายหน้า้หลังซ้ายขวา ดูดาษดาทั้งมวล เป็น กระบวนปทุมพยูห์ ขุดคูพูนสนามเพลาะ เฉพาะทุกหน้าค่าย ภายนอกวางรั้วขวาก มากรั้วหนามเป็นชั้น ขั้นเป็นเขื่อนเป็นขอบ แต่งตามระบอบศึกเสร็จ บพิตรเสด็จพักพล คอยจักผจญศึกกล้า อยู่กระชั้นค๋ายหน้า ซึ่งตั้งขัดพล อยู่นา โคลง ๔ น่ายลพยหทัพไท้ อยู่หัว สองแฮ ชุมค่ายรายกลบัว กลีบซ้อน แสนเศิกเพ่งพึงกลัว แกลนเดช ท่านนา เถกิงพระเกียรติดั่งต้อน ศึกให้แตกหนี โยธีเทียมด้วยพวก พลสราง ดูประดุจเต็มดวง ท่งกว้าง กองหน้าและกองหลวง แลหลาก หลายแฮ เสียงสนั่นม้าช้าง เฉกฟ้าดินไหว พลไกรล้วนกลั่นแกล้า กลางสมร อาจจักหั่นหัวมอญ ขาดเกล้า แสนยาพลากร ต่างหื่น หาญเฮย คอยจักโรมจักเร้า จักร้าราญเขญ ร่าย ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร จักออกรอนออกรบ จักออก ทบออกทาน เอาอาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมือง ถึง จึ่งสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่อปลัดทัพ กับสมิงซ้าย ม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พากพหลหมู่ม้า ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตรทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็ดไปทูล แด่นเรศูรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรถ ยกมายุทธแย้งรงค์ แล้ว พระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า ถ้าจักประมาณ พลไกร สักเทาใดดูตระหนก ตรัสซ้ำซกเขาสนอง ว่าพลผองทั้ง เสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษตื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้า ช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แตกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่สามยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็วเร่งจัดอย่าช้า พรุ่งเช้าเราตี เทอญนา โคลง ๔ เสนีรับถ้อยท่าน ทุกตน ต่า่งเร่งตรวจเตรียมพล ทุกผู้ พลหาญหื่นหนรณ เริงร่าน อยู่แฮ คอยจักขับเคี่ยวสู้ เข่นเสี้ยนศึกสยาม ครั้นยามสิบเอ็ดแล้ว เวลา ลุเอย องค์อัครอุปราชา หน่อไทั โสรจสรงรสธารา รวยรื่น ฉมนา เฉลิมวิเลปน์ลูบไล้ เฟื่องฟุ้งเสาาคนธ์ เสร็จพระทรงเครื่องต้น แต่งกาย ท่านนา สวมสอดสนบเพลาพราย อะเคื้อ ภูษิตพิจิตรลาย แลเลิศ แล้วแฮ ทรงสภาภรณ์เสื้อ เกราะแก้วก่องศรี ภูมีเฉวียงมาศสร้อย สังวาล เวียนนา ประดับมรกตกาญจน์ กอบแก้ว พาหุรัดรัตนประพาล โอภาส พิศแฮ ตาบเพชรเก็จมาศแพร้ว พร่างพร้อยพรายแสง ชายแครงแซงช่อซ้อย ไฉไล แลพิลาสชายไหว เพริศพริ้ง รัตพัสตร์พิพัทธ์ไพ ฑูรย์ถ่อง แสงฤๅ จรูญจรัสรัตนสะอิ้ง เจ็ดแก้วก่องศรี นาคีภุชแผ่เกล้า เกลือกเศียร คลี่อาตมออกเวียน หัตถ์ไท้ นพรัตน์เรียบรายเฉวียน ฉวัดวิ่ง แสงนา เถือกเถกิงกลไต้ ตากรุ้งเรืองโพยม แสงโสมแสงแก้วส่อง สุริยฉาย อร่ามรัตนกุณฑลพราย พร่างฟ้า อุณหิสวิจิตรราย ปัทมราช แลฤๅ เจ็ดอุรุคเรียบหนา ผกเกล้าเกลื่อนหงอน อาภรณ์พิพิธพร้อม เพราองค์ เอี่ยมเอย มาศมุททิกท่านทรง สอดนิ้ว เรียบรัตน์คู่ควรคง ขัดค่า เมืองฤๅ เรืองมณีนพริ้ว ร่วงรุ้งรังสี นฤบดีทรงเครื่องถ้วน ถมอา คมแฮ ล้วนเลขยันต์คาถา ทั่วแท้ สบสรรพพิทยา คณเวท หวังจะเกึยดกันแก้ เกี่ยงพ้นภัยเขญ ภเบนทร์บ่ายบาทขึ้น เกยหอ ขี่คชชื่อพัทธกอ กาจกล้า บ่เข็ดบ่ขามขอ เขาเงือด เงื้อแฮ มันตกติดหลังหน้า เสือกแองส่ายเสย เคยศึกส้ศึกไซร้ ไป่หนี ศึกแฮ หาญสง่าไพรี แง่ง้ำ เฉกช้างวัสวดี คิริเมขล์ แลเฮย หกศอกคืบสูงซ้ำ เศษนิ้วเบญูจางค์ สรรพางค์พิลาสล้ำ อลง กรฌ์เอย ครบเครื่องคชาธารทรง เพริศแพร้ว พรายแพนมยูรยง ยลยาบ อยู่นา เศวตฉัตรพัดโบกแผ้ว ผ่องพื้นคัคนานต์ โอฬารแลเลิศด้วย อภิรุม บังแทรกสุริยสายชุม ฉัตรชั้น เสียงฆ้องแข่งขานรุม ระดมแห่ ฮึกแฮ โพนพาทย์เภรีซั้น แซ่ซ้องกาหล ขุนพลประจำคชแกล้ว เถลิงกลาง สมเญศสมิงนันทมาง กาจกล้า กรกุมมูยรหาง แพนเทิด ทายเฮย พร่างพร่างพรายพรายฟ้า อยู่เพี้ยงเหินหาว ด้าวท้ายกเรนทเรศผู้ พนักงาน เมืองมลวนเป็นควาญ ขี่คว้าง กรายกรกระลึงธาร ขอเข่น คอยขับคชง่าง้าง เงือดเงื้อหงายคม สมเด็จหน่อนาถด้าว อัสดง อังกุสภุช ธำรง รูปง้าว ครวัดครวีทรง แสดงเดช ท่านนา เกริ่นพระเกียรติอะคร้าว ครั่นฟ้า ดินไหว ไพบูลย์จัตุบทเบื้อง จำนำ คชเฮย นันทสูราชสังครำ บาทหน้า บาทหลังฝ่ายเฉวียงสดำ ขุนคู่ หนึงแฮ นามชีพพรายชีพพร้า พรั่งพร้อมแห่แหน แสนยาพลามาตย์ทั้ง ทวยสถล สารแสะส่ำผองพล ไต่เท้า สามสิบหมื่นหมายตน สามสิบ ร้อยนา เนืองนิกรควบเข้า แต่งตั้งในสนาม ร่าย ตามขนบพยุหบาตรา สรรพเสนานามมี เทียบโยธี เจ็ดแถว แนวละเจ็ดกองเป็นขนัด จัดเป็นสี่สิบเก้าทัพ ลำดับ ดูดาษดา ธให้พระยาจิดตอง พลหมื่นสองพันตน เป็นขุนพล ทัพนำ ขี่ประจำคชคง นามมาตงค์ยุมาตาง มางนันทมิตรปีกขวา ขี่คชาปลอกหะละ กะพลให้สี่พัน ปีกซ้ายปันทวยทัพ นับเท่า กันไตรตรา มหานรธาเป็นขุน ขี่กุญชรเนียบพยู่ห์ ผู้ทัพแซงฝ่าย ขวา โยธาพันห้าร้อย คะค้อยป้องริปู มางธนูลักขยา ขี่ไอยรามรัดคาน เป็นขุนหาญหัวทัพ แซงซ้ายนับหนึ่งขวา ผู้เป็นนายกไสร้ ให้มางธนูเดชะ ยกพยุหะออกยอ ขี่พลาย กลอรายชวา แซงนอกขวาสร่ายกระโลด แซงซ้ายโสดสร่าย กระลาย ถือทนายสินธพ ครบคนละร้อยรายเรียง ขับขึ่เคียง คู่แข่ง ทัพหน้าแต่งแจงจัด ดำเนินถัดทัพนำ ส่ำนิกรสกรรจ์ หมื่นห้าพันดาษตา ธให้พระยาอภัยคามินี คุมโยธีทวยหาญ ขี่สารสัพพางคุลาง เป็นกองกลางพลพฤนท์ สมิงอินทจักร ปีกๆขวา โยธาห้าพันมี นาคีเข็มรัดชวา จัดเป็นพาหนะผาดผ้าย ปีกซ้าย สมิงพ่อเพชร เห็จขึ้นพรายรายผวน จำนวนพลเพียงกัน แซงซ้าย นันทสุระ ขี่สีหนาเคนทร์ เกณฑ์พลพันห้าร้อย แซงขวาน้อย ไป่มี มวลพิรีย์เทียมทัด จัดเอาชัยสุระ สุริยะไอยรา เป็นพลาธิบดี แซงนอกมีแสะมาก สร่ายนาคเบื้องทักษิณ สร่ายอินทร์เบื้องอุดร ถือนิกรหมู่ม้า ร้อยห้าสิบเสมอกัน แล้ว ธให้สรรเกียกกาย ผู้เป็นนายเป็นโบ มางจาชโรพระพี่เลี้ยง เพี้ยงหฤทัยภูธร เถลิงกุญชรพัชเนียง หกศอกเพียงเศษคืบ สองนิ้วสืบสูงเติบ เอิบมันอาบหน้าหลัง โจมจำบังบ้าทัพ ประดับ เครื่องพระคชาธเรศ ปักเศวตบารฉัตร เฉกดั่งขัตติยพันลึก สมิงปราบศึกกลางสาร ควาญสมิงมือเหล็ก เต็กเตือนของ่าง้าง ช้างดั้งกันดาษดา ครบเครื่องราชาปโภค พัดโบกฉัตรชุมสาย รายบังแทรกบังสูรย์ เรืองจำรูญจำรัส แล้วธแต่งกษัตริย์โสฬส ขุนขี่คชคุมพล ทำเป็นกลงำเงื่อน หวังศึกเลื่อนลานหลง ห่อนรู้ องค์มหิบาล ล้วนคชาธารปักฉัตร อเนกขนัดเนืองนอง เป็นกอง กองเหล่าเหล่า พลเท่าเท่าทุกทัพ สรรพส่ำสรรพศาสตรา ดา พยุหเรียงระยะ สมิงพัตบะขี่สาร รานนิกนางมีนาม สมิง พระรามเถลิงพลาย รายปลอกกระยอเริงร้าย อายพะบูลขี่ คชินทร์สมญานิลลาตอง อายกำกองขี่ช้าง อ้างนามนาคพินาย สามกรายขึ้นคชาชาติ หัษปีสาจสามรรถ สมิงมหาธัธธำรง มิ่ง มาตงค์ตอมู ราชามนูเรืองฤทธิ์ ขี่พิจิตรหัสดิน สมิงนครอินทร์ เลออาสน์ ดำรีราชสังครำ ขุนประจำพลายกระมัด สมิงสาม ผลัดออกนาม รอดสังรามขี่คอ ปองกะยอไอยรา สิริพรหมา เกรียงไกร ขี่ชัางชัยมงคล สมิงนนทสุริยะ ขี่พลายสุระ หยัดยืน อายกองปืนเถลิงสาร ประจัญมารเป็นอาสน์ สมิง โยคราชเริงรงค์ ขี่พันคงคชเลิศ สมิงพัตเบิดเข้มขัน ขี่พลสบ อนันตโยธา อายมนทยาเหินเห็จ พลายธนูเพชรพ่าหน์ พื้นกลั่น กล้าทารุณ ครบสิบหกขุนสิบหกคช ดำรงยศขัตติเยศ ถือขัตติย เพศพิมล เถือกถกลแลสล้าง หน้าช้างมางจาชโร่ ล้วนอ่าโอ โอฬาร มีคชสารแซงแทรก ดั้งกันแยกยืนยัน ปันเป็นหมวด เป็นหมู่ อยู่บ่คละปะปน แล้วเทียบพลเสนัด ขนัดจ่ารงมณฑก นกคุ่มขานกยาง วางนกโพรงนกสับ ดับพลโล่พลดั้ง ทั้งพลดาบ สองมือ คือละพวกละพัน พิศแน่นนันต์เนืองนอง จัดเป็นกอง เป็นชั้น บั้นเบื้องหน้าโดยดับ แล้วธแต่งทัพปีกขวา ให้พระยา เมาะตะมะ กะนิกรครบหมื่น เมิลดาษดื่นพสุธา ขี่คชาจำกะยอ ปีกซ้ายพอพลเท่า เจ้าเมืองตะเกิงคุ้มคุม เถลิงละลมแทงคช กำหนดกองแซงขวา เมืองตึกคลาถือทัพ นับทายหาญทวยกล้า สองพันห้าร้อยมี ขี่หัสดีกำยาง แซงซ้ายวางดั้งขวา โยธาเทียบ พยหะ เมืองทละเป็นนาย ขี่คชรายเรียบนาง แซงนอกวางแสะ เรียง สร่ายละเปียงเป็นขวา สร่ายพรหมาเป็นซ้าย ย้ายดุรงค์ แล่นลอง ทั้งโทกองเสมอม้า สองร้อยห้าสิบประมาณ ฝ่าย ทวยหาญทัพหลวง ปวงพิริยโจษจน ห้าหมื่นพลคณนา ปีกขวา ให้พระยาเกียรติ์ สองหมื่นเดียรดาษพฤนท์ ขี่คชินทร์ประกายมาศ ปีกซ้ายสระพราศพลเพรียง พึงพอเพียงไป่เพิ่ม พื้นหื่นเหิ่ม สงคราม พระยาพระรามรณหาญ ขี่สารสิงหนารายณ์ ผายพหล ป้องปก เป็นนายกโยธี เจ้าบุรีตองอู รั้งพยูห์แซงขวา แสนยา ห้าพันนาย ขี่ตะมายไอยรินทร์ เจ้าธานินทร์มองมละ เถลิงมวะ นาเคนทร์ เกณฑ์เป็นแซงซ้ายพล พวกพหลเทียบทัด ถัดแซง นอกเนืองนอง กองอาชาห้าร้อย สร่ายจรประสร้อยขวาทัพ แซงซ้ายนับเทียบทาน สร่ายโลกมานคุมพล หนหน้าพระคชาทรง ส่ำมาตงค์เนื่องขนัด จัดเป็นดั้งเป็นกัน สรรเป็นแซงเป็นแทรก แยกโดดแล่นโจมทัพ สรรพค่ายค้ำพังคา เมิลมหิมาทั้งมวล สำทวยทวนทองเทิด เพริศพู่พรายพะพร้อย สี่ร้อยดูดำเกิง ทวยศรเพลิงโดยดับ ทายนกสับตระแบงแก้ว แล้วจ่ารงล้อลาก มากมณฑกนกยาง วางกุทัณฑ์กำซาบ สมิงสามปราบสามแหลก แยกเป็นกองซ้ายขวา ถือโยธาทวยปืน ยืนสระพราศสระพรั่ง ทวยโล่ดั้งดาบเขน เกณฑ์ขนกลั่นขุนกล้า เลิกพร้าโลกนรินทร์ ธนูศิล์ปอุบากอง สองฝ่ายควบคุมทัพ นับกองละห้าร้อยราย นายขี่คชทุกหมวด ผู้ไตรตรวจพิรีย์ อังวะมังศรีสมิงพัช สองขุนจัดแจงขบวน ประมวลพยุหกองหลาง ตามกระทรวงศึก สรรพ แล้วธแต่งทัพยกกระบัตร จัดเป็นปีกเป็นแซง แวงในนอก โดยขนาด พระมหาราชเชียงใหม่ เป็นขุนใหญ่รั้งพฤนท์ ทรงคชินทร์ชมพูธัช วัดอินทรีย์สูงสืบ หกศอกคืบโดยมี เศษองคุลี หนึ่งนับ ซับมันติดหน้าหลัง บุกจำบังเบือบร หัสดาภรณ์โอฬาร เครื่องคชาธารผูกหมั้น กั้นเศวตฉัตรผ่องแผ้ว พระยาเชียงแก้ว กลางสาร แสนหาญใจศึกไสร้ ให้เป็นควาญขี่ขับ สรรพส่ำสาร โจษจัน ดั้งกันแทรกแซงสล้าย ปีกซ้ายพระยาเชียงราย ขี่รำชาย กุญชร พระยานครลำปาง ขี่มาตางค์กุณฑล เป็นขุนพลปีกขาา ธให้พระยาเชียงของ ถือแซงกองทักษิณ ขี่นาคินทร์สวัสดี ให้ราชีเชียงแขง ถือทัพแซงซ้ายพล ขี่พลายมงคลชาตรี แซง โยธีอัศวะ สร่ายสุกะเป็นขวา คุมอาชายาตรย้าย แซงหนซ้าย สร่ายซัย ขับทวยหัยเหินเห็จ เสร็จแสนยาทั้งผอง เท่ากับกอง เกียกกาย กองหลังรายเรียบพยู่ห์ ผู้เป็นจอมโยธี ฟ้าแสนหา เถลิงยาน สารอุโบสถา ให้พระยาสิบอ ขี่เกียนกะยอนาเคนทร์ เกณฑ์เป็นปีกอุดร ขนนครโมแน ขี่แขแมหัสดิน ปีกทักษิณ ศึกสู้ ผู้ผ่านเมืองโมเยียง เรียงเรียบพลแซงขวา ขี่ยาตรานาคี เจ้าธานียองยง สถิตมาดงค์เป็นอาสน์ แก้วไกลาสลือนาม ดำเนินวามแซงทัพ ถับแซงนอกเนื่องนอง ส่ำแสะสองฟากฝ่าย สร่ายตะมอดเบื้องขวา เบื้องอุตราสร่ายยักษ์ พรักพิริยอัสดร แสนยากรทั้งทัพ นับกองหน้าเทียบทัน แล้าสรรกองหนุนหลัง รังท่อนท้ายรายเรียบ เทียบพลเท่าทัพนำ ลำเครื่องพหลดาดาษ เมืองเขมราษฎร์เป็นขุน กุญชรแปรเป็นพ่าห์ จ่าปีกซ้ายพระยา พะยาว ถือทายลาวเลอคช สมญายศสิงห์คำ ขนจำนำปีกขวา คือ พระยาพะยาก ขี่ขับนาคบุญเรีอง เนืองทัพแซงซ้ายด้าน ให้พระยาน่านนำพิรีย์ เถลิงหัสดีราชา ทัพแซงขวาพระยาสวางค์ ขี่มาตางค์นาทศักดิ์ ภายนอกพรักพรั่งเพรียง เรียงดุรงค์ดาษ ระดะ สร่ายสิงหะซ้ายแซง แขวงขวาสร่ายละนะจาว ส่ำพล ลาวมากมาล ส่ำพลยวนมากหมู่ พลต้องสู่เข้มแขง พลยางแดง เข้มเขี้ยว แสนพลเงี้ยาคลาคล่ำ ส่ำพลเขินคั่งคาม พลพุกาม โจษจัน พลรามัญจันโจษ โดดเล่นเต้นตามคะนอง ลองครา อาวุธ หวังยอยุทธ์ชิงชัย เพียบแผ่นไผททั้งมวล ขบวนสรรพ เสนา ดากันเป็นเจ็ดทัพ สรรพพลสารสำ่สรรพ์ พันห้าร้อย เรียบราย หมายพลม้าสามพัน เรียงรันสองฝ่ายฟาก มาก เมือบขอบท่งท้อง ซ้องแสนยาเทาเท้า เข้าประมวลถ้วนแสนสาม แสนเศิกขามทุกด้าว ดูทหารทห้าว เหิ่มเหี้ยมเสียมแสยง ยิ่งนา โคลง ๔ เสด็จแสดงพิริยพ่าห์เพี้ยง ไพจิต ราเฮย ปองปัจจามิตรแมน มุ่งฟ้า อมราธิปสึงสถิต เมรุมิ่ง เมืองฤๅ เสมออยุธเยศหล้า แหล่งไท้เถลิงถวัลย์ ผี้ว์บ่นั้นคือเศิกสู้ สงคราม โพ้นฤๅ ปางราพณ์โรมรอนราม เรี่องอ้าง ทวยทัพเทียบในสนาม เสนอเดช นั้นนา สนั่นแต่เสียงม้าช้าง เฉกฟ้าดินสลาย พรายแสงศัสเตรศจ้า จับโพยม ทิวธวัชปัดปานโคม ไขว่คว้าง ทวนมาศดาษดวดโดม ดูเถือก แถวแฮ หอกแห่แลสลับสล้าง โล่ดั้งดาบเขน เพญพากพยุหยุทธ์แย้ง แผลงผลง มณฑกนกสับจรง ลากล้อ ทวยธนูกุทัณฑ์ทรง กำซาบ ศรแฮ หาญศึกฮึกห่อนท้อ ถดท้ายภายหลัง คับคั่งสระพรั่งพรึบพร้อม พลพฤนท์ ดูชระเดียดดื่นดิน ท่งท้อง เฉกชโลทกธาริน แถวถั่ง มาฤๅ ปางเมื่อพรรษาซ้อง สดไซร้ไป่มี ธุลีฟุ้งเฟื่องห้อง เวหา หนแฮ ชระอับสุริยอาภา เผือดแผ้ว มลักแลเล่ห์สนธยา ยามย่ำ ลงฤๅ คล่ำคล่ำคลาพลแคล้ว คลาดคล้ายคลายขบวน โคลง ๒ ด่วนยาตรพยุหไต่เต้า จากตระพังตรุเหล้า แหล่งอ้างออกนาม แลนา โคลง ๓ งามนิกรแต่งตน ยลสง่าเศิกเสี้ยน ใคร่เพ่งใคร่พิศเพี้ยน พ่างเพี้ยงพิศวง อยู่นา ร่าย ธงชัยโบกโบยใบ ลั่นฆ้องชัยกังวาน ขานฆ้องกระแต ทุกทัพ รับตามหมวดตามกอง กลองชนะครั่นเครงครึก กึกก้อง พาทย์อึงอล กาหลแตรแซ่สังข์ ประนังศัพท์เอิกอุด จุดจ่ารง เรียกฤกษ์ กระเกริกเสียงนฤนาท ยาตรพลคชคั่งคาม งามคชา ภรณ์สรรพ หมอควาญขับขี่ประจำ สวมเสื้อดำหมวกหมึก พิลึกล้ำแลทมอ มือกุมของ้าวง้าง กลางช้างเทิดทวนทาย พรายพู่แพร้วระยับ พลคชประดับเครื่องเขน เพญแพนมยุรยรรยง เรียบจ่ารงหลังสาร โรมรำบาญลาญทัก หักริปูป่นชนม์ ขุนพลขี่คอคช บรรหารยศยงยิ่ง สิ่งสำอางอ่าอาตม์ เสื้อริ้วมาศ เรื้อยชาย ปลายต้นกรทองทาบ โพกผ้าอาบอาคม หมวดศักดิ์ สมเศียรเทริด เชิดร่มระบายรายระย้า พิศพลม้ามนมอง สอง ตราบท่งแถวแซง แขวงขวาซ้ายรายเรียง เพียงม้าแมนม้าเมษฐ์ พิเศษสรรพเครื่องม้า ตาบติดหน้าพรรณราย อานจำลายแลเลิศ เพริศพู่พรายสายง่อง ถ่องสายถือดูเพรา สายเหาเนาหน่วงหลัง โกลนพนังโอฬาร พานท้ายรายดาวมาศ พานหน้าดาษดาวทอง พลอัศวผยองโผนผก ขุนแสะตกแต่งกาย เสอจีบชายฉายฉัน ชมพูพรรณแจ่มจ้า ผ้าโพกสลาสุกล กรคราีแส้ฟาด ถือทวน มาศฟ้อนฟาย ลางเกาะสายศรน้าว ลางง่าง้าวงามงอน ลางโตมรกวัดแกว่ง ลางสะพายแล่งตาวตาง ลางกุทัณฑ์ แผลงผลง ขับดุรงค์เริงร่าย ฝ่ายเถมินทวยเท้า เต้าเต็ม ท่งแถวสถล ต่างแต่งตนอะเคื้อ เสื้อดำแดงดูดาษ ชมพู ฉาดขาบเขียว เหลืองเหลือบเหลียวหลายพวก หมวกต่างสี สวมเทริด เทิดธงอินทรธนู ดูพลดั้งคั่งคับ ดับพล โล่คั่งคาม งามพหลง่าง้าว ห้าวพหลหอกแห่ เสโล แหล่หลายสลอน โตมรมากหลากสล้าง ทวยเขนคว้างครวัด ทวยตาวกวัดครวี ส่ำพิรีย์สินาด ดาษดื่นเดินแจจัน แล ละพรรค์ละพ้อง ซ้องช้อนซับสับสน พลพิศสุดสายตา เสียงบาทาทวยหาญ เสียงบาทสารแสะสนั่น ลั่นสระทก สระท้าว พ่างพกภูว์แผ่นด้าว ล่มล้มถล่มทลาย แลนา โคลง ๔ หลายหมู่มากมิ่งม้า มาตงค์ สระพรึบพหลดุรงค์ ร่านร้าย ศัสตราวุธทวนธง เถือกถ่อง แถวนา อเนกนิกรผาดผ้าย เพียบหล้าแหล่งสถาน ร่าย เบื้องนฤบาลบดินทร์ นรินทร์นเรศวรราช ปางเถลิง อาสน์เกยชัย ในฉายาไม้ประดู่ เร่งพยู่ห์ตั้งค่าย ฝ่ายหน้าหลัง ซ้ายขวา ดากันดูดาษเดียร พลางธระเมียรหมู่ม้า ฝ่ายข้าศึก รามัญ ผันผายชายท่งทิว ลิวแล่นกลับฉับเฉียว เหลียวลับเนตร ตระบัด ธก็ดำรัสพิภาษ แด่มุขมาตยายง ซึ่งดุรงค์เร็วคลา รอยพระมหาอุปราช ให้มาลาดสืบทัพ กลับเอาเหตุไปแจ้ง จักยุทธ์แย้งใหญ่ยอ พรุกนี้พอฤๅแผก เร่งยกแยกโยธี ทัพพระยาศรีไสนรงค์ ผู้อาจองสามารถ กับพระราชฤทธานนต์ คู่ขุนพลเร่งผ้าย ย้ายแต่ยามราษตรี ตีสิบเอ็ดออกโรม โถมประ ทะทัพหน้า ข้าศึกดูกำลัง หักให้พังให้พ่าย ฝ่ายพยุหทัพหลวง แต่งตามกระทรวงโดยดับ สรรพแต่ย่ำรุ่งราง ส่ำเสนางค์ทุกนาย รายเรียบพหลพยุหบาตร ตามพระราชกำหนด แต่งตนหมดทุกหมู่ อยู่อธึกดาษดา ครั้น ณ เวลาอุษาโยค จึ่งพระจอมโลกจรรโลง เถลิงเกยโถงเทียบทัพ กับบรมราธอนุชา ตรวจแสนยาเพียบเพญ เบญจเสนางค์เนืองนอง ยี่สิบห้ากองกลากลาด ให้พระยาศรีราช เดโช โยธีถ้วนหมื่นหมาย ขี่พลายโจมไตรภพ ออกโรมรบหัวหน้า ขุนทกล้าปีกซ้าย ฝ่ายพลป้องกองกัน เกณฑ์ห้าพันไตรตรา พระยาพิชัยรณฤทธิ์ สถิตคนาธเรศ สมเญศจบไตรจักร กองปีก ปักษ์ทักษิณ พฤนทาเท่าคณนา พระยาพิชิตรณรงค์ เถลิงมาตงค์ ขี่ขับ จู่โจมทัพเป็นมุล ขุนนิกรแสะแซง แขวงขวาตั้งตาม กระทรวง หลวงจบจักรพาล สิธพยานธำรง สุริยบรรยงก์สมญา ทวยอาชาร้อยเรียง แซงซ้ายเพียงพลรบ หลวงผ่านพิภพพรัง พฤนท์ พาชินทร์หงสพิมาน จัดเป็นยานผกผยอง กองพหล เกียกกาย หมายหมื่นหมู่โยธา ให้พระยาเทพอรชุน เป็นขุน ควบคุมทัพ ขี่คชจับโจมยุทธ์ ปีกซ้ายดุจกองหน้า ห้าพันพวก พลไกร พระยาพิชัยสงคราม ถือทัพดามกองเกณฑ์ นามคเชนทร์ ผู้พ่าห์ ฝ่าพลแมนเมามัน ปีกขวาปันทวยทัด จัดพระยา รามกำแหง เป็นขุนแขงรำบาญ ขี่สารแสนพลพ่าย ฝ่ายซ้าย แซงหมู่ม้า ร้อยห้าสิบมโนมัย หลวงพิชัยมนตรี ขีพาชีอรุณรัศมิ์ ถือทวยอัศวนิกร พลอัสดรแซงขวา ผู้นายกพิรีย์ คือหลวงศรี อัศวเดช เหินหัยเรศปัทมราช สระพราศพฤนท์เพียงกัน แล้วให้ สรรทัพหลวง ปางพลเสร็จเจ็ดหมื่น ดื่นพหลแหล่หลาย ปลาย เชือกหน้าคชาธาร เกณฑ์กองหาญหักศึก ฮึกเหี้ยมหนรณโรม เอาขุนโจมจัตุรงค์ ขี่มาตงค์เป็นขุน นามพลายกุญชรชัย ถือพล ไกรเขนทอง กองขวาห้าร้อยเรียง ซ้ายพลเพียงพอกัน สรรขุนI ทรงเดชะ เถลิงพาหนะเชี่ยวชัย ช้างชื่อไกรสรเดช เป็น เชษฐพฤนทาทัพ ถับทวยปี่กลองชนะ กะนิกรซ้ายขวา ห้าร้อยดาดูสล้าง สองตราบข้างแถวทาง วางเท่ากันเดียรดาษ ให้พระราชมานู นำพยูหดำเนิน เหินเหนืออาสน์ไอยรินทร์ นาม หัสดินพิษัย ทวยท้ายไดดั้งถือ มือกระลึงโล่สล้าง คว้างครวี ตาวตระแบง แขวงซ้ายขวาห้าร้อย ต้อยดำเนินเนื่องขนัด จัด หลวงเผด็จสงคราม ขี่คชนามบุญยิ่ง มิ่งมงกุฎมาดงค์ ดำรงหลวง รามพิชัย อภัยขุนคุมทัพ ดับกองอาสาจาม ห้าร้อยตามกันเต้า ผู้เป็นเผ้าพลขันธ์ พระราชวังสันกลั่นแกล้ว ขี่คชแก้วมาเมือง เนืองญี่ปุ่นอาสา โยธาเท่าเพียบเพญ เกณฑ์พระเสนาภิมุข ถือ พิริยรุกโรมรอน เถลิงกุญชรชื่อเลื่อง เฟื่องภพตรัยชัยชาญ ถับทวยหาญทะลวงฟัน ขันคู่ใจจอมภพ ครบร้อยสามสิบหกนาย ทายโล่สี่สิบสอง ทายเขนทองเทิดทัด ถัดทายตาวสองมือ คือห้า สิบสองนับ ดับหัวหมื่นพันทนาย หมายสี่หมู่พระตำรวจ ตรวจ กันแต่งตนถ้วน ล้วนสะพายแล่งตาว ทวนทองยาวจำทาย ห้าร้อยรายเรียงขนัด แล้วธให้จัดไอยรา เจ้าพระยาไชยานุภาพ อาบมันติดเต็มตน ทรงพหลเหี้ยมหาญ ประมาณหกศอกคืบ สืบ สูงสองนิ้วนับ ประดับเครื่องคชาธารเทิด เศวตฉัตรเชิดอัมพร กลางกุญชรฝ่ายเฝ้า เจ้ารามราฆพสถิด ทิศท้ายนายมหานุภาพ กราบเอางานควาญขับ สรรพแวงองครักษ์ราช จัตุลังคบาท บริบาล งานมหาเทพบูรณ์เฉวียง เฉียงขวาพระมหามนตรี เท้าหัสดีปฤษฎางค์ สองเสนางค์จำนำ สดำหลวงอินทรเทพ เสพ หนซ้ายหลวงพิเรนทร์ เกณฑ์ประจำเชิงคช เผยอพระยศยรรยง ฝ่ายสารทรงนฤนาถ พระบาทเอกาทศรุถ อิศวรวิสุทธ์กษัตรา เจ้าพระยาปราบไตรจักร โจมปรปักษ์บกบาง สรรพางค์หก ศอกคืบ สูงสืบซับมันเมา ผูกเครื่องเพราพรายเพริศ คชาธาร เทิดธำรง เศวตฉัตรทรงเทริดฟ้า นายทกล้ากลางคช บัญญดิยศ โดยศักดิ์ หมี่นภักดีศวรราธ ควาญคชาชาติท้ายถือ คือขุนศรี คซคง องครักษ์สี่บาทสาร หลวงพรหมธิบาลหน้าซ้าย ท้ายขุน อินทรรักษา ขวาหน้าหลวงอินทรธิบาล ท้ายสารขุนพรหมสุรินทร์ ล้อมเชิงคชินทร์บริรักษ์ พรักเครื่องพระอภิรุม ชุมกรรภิรมย์เรียง เรียบ เพียบพิริยคชาชาญ สารโดดแล่นโจมทัพ ดับดั้งกัน โทขบวน มวลมหิมามาตงค์ อลงกตคชาภรณ์ เถือกทินกรเรือง ระยับ ปีกขวาทัพเจ้าพระยา มหาเสนาเถลิงสาร มารประล้ยเลิศ ลือ ถือพลหมื่นห้าพัน ปกป้องกันซ้ายฝ่าย จ่ายจัตุรงค์เทียมเท่า ให้เจ้าพระยาจักรี เห็จหัสดีแสดงเดช สมเญศไฟภัทรกัลป์ สรรกองแซงแขวงขวา พระยาศรีสุริยพาหะ ถืออัศวพลพฤนท์ ขี่พาชินทร์พลาหก ยกพยุหหมู่ม้า สองร้อยห้าสิบผ้าย แซงซ้าย พระสินธพ ทายพลรบดุรงค์ คงคู่ขวาคลาคลี่ ขี่ควบขับอาชา วิเวกเวหาเหินผยอง แล้ว ธ จัดกองยุกกระบัตร โยธาทัดเกียกกาย ผู้เป็นนายทัพไสร้ ให้เจ้าพระยาพระคลัง เลอหลังกุญชรศักดิ์ จักรมหึมามีนาม พระราชสงครามปีกขวา ขี่ไอยราราชยาน พลายสังหารคชสีห์ ห้าพันมีหมู่พล หนปีกแขวงแวงวาม เอาพระรามรณภพ ครบเท่าเทียมโยธี ขี่พลายมณีจักรพรรดิ ถัดทัพแซงสองฟาก มากนิกายกองม้า ร้อยห้าสิบเสมอมี ขุนพิรียดุรงค์ เอาหลวงทรงพลราช อาชาชาติเป็นยาน อากาศ พิมานสมญา อยู่หนขวาทัพแซง ขุนแวงซ้ายขนัดขนาบ เอาหลวงปราบพลแสน ขี่ม้าแมนยืนยัน นามอนันตสิงหาสน์ หนพยุหบาตรกองหลัง ผู้รั้งพฤนทโยธา คือพระยาท้ายน้ำ ค้ำคอยหนุนเนื่องพล ขี่พาหนเหี้ยมหาญ สารสวัสดิวิชัย เทียบพลไกรหมื่นมวล ปีกขวาขบวนกองขัน ห้าพันเทียบทัพชัย หลวงหฤทัยสถิตสาร ทรงภูบาลห้าวฮึก เป็นขุนศึกโรมรณ ปีกซ้ายพลเทียบทัด จัดหลวงอภัยสุรินทร์ เป็นพิริยพฤนทามาตย์ พารณราชนามกร สารภูธรเป็นพ่าห์ กล้าศึกสู่สงคราม แซงทัพวามไวแว่น แกว่นนิกรหมู่ม้า ร้าอเรนทร์เมือมรณ์ หลวง สุนทรสินธพ ถือทวยรบหัยรงค์ ขี่แสะทรงสมญา เมฆมาลาเลิศ ลักษณ์ แซงทัพทักษิณด้าว ห้าวหัยหาญชาญเชี่ยว รวดเร็วเรี่ยว เริงแรง ขุนผู้แขงควบยุทธ์ หลวงวิสุทธิอัสดร เถลิงบวรอาชา ชื่อเมฆาพิลาป พิศภาพผ่านพึงใจ มวลมโนมัยเท่าทัด สองฟาก ขนัดขนาบแนว แถวท่งท้องนองเนื่อง เฟื่องผงคลีคลุ้มฟ้า หล้าแหล่งลั่นกำธร ทวยกุญชรทุกทัพ นับแปดร้อยจ่ายแจง สำแสะแซงครามครัน พันห้าร้อยเรียงเรียบ ทวยเท้าเทียบทั้งผอง สิบห้ากองดาษดื่น สิบแปดหมื่นมวลหมาย ทายส่ำสรรพาวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยรรยง รายจ่ารงมณฑก นกคุ่มขนัดฉัตรชัย ไสวนกสับสลับสล้าง หามแล่นคว้างไขว่คระแวง ตระแบงแก้ว เกลื่อนกลากลาด สระพราศพิริยพันลึก ศึกสยบสยอนห่อนใกล้ เถกิงนิกรทัพไท้ ธิราชเพี้ยงพลสรวง แลนา โคลง ๔ ปวงพหลรณเรศห้าว หื่นหาญ ศึกแฮ ดูดั่งพลมัฆพาน ผ่านฟ้า ปางผายพยุหแผลงผลาญ อสุรเศิก เสมอฤๅ โรมอเรนทรใต้หล้า กลอกเกล้าแกลนหนี ฤๅตรีภพนาถเจ้า จักรา วุธเฮย โหมสิบเศียรลงกา กนมล้าง พลพระพ่างพลพา นรพร่ำ เพรงพ่อ เผด็จอมิตรอาจอ้าง ออกเอื้อมเอาเสมอ หลั่งเลอลีลาศเต้า เต็มพฤนท์ สระพรั่งพิริยหัสดิน ดื่นม้า พลตีนตากธรฌิน เนื่องเนิ่น แนวแฮ เทียวธาัชปัดป่วนฟ้า ฟ่องเฟื้อยปลายปลิว ทิวทวนทองถ่องท้อง อัมพร แสนส่ำ ศัสดรดู อัเคื้อ ดาบดั้งดาบสองกร เถกิงดาบ เขนแฮ ดาบโล่โตมรเงื้อ ง่าง้าวขาวคม ระดมรดาษเที้ยร เถมินเชิง ชูสินาดดำเกิง กาจกล้า น้าวนกยกชุดเพลิง ไกวกวัด อยู่แฮ หามแล่นแว่นไวถ้า ออกเข้าคือภมร ไฟศรสามรรถแม้น ธนูรา เมศฤๅ ธัยฉัตรรัตนจินดา ชื่ออ้าง จรงเรียบเทียบทางถลา ล้อลาก หลายแฮ มณฑกนกคุ่มล้าง ลวกเสี้ยนเศิกกษัย หัยคชบทบาทเบื้อง ทวยสถล เพียงพกภูวดลแดน ท่งท้อง ธุลีเลวงอน ธการก่อ เกิดแฮ หนแห่งเวหาสห้อง กลัดกลุ้มเกลื่อนสูรย์ มั่วมูลพลเพียบพื้น รัถยา ขนัดนิกรโยธา เทียบไว้ เฉกกระแสสมุทรสา ครคลี่น คลาแฮ คอยฤกษ์เบิกพยุหไท้ ธเรศแคล้วคลายขบวน ร่าย ส่วนพระยาศรีโสนรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระ ราชฤทธานนต์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้ ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตี ตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่น โดยมี ตนพระยาศรีขี่คช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมีองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกช้าย เห็จคชผ้ายทุกมุล ขุนผู้คู่กำกับ เป็นทัพหลังพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะ จำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณ ผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา ตรีเสนา เก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนแสะสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมาย ประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวย กล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่ เอาฤกษ์ เอิกอึงเห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงี้อ ดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวา เข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปันกันออกโรมรณ ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสสู้ศึกบ่มิลาด อาจล่ออาจเข้ารุก อกต่ออกเข้าร้า กล้าต่อ กล้าชิงบั่น กลันต่อกลั่นชิงรอน ศรต่อศรยิงยึน ปืนต่อ ปืนยิงยัน กุทัฌฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้ง ติดติด เขนประชิดเขนสู้ ตาวคู่คู่ตาวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทานทบ รบอลวนอลเวง ต่าง บเกรงบกลัว ตัวต่อตัวฟังมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคน ต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัด หลังสาร ขานเสียงคึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไว ชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโรม ทวนแทงโถม ทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไล่ไขว่แคว้ง แย่งธนู เหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว เรี่ยวต่อ เรี่ยวหักแรง แขงต่อแขงหักฤทธิ์ ต่งประชิดฟอนฟ้น ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสามรรถมือทาน ผลาญกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต้มแหล่ง แบ่งกันตาย ลงครัน หันกันตายลงมาก ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็ม เผื่อนเต็มพง ที่ยังคงบมิยู่ ที่ยังอยู่บมิหยอน ต่างต่อกร ฮึกฮีอ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุน แน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะคึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกัน ยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบมิแตก แยกยุทธ์ แย้งบมิพัง ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญ จู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขนเด็ด บอยากเข็ดอยากเกรง บอยากเยงอยากย่าน บัดมอญม่านมาหลาย รายกันโอบกันอ้อม ล้อมกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผ่ออกรบบมิรอด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลามเหลือล้นพลเต้า เสียงปืนตึงตื่นเร้า เร่งครื้นเครงครึก อยู่นา โคลง ๒ พันลึกล่มลั่นฟ้า เฉกอสุนีผ่าหล้า แหล่งเพี้ยง พกพัง แลนา ดังตรลบโลกแล้ ฤๅบ่ร้างรู้แพ้ ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา สองฝ่ายหาญใช่ช้า คือสีหสู้สีหกล้า ต่อแกล้ว ในกลาง สมรนา โคลง ๔ ปางอุภัยภูเบศเบี้อง บูรพ์ถวัลย ราชย์แฮ เรียบพิริยพลพรรค์ พรั่งพร้อม เจียนจวบรวิวรรณ รางเรื่อ แลฤๅ ทวยทิชากรน้อม นอบนิ้วเสนอทูล เชิญไท้ยูรยาตรเต้า เตียงสนาน ถวายมุทธาภิสิตธาร เพรียกพร้อง ศิวเวทวิษณุบรรสาน สังข์โสรจ สรงแฮ มหรทึกครึกเครงก้อง เกริกหล้าหวั่นไหว ภูวไนยสวมเครื่องถ้วน อลง กรณ์เอย สำหรับราชรณรงค์ เลิศแล้ว สอดใส่สนับเพลาทรง ภูสิต แลนา ฉลองพระองค์ตาดแพร้ว เพริศพร้อยพรายทอง เรืองรองเจียระบาดช้อย ชายกระสัน รัตพัสตร์รัตนสุวรรณ เวียดอ้อม สังวาลวิวิธพรร โณภาส เฉวียงนา ประดับมณีนพพร้อม พร่างรุ้งฉานฉาย พรายแพร้วแก้วนิ้วท่าน ธำมรงค์ นพรัตนรัตนควรคง คู่หล้า มาลาลักษณะผจง กรวิก วาลแฮ เสร็จเสด็จสู่เกยถ้า ฤกษ์ผ้ายพลหาญ รวิวารวราวุธไท้ ธนูทรง คือคู่ชัยยุทธยง เยี่ยงท้าว ทวยแสนส่ำจัตุรงค์ เรียงเรียบ อยู่นา อเนกพหลหื่นห้าว หั่นเสี้ยนศึกสลาย ร่าย ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเซ่นไก่ ไขว่สรางพลี ผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แด่หลวงมหาวิชัย ใจทระนง องอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศ ทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอโสต โปรดโองการ ธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลาง ถอยพลางล่า มอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญ รับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโตยแดนผลู ดูคะคลาคะคลา บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่ง ซึ่งเนาใน กองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึงพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัว หมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาด ผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ประทะทัพดัสกร เข้าราญรอนรุมรุก คลุกคลีกันหนั่นหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนตอบมิหยุด เหลือ จักยุทธจึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัส ปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุน หมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้ มอด จัดขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้ง รั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัย ชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอย ทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิด ขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ โต้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองน่า เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหารท่านนา โคลง ๒ บนานต่างตนผ้าย ไปบ่รอรั้งท้าย ถี่เทัาผาดผัง มานา ผันหลังแล่นแผ่ผ้าน บมีผู้อยู่ต้าน ต่อสู้สักตน หนึ่งนา โคลง ๓ พวกพลทัพรามัญ เห็นไทยผันหนีหน้า ไปบ่หยุดยั้งช้า ตื่นต้อนแตกฉาน น่านนา ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์ เท่ห์กลไทยใช่น้อย ต่าง เร่งติดเร่งต้อย เร่งเต้า่ตีนดาม มานา แลหลังหลามเหลือนับ บเป็นทัพเป็นขบวนแท้ ถวิลว่าพ่ายจริงแล้ ไล่ล้ำระส่ำระสาย ยิ่งนา หมายละเลิงใจอาจ ประมาทประมาณหมิ่นหมั้น เบาเร่งเบาเชิงชั้น ชื่นหน้ามาสรลม สรลอนนา โคลง ๔ เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้า กษัตรา เถลิงพิภพทวารา เกริ่นแกล้ว สถิตเกยรัตนราชา อาสน์โอ่ องค์เอย คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้ว แผ่นพื้นหาวหน บัดดลวลาหกชื้อ ชระอับ อยู่แฮ แห่งทิศพายัพยล เยือกฟ้า มลักแลกระลายกระลับ ลิวล่ง ไปเฮย เผยผ่องภาณเมศจ้า แจ่มแจ้งแสงฉาน คัคนานต์นฤราสร้าง ราคิน คือระเบียบรัตนอินทนิล ดาดไว้ บริสุทธื่สร้างมลทิน ถ่องโทษ อยู่นา นักษัตรสวัสดิเดชได้ โชคชี้ศุภผล ร่าย ดลมหามหุติวิชเยศ จึ่งทวิชเชษฐ์เนมิตก ผู้ชำนิ นิตยศาสตร์ไสย ลั่นฆ้องชัยเฉลิมฤกษ์ เบิกบรรดากจรลี อินทร เภรีคึกขาน บรรสานศัพท์แตรสังข์ ประนังโพนพาทย์ดุริยา จึ่งบรมนราธิเบศ เชษฐ์อดิศรนรินทร์ ธก็ทรงคชินทรเจษฎา เจ้าพระยาไชยานุภาพ ปราบอเรนทร์ลาญปาน บัดนฤบาลบพิตร กนิษฐราชาธิราช เสด็จเถลิงอาสน์ไอยรา เจ้าพระยาปราบ ไตรจักร เป็นอัครยานยรรยง อลงกตหัตถาภรณ์ อลงกรณ์ ราชูปโภค โดยขัติตยโยคพิชัยยุทธ์ ราชกบี่ธุชทักษิณา พระ ครุฑพาหน์หนซ้าย ย้ายเนาาพ่าห์หว่างธวัช เสมาธิปัตเบื้องสดำ ฉัตรชัยประจำฝ่ายเฉวียง เรียงขนัดพระอภิรุม ชุมสายฉัตรจามร บังรวิวรบังแทรก แยกกันเดินคู่เคียง เรียงหนหน้าแหล่หลาย รายหนหลังแหล่หลาก ฟากหนช้ายดาษดา ฝ่ายหนขวาดาษเดียร ระเมียรหมู่มาตงค์ อลงกตเครื่องสาร ล้วนโอฬารแลถกล พลคช ดั้งดำเนิน เมิลหมอควาญขี่ขับ เสื้อหมวกสรรพสวมเทริด สีแดง เลิศสักหลาด ฉาดทอแสงทินกร ของ้าวงอนง่ารำ นายจำนำกลาง สาร ทานทวนเทิดจำทวย พู่สลัดสลายฟูเฟี่อง พลคชเครื่องจำลอง ผูกเขนทองจำหลัก ปักแพนหางมายูร ทูนจ่ารงบรรทุก บุกจำ บังพังพ่าย ฝ่ายขุนทัพขุนพล ตนและตนขี่คซ สวมหมวกยศยรรยง ลางขลิบวงเวียดหัว ลางตัวใส่เสื้อสนอบ ขอบหักทองเถือกทาบ ลางเข้มขาบเสื้อสวม กรวมศอคล้องทองประคำ ขอประจำกรจับ สัปทนกั้งบังตะวัน กรรชิงทานโทเทียบ พลอัศวเรียบรายแซง ซ้ายขวาแขวงขนาบเนื่อง เครื่องครบอัสสาภรณ์ อลงกรณ์ ติดตาบ พู่ผูกยาบยะยับ พานหน้าประดับดาวคำ พานท้าย ประจำดาวมาศ ศีรษะคาดขลุมสวม นวมเบาะอานกุก่อง สายง่อง คล้องสายเหา สายถือเพราผูกร้อย สองข้างห้อญโกลนพนัง ขุนขี่หลังอ่าอาตม์ กรองทองคาดโพกพัน เสื้อสุวรรณกรวมกาย ลายอัตลัดจรัสดวง ควงแส้ร่อนฟ้อนฟาด ชูสินาดนกน้าว ลาง เงือดง้าวกลับกลอก ลางหันหอกกาัดกวาย ลางทวนทายแทงท่า ลางตาวง่าทีฟัน ลางกุทัณฑ์เกาะกร ลางกุมศรสายก่ง สองฟาก ท่งทิวเทิน แสนสาเถมืนทวยเท้า เต้าปะปนพลสาร สวมอลงการ เสื้อหมวก พวกละอย่างต่างกอง ลางสีทองบรรเทือง ลางเหล่า เหลืองพิลาศ ลางเหล่าฉาดชมพู ลางเหล่าดูแดงฉัน ลางเหล่า พรรณพื้นเมฆ ล่างเหล่าเฉกสุกสลา ลางเหล่าดาดดำดื่น ลางเหล่า ทะมื่นม่วงทมอ สระกอกันเพีรยงพรู ดูพลโล่สะพรั่ง ดูพลดั้ง สระพราศ ดาษพลดาบเพียบเพญ ดาษพลเขนเพียบภู พลธนู เนืองนันต์ พลกุทัณฑ์เนืองนับ ตับพลหอกหันห้าว ดับพลง้าว เงื้องาม หลามทวยทานทองปลั่ง หลั่งทวยธวัชปัดปลิว ทิวทวย ปืนดื่นเดิน เมิลคาบหินหาญยุทธ์ เมิลคาบชุดชาญศึก พันลึก เหล่าหามแล่น แกว่นล้อลากมากหมู่ อยู่อธึกไกรเกรียง เสียงส่ำ สารร่านร้อง ซ้องเสียงแสะส่ำเทียน ก้องกงเกวียนปืนปั่น ลั่นเท้า พลต่างเต้า โหมโห่เร้าอึกอึง ตึงปืนฤกษ์เกริกแหล่ง ฆ้องขาน แข่งสำเนียง เสียงกลองชนะนี่สนั่น หวั่นหวาดไหวใช่น้อย เทียม พสุธาดลด้อย ค่นค้านฤๅคง อยู่นา โคลง ๔ ยรรยงพยุหยาตรย้าย ยอขบวน ทัพนา นองน่านสารแสะมวล มากผู้ สรรพาวุธธงทวน ทายเทิด เถลิงแฮ ตนและตนอาจสู้ ศึกร้อยฤๅขาม ร่าย เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตากเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อน กล่นแสนยาทัพ ถับประทะไพริน ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยา ไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัด ทา้ยบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์ลมพาน ส่ำแสะสาร แสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุล มวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสด็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร ไล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือ หลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไส สองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงา เสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึก ได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบ ประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถีบ ฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรม กุทัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิด กระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา โคลง ๔ จึ่งไทเทเวศอ้าง สมมุติ มิ่งมหิศวรมกุฎ เกศหล้า เถลิงภพแผ่นอยุธ ยายิ่ง ยศแฮ แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า เฟื่องด้าวดินไหว ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น โชยงการ แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น โสฬสพรหมพมาน กมลาสน์ แลนา เชิญช่วยชุมโสตซั้น สดับถ้อยดูแถลง ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ไหั มาอุบัติ ในประยูรเศวตฉัตร สืบเซื้อ หาังผดุงบวรรัตน ดรัเยศ ยืนนา ทำนุกพระศาสน์เกื้อ ก่อสร้างแสวงผล กลใดไป่ช่ายแผ้ว นภา ดลฤๅ ใสสรว่างธุมา มืดม้วย มลักเล็งเหล่าพาธา ทวยเศิก สมรแฮ เห็นตระหนักเนตรด้วย ดังนี้แหนงฉงาย พอวายวรวากย์อ้า้ง โอษฐ์พระ ดาลมหาวาตะ ตื่นฟ้า ทรหึงทรหาลพะ พานพัด หาวแฮ หอบธุมางค์จางจ้า่ จรัสด้าวแดนสมร ภูธรเมิลอมิตรไท้่ ธำรง สารแฮ ครบสิบหกฉัตรทรง เทริดเกล้า บ่จวนบ่จาบองค์ อุปราช แลฤๅ พลางเร่งขับคชเต้า แต่ตั้งตาแสวง โดยแขวงขวาทิศท้าา ทฤษฎี แลนา บัดธเห็นขุนกรี หนึ่งไสร้ เถลิงฉัตรจัตรพิรีย์ เรียงคั่ง ขูเฮย หนแห่งฉายาไม้ ข่อยชี้เฌอนาม ปิ่นสยามยลแท้ท่าน คะเนนึก อยู่นา ถาิลว่าขุนศึกสำ นักโน้น ทวยทัพเทียบพันลึก แลหลาก หลายแฮ ครบเครื่องอุปโภคโพ้น เพ่งเพี้ยนพิศวง โคลง ๒ สองสุริยพงศ์ผ่านหล้า ขับคเชนทร์บ่ายหน้า แขกเจ้า จอมตะเลง แลนา ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้า พักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า สู่เสี้ยน ไป่หนี หน้านา ไพรีเร่งสาตซ้อง โซรมปืนไฟไป่ต้อง ตื่นเต้า แตกฉาน ผ้านนา โคลง ๔ นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนา ยกแฮ ผายสิหนาทกถา ท่านพร้อง ไพเราะราชสุภา ษิตสื่อ สารนา เสนอบ่มีข้อข้อง ขุ่นแค้นคำไข อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา ไป่เริ่มรอฤทธิ์แ์ผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต ดมเอย ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้ เชิญราชร่วมคชยุทธ์ เผยอเกียรติ ไว้แฮ สืบกว่าสองเราไสร้ สุดล้นฤๅมี หัสดีรณเรศอ้าง อวสาน นี้นา นับอนาคตกาล ห่อนพ้อง ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ คงแต่เผือพี่น้อง ตราบฟ้าดินกษัย ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศานติ สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง บำเทิงหฤทัยบาน ประติยุทธ์ นั้นนา เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมาน เชิญประชุมในสถาน ที่นี้ ชมชื่นคชรำบาญ ตูต่อ กันแฮ ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์ ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ ดำเนินพจนพากย์พร้อง พรรณนา องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง กอบเกิดขัตดิยมา นะนึก หาญเฮย ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล หัสดินปิ่นธเรศไท้ โททรง คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งอ้าง หนึ่งคือคิริเมขล์มง คลอาสน์ มารเอย เศียรส่ายหงายงาคว้าัง ไขว่แคว้งแทงโถม สองโจมสองจู่จ้วง บำรู สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม งามสองสุริยราฑล้ำ เลอพิศ นาพ่อ พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม ขุนเสียมสามรรถต้า้น ขุนตะเลง ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุส ไกวแฮ งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์ โถมประทะไป่ทัน เหยียบยั้ง สารทรงราษรามัญ ลงล่าง แลนา เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู่ค้ำคางเขิน ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว เสด็จแสดงวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามินทร์ เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย เพราะพระหัตถหากป้อง ปัดด้วยขอทรง บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด ตกใต้ อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้อน พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ ถนัดพระอังสาข้อน ขาดด้าวโดยขวา อุรารานร้าวแยก ยลสยบ เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น เหนือคอคชซอนซบ สังเวช วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ บั้นท้ายคชาธเรศท้าว ไทยไผท ถึงพิราลัยลาญ ชีพมล้าง เพราะเพื่อพิพิธไพ รีราช แลนา โซรมสาดตราดปืนขว้าง ตอกต้องตนสลาย ฝ่ายองค์อิศารนาถน้อง นฤบาล แสดงยศคชยุทธยาน ยาตรเต้า มางจาชโรราญ ฤทธิ์ราช แลฤๅ เร็วเร่งคเชนทรเข้า เข่นค้ำบำรู บัดภูธเรศพ่าห์ได้ เชิงชน ลงล่างง้างโททนต์ เทิดใต้ พัชเนียงเบี่ยงเบนตน เซซวด ไปแฮ หัวปั่นหันข้างให้ เพลี่ยงพลั้งเสียที ภูมีมือง่าง้าว ของอน ฟันฟาดขาดคอบร บั่นเกล้า อินทรีย์ซบกุญชร เมือชีพ แลเฮย เผยพระเกียรติผ่านเผ้า พี่น้องสองไท ทันใดกลางคชเจ้า จุลจักร มลายชิพิตลาญทัก ท่าวซ้ำ เหลือหลามเหล่าปรปักษ์ ปีนป่าย เอาเอย ตรึงอกพกตกขว้ำ อยู่เบื้องบนสาร พระราญอริราชด้วย เดโช สี่ทาสสนองบาทโท ท่านท้าว พระยศยิ่งภิยโย ผ่านแผ่ ภพนา สองรอดโดยเสด็จด้าว ศึกสู้เสียสอง ร่าย จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้าย มาทันธิบดินทร ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็ดเข้าโรม โหมหักหาณราญรุก บุกบั่นฟัน แทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่มล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยานดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตาย หลายเหลือ นับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่น ซอกซอนซนซุก บุกทุกพายพ่ายแพ้ เพราัะพระเดชท่าน แท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา โคลง ๒ เห็นประภาพเจ้าช้า้ง เชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา ขวัญหนีดีฝ่อพ้น พวกอเรนทร์ด่วนด้น ดัดดั้นทางทวน ไปนา ร่าย ชวนกันผันกันผาย แลนา ชวนกันขจายขจัด แลนา ชวนกันกระพัดกระเพิน แลนา ชวนกันเกริ่นกันเกรียว แลนา บเหลียวหลังมาร้า แลนา บกลับหน้ามาราญ แลนา บอยู่ทานมือรบ แลนา บอยู่ทบมือรอน แลนา มรณ์ ด้วยดาบเหลือหลาย แลนา ตายด้วยหอกเหลือหลาก แลนา มากปืนต้องอนันต์ แลนา ครันทานถูกอเนก แลนา เฉกฟางฟอดทอดไฟ ฟูมไผทถั่งท้น พ้นคะเนคะแนน แกลนเดชไททุกผู้ บมีใครรอสู แต่ตั้งตื่นหนี สิ้นนา โคลง ๔ นฤบดีดำรัสให้ ขุนพล ควบพยุหพหล ไล่มล้าง เสร็จเสด็จสู่ตำบล ถิ่นทัพ ท่านนา ปูนชอบกอบชื่อช้าง คู่ค้ำเข่นเข็ญ เป็นศักดิ์สมด้วยเผด็จ ปัจจา มิตรเอย นามชื่อปราบหงสา เรียกร้อง คือยอดขัตติยพา หนเห็จ ศึกแฮ เฉลิมพระเกียรติเกริกท้อง ธเรศรู้สบสถาน ร่าย ฝ่ายทวยหาญทุกทัพ กับขุนพลทุกนาย รายกัน ตามกันติด ประชิดทัพรามัญ ฟันแทงฆ่าริปู โดยแดน ผลูเหลือแหล่ แด่ตระพังตรุค่ายตั้ง กระทั่งถึงกาญจนบุรี ผีกลากลาตพสุธาร ประมาณสองหมื่นเศษ จนสิ้นเขต ภพท่าน ด่านเจดีย์สามองค์ คงจับเป็นก็หลาย ทั้งนาย ทัพและไพร่ ได้เมืองมล่วนผู้ควาญ สารทรงองค์อุปราช ได้คชขนาดใหญ่ล้วน หกศอกถ้วนสูงสกนธ์ สามรัอย ตนไตรตรา อาชาสองพันปลาย หลายศาสตรานานาวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยานยั่ว ทั่วทุกสิ่งส่ำสรรพ์ อนันต์อเนก เนืองนอง มาทูลละอองบาทท้าว ด้าวถิ่นทัพพลับพลา ทั่วมาตยาทุกผู้ แถลงที่ศึกไป่สู้ สร่างเฝั้ยนเตียน ตะเลง แลนา โคลง ๔ ราชาชัเยศอื้น โองการ รังสฤษฏ์พระสถูปสถาน ที่มล้าง ขุนเข็ญคู่รำบาญ สวมศพ ไว้แฮ หนตระพังตรุสร้าง สืบหล้าแหล่งเฉลิม ร่าย เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่าน ถ้วน ทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคอคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎา การ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้ คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธย เย็นเกล้า ทั่วถ้วนทวยสยาม สิ้นนา โคลง ๔ กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้า ฟูภพ ตระบัดบพิตรปรารภ ชอบพ้น เจ้ารามราฆพ คงคู่ เสด็จนา ตำแหน่งกลางช้างต้น ต่อด้วยดัสกร กุญชรวรพ่าห์ท้าย เถลิงงาน องค์อนุชนฤบาล บั่นเสี้ยน ขุนศรีคชคงชาญ ชัเยศ ยิ่งนา สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยน เพื่อนไท้ในรณ สองผจญอริราชด้วย โดยเสด็จ คุณขอบตอบบำเหน็จ ท่านให้ ครบเครื่องอุปโภคเสร็จ ทุกสิ่ง สรรพแฮ เงินและทองทาสใช้ อีกทั้งทวยเชลย แล้วเผยพจนารถชั้น บรรหาร ยกชอบกอบบำนาญู ที่ม้วย นายมหานุภาพควาญ กลางคช หนึ่งนา หมื่นภักดีศวรด้วย ศึกสู้เสียตน บัดดลดำรัสให้ ปูนยศ ทรัพย์สิ่งศรีสำรด ทั่วทั้ง บุตรทารท่านแทนทด ความชอบ เขานา สมที่ภักดีตั้ง ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม ร่าย เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เฉญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงธัย พระบาทไท ธทั้งสอง ปองพระศาสนอำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่ว ทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปางมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราช อาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละ สารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชัเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล คารประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา โคลง ๔ โองการท่านสั่งให้ ปรึกษา โทษทุกทวยมาตยา ทั่วผู้ ลูกขุนรับบัญชา เชิญกฎ ออกเอย ค้นขนบจบเจนรู้ รีตตั้งแต่ปาง วางบทปรากฏอ้าง อัยการ เศิกแฮ พบราชกฤษฎีกาขาน โทษไว้ เกณฑ์ใครควบในงาน ยุทธยาตร พระนา ไปบ่ทันเสด็จไสร้ สู่สู้ศึกผจญ ตนนั้นอุกฤษฏ์แท้ โทษา ถึงประหารชีวา วอดม้วย จงเห็นประจักษ์ตา ตามโทษ เขาแฮ ใครอย่าดูเยี่ยงด้วย ดั่งนี้แหนงตาย โคลง ๒ ถวายพิพากษาชั้น ดำรัสโดยเหตุหั้น แห่งเบื้องบันทึก โทษนา คำนึงนึกบาปใกล้ วันบัณรสีไซร้ จวบเข้าควรงด หน่อยนา กำหนดพรุกเพ็ญแท้ พันธนาไว้แล้ ตรุตรึงตรากขัง มั่นนา โคลง ๓ ตั้งแต่ปาฏิบท ล่วงอุโบสถเสร็จแล้ว เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้ว คลาดด้าวดำเนิน บทนา ร่าย ไป่เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำ สองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สอง แผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาท ธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรพม ชุมบรรพชิต แช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จ รบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระ องค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังชั้นขาน พระ ราชสมภารมีชัย ใดทายบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เขากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาลระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชัเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อ มหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผื่อพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอศูรย์ศูนยเสียมภพ ตรลบเลื่องขาม นามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยา สยามยศ สาหสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วย พระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยล เยี่ยงนา โคลง ๔ สมเด็จพนรัตเจ้า จอมชี ฉลองพจน์ราชวาที ท่านไท้ ทวยทูลละอองธุลี บัวบาท พระนา พื้นภักดีต่อใต้ บทเบื้องเรณู ดูผิดไป่รักท้าว ไป่เกรง แผกระบอบแต่เพรง ห่อนพ้อง พระเดชหากแสดงเอง อำนาจ พระนา เสนอทุกทวยธเรศก้อง เกียรติอ้างอัศจรรย์ เฉกพระสรรเพชญผู้ ธรรมิศร เถลิงอาสน์อปราชิต ภาคใต้ วรพฤกษโพธิโมลิศ เฉลิมโลก แลเฮย เสวยาิมุตติลาภได้ เผด็จเสี้ยนเศิกสมร ปางอมรมั่วหมื่นถ้วน จักรพาล สถิตที่มณฑลสถาน แท่นหญ้า สายัณห์หมู่แมนมาร มาแวด วงแฮ หวังประยุทธ์โรมร้า ราดรื้อบัลลังก์ ผิวทั้งทวยเทพซ้อง สบสวรรค์ ชนะแต่บาบีพรรค์ พรั่งพร้อม ไป่เป็นมหัศจรรย์ เจริญเกียรติ พระนา เพราะอมรหากห้อม หากให้ชัยเฉลิม ดาลเพิ่มคุณยศไท้ ธรรมรา ชาแฮ เผอิญมรุคฌะธาดา พ่ายผ้าย เสด็จเหนือรัตนพุทธา อาสน์เอก องค์เอย ขจัดอมิตรหมู่ร้าย เร่งต้อนตนหนี โยธีบารเมศล้วน ดึงสา สิ้นแฮ ขันเข่นมวลมารา อะคร้าว ธรณินทรพนิดา ดาลน่าน น้ำเฮย ถั่นท่วมทั่วธเรศด้าว หลั่งล้นเลอสถาน สมภารสมโพธิพ้น พรรณนา รังสฤษฏ์พระสมญา แพร่พร้อง สรรเพชญพิชิตมา เรศเรียก นามฤๅ สนั่นสำเนียงเกียรติก้อง เกริกหล้าแหล่งละเวง ครื้นเครงนฤโฆษอื้อ อัศจรรย์ จบภวัครไกวัล ภพพ้น เบื้องขวางเขตอนันต์ เนืองจักร พาลแฮ หนต่ำด่ำดึ่งด้น ภาคพื้นอเวจี พระตรีโลกนาถแผ้ว เผด็จมาร เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง เสด็จไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา เสนอพระยศยินก้อง เกียรติท้าวทุกพาย ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า โรมรอน ชนะอมิตรมวลมอญ มั่วมล้าง พระเดชบ่ดาลขจร เจริญฤทธิ์ พระนา ไปทั่วธเรศออกอ้าง เอิกฟ้าดินไหว อย่าไทโทมนัสน้อย หฤทยา เพื่อพระราธกฤษฎา แต่กี้ ทุกทวยเทพคณา ชุมช่วย พระเอย แสดงพระเดโชนี้ ชเยศไว้ในสนาม โคลง ๒ สมดั่งความตูพร้อง ขอบพิตรอย่าข้อง ขุ่นแค้นเคืองกมล ท่านนา โดยยุบลถ่องแท้ ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้ ถูกถ้อยแถลงการ นี้นา ร่าย ปางนฤบาลบดินทร ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถ บรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอ สมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมา แห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกอี้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้ทางแถลง แลนา โคลง ๔ แจ้งเหตแห่งเหือดขึ้ง ในมนัส จึ่งพระวันรัตวัด ป่าแก้ว ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์ สว่างโทษ ท่านนา นฤทุกข์นฤภัยแผ้ว ผ่องพ้นอันตราย ทั้งหลายทวยบาทเบื้อง บงกช ควรโคตรโทษสาหส อะคร้าว แต่ทูลธุลีบท สนองบาท มานา เพรงพระอัยกาท้าว ตราบไท้พระเจ้าหลวง ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวัลย ราชย์ฤๅ คือพุทธบรรษัทสรรพ์ สืบสร้าง เชิญงดอดอวยทัณฑ์ ทวยโทษ นี้นา เลยอย่าลาญชีพมล้าง หนึ่งครั้งขอเผือ ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้า จอมปราณ ก่อเกิดราชรำบาญ ใหม่แมั พูนเพิ่มพระสมภาร เพ็ญภพ พระนา วายบ่หวังตนแก้ ชอบได้ไป่มี ร่าย นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตภิปราย ถวาย พระพรอายาจน์ โทษมาลมาตย์ทุกมล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดี ในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดย อันครองคงยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอ โทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็น กิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิด โดยบพิตรอัธยา เบื้องบัญชา เชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาพระคลัง รังพลห้าหมื่น เสร็จ เห็จไปโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์ เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บังคัลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัว ครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรตรองคราวศึก เสื่อม หาญฮึกแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุง ชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผท ทั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา โคลง ๔ บัดผายพจน์พากย์เบื้อง บัณฑูร เผยอยศพระยาชัยบูรณ์ แต่งตั้ง นามเจ้าพระยาสูร สีหนาท เสนอนา เถลิงพระพิษณุโลกรั้ง ราษฎร์ร้อนผ่อนเสบย แล้วเผยเสาวนิศตั้ง โดยปอง รังสฤษฏ์พระเชียงทอง หนึ่งผู้ ธำรงนครครอง เขตราช แลฤๅ เวียงวิชัยก่อกู้ ขอบแคว้นแดนสยาม เสนอนามหลวงจ่าเจ้า นครินทร์ สวรรคโลกแหล่งธานินทร์ นึ่งนั้น ทำนุกแผ่นปัฐพิน ผดุงภพ พระนา ค้มเขตสีมาขั้น ด่านด้าวเหนือชล บัดตลดำรัสให้ พระศรี เสาวราชมาดยามี ชอบอ้าง อำรุงประชาชี ชมชื่น จิตแฮ หนสุโขทัยสร้าง สืบหล้าอย่าศูนย์ บัณฑูรท่านสั่งซั้น สี่นาย ลาบาทผาดผังผาย สู่เหย้า รวมรวบราษฎรชาย หญิงใหญ่ น้อยนา เนานครครอบเผ้า ไพร่ฟ้าพูนเกษม ร่าย เปรมกมลมวลเสียม เกรียมทุกข์โทษฤๅพาน อึงกิดาการเอิบเอิก เกริกพระเกียรติลือละเวง คึก ขานเครงธรณี ทั่วธาษตรีอึกถคึง ถึงมลาประเทศ เขตโยนกมณฑล เจ้าภูวดลเชียงใหม่ เสียเศิกใหญู่ คนเวียง เพียงหฤทัยจะพก ตระดกพระเดโชพล ไป่ เริ่มกลเกี่ยงราช ขลาดพระฤทธิ์มหิมา ตรัสตริหากระแหน่ แด่ แสนท้าวลาวพระยา คราวนี้เราฤๅขวน กลกระลัมพรพินาศ เพื่อเบียนอาตม์เอาทุกข์ ควรหาสุขใส่สกนธ์ กอบภัพผลพูนภพ สบพิสัยลานนา เจ้าอยุธยายศโยค สู่สรโลกพิราลัย หน่อดนัยนฤเบศ นเรศารเสวยศวรรย์ สืบเสียม สันตติวงศ์ องค์อุปรานโปดก ดิลกภพแผ่นตะเลง ไป่ย่านเยง ยศท้าว คลาพลด้าวแดนราช อาจอุกรุกรำบาญ ขานแข่ง คู่คชยุทธ์ สุดเสียศอขอทรง ปลงปลดชนม์บนสาร ทัพไทย หาญฮึกฮึง ถึงเวียงทวายมริด ติตตะนาวคราวเข็ญ เห็นสู้เสียม ฤๅรอด มอดมอญเมืองเปลืองเขต ประเทศรัฐสีมา หนหงสา เสื่อมศักดิ์ ปวงปรปักษ์ปองสยาม สื่อสงครามสืบศึก เสมอ มฤครอสีห์ เฉกสกุณีไหมกราน ลาญชีวาตม์ทุกครั้ง ตั้งตนต่อ บ่มิคง ตรงตนต่อบ่มิคู่ คาบนีผู้เผ้าตะเลง เกรงพระฤทธิ์รันทด เพื่อเอารสเมือมรณ์ คู่ขวากรก่นขาด พระบาทสองสยาเมศ บรรหารเดชดาลขจร พ่างภาสกรแจ่มจรัส ในเมื่อมัชฌันติกกาล แขวงคัคนานต์นฤโทษ พลาหกโหดหาวหน ทิศาดลดาลแผ้ว แพร้วโพโรจน์รังสี ทวีพระเกียรติเกริกไกร ไหนนครหงสา คลา อำเภอเลอหัตถ์ ควรถวายฉัตรบำบวง ตังวายสรวงแสวงชอบ มอบพิภพลานนา ทูลบาทาไทธเรศ หวังพระเดชนฤบดี กั้งเกศี สุดเหง้า เท้าทั่วกัลป์ประลัย คุ้มผองภัยบรเบียน ร่มศกเศียร สร่างเข็ญ เห็นชอบชื่นชมชัว ถ้วนทุกตัวท้าวเพี้ย เกลี้ยกมล บันโดย เพื่อแผ้วโพยพันลึก แห่งเสียมศึกพันลาย หมายแม้น มณฑกชาติ พ้นอำนาจอุรคินทร์ ยินประศาสน์สาธู ชูนื้วนบ เหนือเผ้า เจ้ากูกู้กรุงคืน เชียงใหม่ฝืนฟูฟ้า คุ้งคู่หล้าฤๅลาญ ธก็ให้แต่งสารเสาวเลข เตี้ยตนเฉกช่วงบาท มอบตรีมาตย์ ทูลแทน แสนหลวงแสนหนังสือ คือหนึ่งนันทพะยะ ล้วนสุรอากัป ฉับเฉียวเชี่ยวเชลงพจน์ ไพเราะรสอภิปราย คมตังวายศุภสาร สมานสมรไมตรี มอบปัฐพีเดียวแดน แทนทางปรักทางมาศ สระพราศพิริยเถมิน เดินโดยด่านเวียงตาก ขานคำมลากคำงาม เขาก็แต่งตามรับทูต รูดนำข่าวบมิหึง ถึงวิเชียรปราการ ไขข้อสารเสาวภาพ ออกญาทราบทุกอัน สรรนาวารีบรับ กับกรมการหลายตน ขวนเชิญทูตเชิญสาร บรรณาการเนกนับ รับมาทางชลธี ถึงบุรีแล้วไสร้ ซักไซ้ทูตทั้งสาม ทราบเนื้อความ ตามกิจ ให้สถิตเรือนพัก สำนักทั่วไทยเถมิน เชิญสารสู่จวนกลาง พลางลอกลักษณ์สำเนา เอาลงบอกตระบัด จัดจ่าเมืองกับแพ่ง แต่งจำทูลสนเท่ห์ เล่ห์อมิตรมิตรปอง ทราบละอองบทเรศ เจ้าอยุธเยศสยามินทร์ คอยข่าวยินตราสีห โปรดคดีใดชอบ กอบยุบลบันโดย รบเรือโพยเผ่นน้ำ จ้ำบจอดเจียรกาล บนานดลเวียงราช วางศาสน์เวรศาลา แจ้งออกญามหาด ทูลบัวบาทนฤบดินทร์ ยินในลักษณ์ปราโมทย์ โปรดให้ตอบ สารา บรรทับตราไกรสร ส่งนครบันธาย หมายนำสารนำทูต รูดมาคุงกรุงหลวง โดยกระทรวงบูรพ์ฉบับ สองขุนรับตราคลา คืนนคราถับถึง บหึงให้ขุนเวียง เผดียงโดยศาสน์ท้าว ส่งทูตสู่แดนด้าว ถิ่นไท้แถลงสาร ท่านนา โคลง ๔ บรรหารอ่านทราบไสร้ โดยปอง ขุนนครผู้ครอง เขื่อนขั้น แจงจัดยกกระบัตรสนอง เสนอต่าง ตนนา นำทูตทั้งสามซั้น สู่ไท้ถึงสถาน กรมการอี่นอีกห้า หกหลาย คุมศุภลักษณ์ตังวาย สิ่งถ้วน แสดงโดยดัสกรถวาย ถวัลยราชย์ มาเอย โผอนสบสีมาม้าน มอบท้าวหนาวบุญ เนืองขนคุมทูตทั้ง สารา อีกเครื่องราชบรรญา เนกนั้น เร็วรัดเร่งนาวา วางวิ่ง ลุแหล่งทวาเรศซั้น สู่ห้างแขกหอ ร่าย ขานขอทูตมาถึง พงทราบลูกขุนใน กราบทูลไทย ถวัลยราชย์ พระบาทธให้ตกแต่ง โดยดำแหน่งแสดงยศ กฎให้ กะเกณฑ์กัน ทรงเครื่องสรรพายุทธ์ เสนากฎเสื้อสวม นวม เกราะกรายพรายเพริศ เทริดเศียรใส่ทุกนาย รายกลาบาตเป็นชั้น กั้นเป็นหมู่เป็นกอง พลเขนทองทวนมาศ ดาษพลโล่พลดั้ง ทั้ง พลดาบสองกร ส่ำพลศรเรียงรัน ส่ำพลกทัณฑ์เรียงเรียบ เทียบ พลหอกหาญห้าว เทียบพลง้าวเงื้องอน สรลอนเหล่าพลสินาด คาบชุดดาษธรณิน คาบหินดาธรณิศ พิศพหลหัยราษ ยืนพยุห บาตรทิวแถว สองฟากแนวรัถยา ขนอาธาโอ่อาตม์ สวมเสื้มาศ หมวกคำ ขี่ประจำดุรงค์ ทรงศาสตราพิธยุทธ์ ครวีอาวุธกวัดกวาย ส่ำแสะหลายเหลาหลาก มากหมู่แดงดูกกล หมู่ขาวปนหมู่ฟ่าย ฝ่ายพรรค์เผ่าเหล่ากระเลียว ส่ำหมู่เขียวหมู่ปลัง ประนังเหล่า เหลืองแปม ปนผ่านแซมดำดาษ ครบเจ็ดชาติเจ็ดพงศ์ ทรง อัสสาภรณ์สรรพ ดับวางม้าโรงใน รายเรียงไสวยืนหยัด ดัด พิดานกั้งกาง สรรพสรรพางค์พิลาส แก้วแกมมาศยรรยง อัสสาลงกรณ์ประดับ ประทับเทียบคชาธเรศ ประเวศเกยชาลา ทรงหัสดาลังการ ควาญประจำขี่ท้า้ย ย้าืยยอของ่าง้าง วางช้าง ดั้งเดียรดาษ สระพราศพร้อมพลายพัง หลังหมอควาญขี่ครบ ทรงเครื่องรบพรรณราย กลางคชทายทวนทอง สองฟากฝ่ายศาลา มวลมาตยาทุกหมู่ อยู่อธึกโจษจน หนหอขวาทายทหาร หนซ้าย ศาลพลเรือน เดือนกันอ่าอาตม์หมด เครื่องยศถมปรักมาศ โดยขนาดฐานาศักดิ์ สระพรักไพร่พรูตาม คานหามเปลคะคล่ำ ส่ำขุนตกแต่งกาย สองปักลายอะเคื้อ ขาวครุยเสื้อสวมตน ดูถกลดาดาษ ยาตรยังทิมดาบคด ปรากฏถ้วนเสนางค์ วางเจียด ถมทองเทียบ เรียบมหาดไทยฝ่ายเฉวียง เรียงกลาโหมหนสดำ จำนำอยู่แจจัน หน้าบัญชรสิงหาสน์ มุขเด็จอาสน์บรรยงก์ พระ ที่นั่งมงคลาภิเษก ดิเรกรัตน์มลังเมลือง เรืองสุพรรณโอภาส เทียรทิพยอาสน์อินทร์องค์ วงวิสูตรรูดสาย เครื่องสูงรายตั้ง ล้อม พร้อมเบญจราชกกุธภัณฑ์ สรรพสิริราษูปโภค โดยขัตติย โยคมหิมา ดาพลปี่กลองชนะ แตรสังข์ระดะดาษโดม คอย ประโคมคึกขาน การออกแขกเคียมคัล ตราจเตรียมกันเเต่งแง่ แต่อรุณพระฮาม เท่าลงสามโมงเศษ จงพระเกศกษัตีย์ ทวาราวดีดิลก ปิ่นปกภพสีมา ธก็สรงธารารสสุคนธ์ ปนปรุงจารุ จุรณเจิม เฉลิมวิเลปน์อวลอบ ตรลบฉมคนธกำจร บารวิภูษญ์ ธำรง ฉลองพระองค์ครุยมาศ กุมแสงนาดกรกราย ผายผังสู สิงหาสน์ สระพราศพิริยอภัย เสนาในเนืองเนก ดิเรกราชบริพาร ทวิชาจารย์เนมิตก์ ทวยบัณฑิตแพทยา ทวยโยธาทุกหมู่ อยู่อธึก ทุกกรม ประนมทศนัขชูเชิด เทิดทศางคุลีบำบวง สามวาร สรวงบทรัช เฉกนักษัตรรานา รอบดารารายเรียบ เพียบนภางค์ ไพบูลย์ แจ่มจรัสจรูญสรัทกาล ขานนฤโฆษแตรสังข์ ประนัง แซ่ศัพท์เภรี พ่างปัฐพีพังเพิก เอิกออกแขกทะท้าว แสดง พระยศอะคร้าว ครั่นฟ้าดินไหว แลนา โคลง ๔ จึ่งไท้ถวัลยราชเจ้า จักรพาล ผายพจน์ราชโยงการ สั่งซั้น เบิกทูตเบิกศุภสาร สวัสดิ์ส่อ เสนอนา เนืองเนกคำนัลนั้น นอบน้อมบทมูล สามแขกขนสี่ไสร้ พาคลา ลุแหล่งพะลานชาลา ท่ามท้อง สรวมชีพมหาดออกญา ทูลเบิก เลยแฮ ตรีคาบกราบซ้องซ้อง สบถ้วนยานสยาม ขุนนามนฤนาถตั้ง ตามนา ศักดิ์เอย อาลักษณ์เลิศปัญญา ยิ่งผู้ ศรีภูริปรีนา เชลงอรรถ แลฤๅ แถลงเล่ห์สนเท่ห์รู้ ราชไม้ตรีสมาน ร่าย ศุภสารสนทรสวัสดิ์ พิพัทธศาสน์นสนธิ ตนข้าเจ้าเชียงใหม่ ใหญ่กว่ายวนมวลเขต ประเทศโยนกนิคม โอนศิโรดม อภิวาทน์ แทบบวรบาทยมก ดิลกเจ้าสองเสียม เทียมแขไถง ไพโรจน์ โชติชวลิตทิศทศ เผยอพระยศยินเยง ยิ่งครื้น เครงฟากฟ้า หล้าเกริ่นเกียรดิทุกเหล่า ข้าพระพุทธเจ้าแต่ปาง บ่รางรอดอาชญา องค์อิศรานฤเบศ เขตแคว้นแขวงแหล่งตะเลง บ่เกรงพระเดชมหิมา จำใจคลาคลี่พยู่ห์ สูเศิกกอดัสกร แก่ พระนครอโยธเยศ เหตุเข็ญเคืองเบื้องบาท เรื่องอุปราชรำบาญ ขอเขือทานนฤโทษ โปรดนฤภัยใจแผ้ว แคล้วอาฆาตขาดฟุน เพื่อพระการุญบารเมศ ข้าบทเรศเรณู ขอเอาภูธรประภาพ อาบอาตมห่มหัว ตัวไพร่ไทยใหญ่น้อย ข้อยสบสถานลานนา เฉกฉายาเฌอโพธิ ร่มศิโรตม์สรรพางค์ ปางนฤนาถยาตรพล ดลด้าวใดไปร้า ข้าขอโดยเสด็จราช งานพยุหบาตรจำบัง ท่าว กำลังเลวลาญ โดยสัตย์สารเสาวพจน์ ปรากฏชั่วแผ่นไผท คุ้งฟอดไฟฟอนกัลป์ ควบเขตขัณฑ์แด่ท้าว เป็นเดียวด้าว แดนดล เผือก็แต่งดนตรีมาตย์ จำทูลสาสน์ส่อถวาย เตรียบ ตังวายดำเนิน เจริญรสราชไมตรี เผด็จไพรร่วมมิตร แด่บพิตร โทไท้ ขอเขือขาดเคียดไข้ ขุ่นข้อเข็ญความ เทอญนา โคลง ๔ ปิ่นสยามรามฤทธิ์แม้น เสมอเดช ท่านฤๅ ดาลสดับแสดงแห่งเหตุ เหือดห้าว ริปูหมู่มลาเขต โผอนออก มานา บานเบิกหฤทัยท้าว ธิราชได้โดยประสงค์ จักรพงศ์ภวนาถเผ้า พสุธาร เผยพระราชปฏิสันถาร ถั่งถ้อย บูรพ์ฉบับนับตรีวาร จารีต นั้นนา ทักแขกแรกฤๅน้อย มากไซร้ไป่มี ปางนี้เซียงใหม่ผู้ สวามิน นฤโศกโรคราคิน ห่อนพ้อง ผ่านภพแผ่นธรณิน นิตย์เยี่ยง ยุกดิ์ฤๅ เกษมทุกทวยธเรศซ้อง สวัสดิแผ้วภัยกษัย หนึ่งไสร้พิรุณร่วงฟ้า ฟูไพ ศรพณ์แฮ โดยฤดูดาลไข น่านน้ำ พูนพืชโภชนาใน นครเขต เขือฤๅ อกราษฎร์ขาดเทวษช้ำ ชุ่มฟ้าฉ่าฝน ไปดลภัเยสด้วย ดัสกร เกิดเฮย รังเริ่มรณรงค์รอน รบร้า เวียงสูสุขสถาวร วายเศิก แลฤๅ สบส่ำสีมาข้า ขอบแคว้นแคลนเข็ญ เย็นจิตโทไพร่พร้อม พราหมณ์ชี ชื่นฤๅ ต่างแผ่ผลไมตรี ต่อตั้ง บ่เบียดบ่เบียนบี ฑาโทษ กันแฮ เลี้ยงชีพโดยสะดวกทั้ง ทั่วด้าวแดนไฉน รับไท้ธราภพเบื้อง บริหาร ท่านฤๅ ขุนชื่ออำมาตย์ขาน คาบนั้น ถามทูตทูตแถลงการ เขากล่าว สนองนา สิ่งโทษโหดเหตุหั้น สุขล้นถิ่นเกษม พระเปรมปราโมทย์ให้ บำนาญ เนกเฮย ตอบแต่งตังวายสาส์น ส่งเต้า เขาลาคระไลสถาน ถวายราช เขานา แขกราชขาดทุกข์เศร้า สวัสดิได้ดั่งถวิล ร่าย ยินมลากเล่ห์บุทคล จรดลโดยรัถเยศ ทุเรศมรุกันดาร กาลมัชฌันติกสมัย คระโหยใจเจียนมรณ์ เพื่อภาสกรแผดเผา เบาแรงแห้งหู่แด แปรกรรหายหอบโตย โดยซ้ายขวาหน้าหลัง เล็งสระพังบมิพาน เล็งละหานบมิพ้อง ร้องหาเพื่อนบมิพบ ทบท่าวล้มทับทาง รอดบรางเลยชนม์ บัดเดียวดลดอกมลาย บนานนายหนึ่งซั้น ดั้นดงด่วนดำเนิน เดินแบกบอกตรอกธาร มานกมลโอบเอื้อ เพี่อการุณบุญขวน หลั่งหล่อชลหล่นบอก ตรอกต้องอกตกโอษฐ์ โสรจสรรพางค์ชุ่มชื่น หื่นคระหิวหายหอบ กอบกำลังฤๅลาญ ปานตนเจ้าโยนก ตระดกพระเดชอดุลย์ ได้ใบบุญปกเผ้า เศร้าเสื่อมหายวายกลัว กลับชมชัวชื่นหน้า ทุกถ้วนไทยไพร่ฟ้า พรั่งพร้อมหฤหรรษ์ สิ้นแล โคลง ๔ ยรรยงยศทั่วท้อง ธาษตรี สยาเมศมิ่งโมลี เลิศล้น ทวาราวดีศรี อยุธย์ยิ่ง ภพฤๅ บุญบพิตรแผ่พ้น แผ่นหล้าเลอสรวง พระคลวงเคลือบมาศแม้น มนเทียร ทิพย์เอย สรรเพชญปราสาทเสถียร ถิ่นท้าว คิมหันด์แห่งจำเนียร นิตย์ท่าน สถิตฤๅ จรูญจรัสรัตน์อะคร้าว รั่วรุ้งเรืองไถง อำไพรุคฤหาสน์ห้อง เหมันด์ ท่านแฮ เรืองรพีพรรณจันทร์ จิ่มฟ้า มังคลาภิเษกสวรรค์ สวัสดิสุข เสวยฤๅ เรือนราชอาจอวดหล้า แหล่งเพี้ยงพิศวง บรรยงก์ขัตติเยศอ้าง สุริยา มรินทร์เอย ยามฤดูพรรษา เสพไท้ อร่ามรัตนอาภา ไพโรจน แลฤๅ บุญแต่งแสดงยศให้ เหตุสร้างปางหลัง คลังกาญจน์คลัิงแก้วเกิด เนืองนอง เนกนา ทุกทั่วประชาชนผอง เผือดร้อน อันเพ็ญภพมูนมอง เมืองมั่ง แลเฮย เย็นราษฎร์ขาดขุ่นข้อน ค่ำเช้าเนาเกษม ๑. ทานํ (การทำทาน) พระเปรมปฏิบัติเบื้อง ทศธรรม์ ถ้วนแฮ ทานวัตรพัศดุสรรพ์ สิ่งให้ ทวยเถมินมั่วหมู่พันิ พกพาก แคลนนา วันละวันดั้งไว้ หกห้างแห่งสถาน ๒. สีลํ (การรักษาศีล) เถลิงการกุศลสืบสร้าง เบญจางค ศีลเฮย เนืองนิวัทธ์ฤๅวาง ว่างเว้น บำเทิงหฤทัยทาง บุญเบื่อ บาปนา แสวงสัคมัคโมกข์เร้น รอดรื้อสงสาร ๓. ปริจฺจาคํ (การบริจาคทรัพย์ทำบุญ) สมภารพระก่อเกื้อ การก ธรรมแฮ ชินศาสนุปถัมภก เพิ่มตั้ง จตุราปัจเยศยก บริจาค ออกเอย อวยแต่ชมชีทั้ง ทั่วแคว้นแขวงสยาม ๔. อาชฺชวํ (ความซื่อตรง) พระงามอุชุภาพพร้อม ไตรพิธ ทวารเฮย กายกมลภาษิต ซื่อซ้อง บำเพ็ญเพิมสุจริต เจริญสัตย์ สงวนนา สิ่งคดปลดเปลื้องข้อง แต่ครั้งฤๅมี ๕. มทฺทวํ (ความอ่อนโยน) ปรานีมาโนชน้อม มฤทู ในนิกรชนชู ชุ่มเผ้า พระเอื้อพระเอ็นดู โดยเที่ยง ธรรมนา อดโทษโปรดเกศเกล้า ผิดพลั้งสั่งสอน ๖. ตปํ (คาามประพฤติตบะ) สังวรอุโบสถสร้าง ประดิทิน มาสประมาณวารถวิล สี่ถ้วน อัษฎางคิกวิริยิน ทรีย์สงัด กามเอย มละอิสริยสุขล้วน โลกซ้องสรรเสริญ ๗. อกฺโกธํ (ความไม่โกรธ) ทรงเจริญมิตรภาพเพี้ยง พรหมาน ทิศทศจรดทุกสถาน แผ่แผ้ว ชัคสัตว์เสพสำราญ รมย์ทั่ว กันนา เย็นยิ่งจันทรกานต์แก้ว เกิดน้ำฉ่ำแสง ๘. อวิหึสญฺจ (ความไม่เบียดเบียน) เสด็จแสดงยศเยือกเหล้า แหล่งไผท เพื่อพระกรุณาใน เขตข้า บ่กอบบ่ก่อภัย พิบัติเบียด เบียนเอย บานทุกหน้าถ้วนหน้า นอบนิ้วถวายพร ๙. ขนฺติญฺจ (คาามอดทน) ถาวรอธิวาสน์ค้า ขันตี ธรรมฤๅ ดำฤษณวิโรธราคี ขุ่นข้อน เพ็ญผลพุทธบารมี วิมุติสุข แสวงนา เนืองโลกโศกเสื่อมร้อน สิ่งร้ายฤๅพาน ๑๐. อวิโรธนํ (ความไม่ประพฤติผิด) พระญาณยลเยี่ยงเบื้อง โบราณ รีตนา ในนิติราชศาสตร์สาร สืบโว บแปรประพฤติพาล แผกฉบับ บูรพ์เฮย โดยชอบกอบกิจไท้ ธเรศตั้งแต่ปาง ไป่วางขัตติยวัตรเว้น สักอัน ทั่วทศพิธราชธรรม์ ท่านสร้าง สงเคราะหจัตุราบรร ษัทสุข เสมอนา สังคฤหพัสดุอ้า้ง สี่ไสร้สืบผล ๑. สสฺสเมธํ (การบูชาด้ายข้าวกล้า) ใดชนแคลนกล้าคู่ โคไถ ทรงประสาทเสมอใจ จ่ายถ้วน ปางผลเพิมพูนใน นาราษฎร์ นั้นฤๅ ส่วนสิบหยิบยกล้วน หนึ่งไว้ในฉาง ๒. ปุริสเมธํ (การบูชาบุรุษ) เสนางค์เนืองเนกหน้า้ ในสนม ทั่วทุกหมู่ทุกกรม แต่งตั้ง ผจงแจกธนสารสม สิ่งชอบ เขาแฮ หกมาสอาจอายครั้ง ขวบสิ้นคราสอง ๓. สมฺมาปาสํ (บ่วงอันชอบ) ใดปองพาณิชย์สร้าง สินศูนย์ เสนอลักษณ์เพื่อเอาธูร ท่านให้ ไตรพรรษเพิ่มทวีคูณ คืนส่ง สนองนา ปางราษฎร์ปราศทุกข์ไร้ สว่างร้อนผ่อนเกษม ๔. วาจาเปยฺยํ (วาจาเป็นที่รัก) เอมโอชอมฤตอื้น โองการ ท่านฤๅ ในอเนกคณะบริพาร ทุกหน้า บหมิ่นประมาณฐาน พฤฒิภาพ เขาเฮย ควรปู่คู่ลุงน้า้ หนึ่งนั้นบัณฑูร ๕. นิรคฺคลํ (การไม่มีลิ่มสลักคือไม่ต้องไม่ต้องใส่กลอนประตูบ้าน) ไพบูลย์สงเคราะห์ถ้วน ทวยชน สังคฤหพัสดุผล เพิ่มพ้อง บำเทิงธราดล โจรจืด แลแฮ ทวารเย่าเปล่าลิ่มป้อง เปิดได้โดยถวิล ประดิทินกรรมบถเบื้อง ทศางค สิ้นนา สืบกุศลธรรมทาง ถ่องแท้ จักรพรรดิวัตรวิริยางค์ ยุกดิ์เ์ยี่ยง แลฤๅ ทวาทศพจนพากย์แก้ ก่อเกื้อเผื่อผล ๑. อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ (ทรงจักรวรรดิวัตรในชนภายใน และหมู่พลทหาร) ชุมชนบริรักษ์ทั้ง หญิงชาย ทั่วทุกนางทุกนาย ใฝ่เฝ้า ทรงขจัดอุปัทวันตราย บำราศ ทุกข์นา ใจใส่ไปค่ำเช้า ชื่นหน้าอ่าโฉม ๒. ขตฺติเยสุ (ในกษัตริย์ทั้งหลาย) บรรโลมเลี้ยงโลกด้วย การุญ ในขัตติยทุกขุน เขตด้าว อำนวยรัตนวิบุล นาเนก แลเฮย มีอาทิราชหัยห้าว เห็จเพี้ยงลมผัน ๓. อนุยนฺเตสุ (ในผู้ติดตามทั้งหลาย) เนืองนันต์นราธิปผู้ เผ่าพงศ์ โดยเสด็จดำเนินคง คู่ไท้ พระเอื้อพระอวยมง คลยั่ว ยานแฮ ดุรงค์รถคชพ่าหน์ให้ ห่อนเว้นเป็นเฉลิม ๔. พฺราหฺมณคหปติเกสุ (ในพราหมณ์และหบดีทั้งหลาย) เผดิมผดุงชีพ่อพร้อม พราหมณ์ผอง พัสโภชน์โหติกูณฑ์กอง กอบถ้วน นายกเย่าปูนปอง ประโยชน์ครบ ครันเฮย สบสิ่งสำรดล้วน เครื่องใช้ไป่เหลีอ ๕. เนคมชานปเทสุ (ในชาวนิคมและชาวชนบททั้งหลาย) ผจงเจือแจงแจกทั้ง ชนบท สิ้นนา ในนอกนิคมคามหมด ขอบขั้น ภิยโยพระยศทศ ทิศร่ม ร้อนฤๅ เย็นเฉกพรหมฉัตรชั้น เชิดฟ้าฟูฉาย ๖. สมณพฺราหฺมเณสุ (ในสมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย) ทวยหลายลอยบาปร้าง รำงับ ราคฤๅ บริสุทธิศีลสี่สรรพ สฤษฏ์รั้ง สมณะหนึ่งนามนับ นามหนึ่ง พราหมณ์นา นฤนาถอาจอวยทั้ง สิ่งถ้วนบริขาร ๗. มิคฺคปกฺขีสุ (ในเนื้อและนกทั้งหลาย) อภัยทานท่านแต่งตั้ง ต่อสรรพ สัตว์เอย มวลมฤคปักษีพรรค์ แผ่ก้าง อย่าเริ่มอย่าริรัน ทำโทษ มันแฮ ห้ามบ่ให้ใครมล้าง ล่วงพ้นชนม์กษัย ๘. อธมฺมการปฏิกฺขโป (ห้ามการไม่เป็นธรรม) หฤทัยอนุเคราะห์ถ้วน ทาสภู บาปสร่างสร้างบุญขู เขตท้าว เบญจาพิธไพรู โรยเริด ลงฤๅ เพราะเพื่อพระนาถน้าว หน่วงโน้มในกุศล ๙. อธนานํ ธนุปทานํ (การให้ทรัพย์แก่ผู้ไร้ทรัพย์ทั้งหลาย) ชนใดใจขุ่นข้น ธนแคลน ทรงจ่ายรายทรัพย์แสน สิ่งให้ อาวรณ์ห๋อนหวงแหน หายิ่ง ยากแฮ ชุบช่วยทวยธเรศไร้ เสื่อมร้อนรอนเข็ญ ๑๐. สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหาปุจฺฉนํ (การเข้าไปหาสมณพราหมณ์แล้วถามปัญหา) ปวงเป็นบาพรตพร้อม พรหมจรรย์ มานะมละสบสรรพ์ สิ่งเก้า เสด็จสู่ศึกษาธรรม์ ถามโทษ คุณแฮ เสร็จทราบบาปบุญเค้า ขาดข้อกังขา ๑๑. อธมฺมราคสฺส ปหานํ (ละความกำหนัดในอธรรมคือล่วงประเวณี) ภูวนายกนาถเกล้า กษัตรีย์ ขจัดจากอธรรมราคี เกลียดใกล้ ทจจริตราคฤดี โดยกล่าว ไว้นา ทั่วอคมนิยฐานไท้ ธิราชร้างห่างขวน ๑๒. วิสมโลภสฺส ปหานํ (การละความโลภอันไม่สม่ำเสมอเสีย) ไป่ดลมหิจฉภาพเอื้อ เอาสาร ทรัพย์เฮย แห่งบ่ให้เหตุพาล โอบอ้าง โดยกิจกอบพลการ ปองประโยชน์ ตนนา นามวิสมโลภมล้าง เล่ห์นั้นฤๅมี พิธีทวาทศพร้อง พรรณนา นี้ฤๅ จักรพรรดิวัตรจรรยา ชื่อชี้ เรืองรุ่งราชกฤษฎา ธิการเกียรติ เกริกแฮ เจริญสวัสดิ์ขัตติเยศกี้ ก่อสร้างสืบแสวง เสร็จแสดงพระยศเจ้า จอมอยุธ ยาเอย องค์อดิศรสมมุติ เทพไท้ นเรศวรรัตนมกุฎ เกศกษัตริย์ สยามฤๅ หวังอยู่คู่ธเรศไว้ ฟากฟ้าดินเฉลิม รังเริ่มรจเรขอ้าง อรรถา แถลงเอย เสมอทิพยมาลย์ผกา เก็บร้อย ฉลองบทรัชนรา ธิปผ่าน ภพฤๅ โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อย ถ่องแท้แลฉงาย บรรยายกลกาพย์แสร้ง สมญา ไว้แฮ สมลักษณ์เล่ห์เสาวนา เรื่องรู้ "ตะเลงพ่าย" เพื่อตะเลงปรา ชัเยศ พระเอย เสนอฤทธิ์สองราชสู้ ศึกช้างกลางสมร อวยพรคณะปราชญ์พร้อม พิจารณ์ เทอญพ่อ ใดวิรุธบรรหาร เหตุด้วย จงเฉลิมแหล่งพสุธาร เจริญรอด หึงแฮ มลายโลกอย่ามลายม้วย อรรถอื้นอัญขยม กรมหมื่นนุชิต เชื้อ กวีวร ชิโนรส มิ่งมหิศร เสกให้ ศรีสุคต พจนสุนทร เถลิงลักษณ์ นี้นา ขัตติยวงศ์ ผจงโอษฐ์ไว้ สืบหล้าอย่าศูนย์ ไพบูลย์โดยบทเบื้อง โบราณ รีตฤๅ รังสฤษฏ์พระหลานตู ต่อบ้าง กปิษฐาขัตติยกุมาร สมมติ นามนา หน่อบพิตรเจ้่าช้าง เผือกผู้สามทรง บรรจงเสาวเลขแล้ว หลายคุง ขวบฤๅ ปางปิ่นธเรศอำรุง โลกเลี้ยง ทำนุกเชตุพนผดุง เผดิมตึก เต็มเอย อาวาสอาจเพ่งเพี้ยง แผ่นฟ้ามาเสมอ อำเภอพิริยภาพพ้อง ปรีชา เชียวแฮ เสาะส่องสุขุมปัญญา กอบกู้ คามภีร์พากย์สุภา ษิตสืบ แสวงนา สบสิ่งสรรพศัพท์รู้ รวบร้วมรวมเฉลย มละเลยกิจอี่นเอื้อ เอาธูร เดียวพ่อ สัมฤทธิม์โนรถวิบูล บ่ร้าง จงเป็นปัจเยศพูน ศราพก พระเอย หนปักษ์ทักษิื่สร้าง สฤษฏ์ได้ดั่งถวิล แห่งปิ่นวิสุทธเทพไท้ ทศพล อันอุบัติอนาคตดล อย่าแคล้ว ปัญญา ธิกญาณยล สี่สัจ แลฤๅ มล้างเกลศลามกแผ้ว ผ่องเพี้ยงเพ็ญแข แปรมุขเมือมุ่งห้อง นฤพาน พ้นจัตุเภทกันดาร ดัดดั้น เบญจาพิธมาลมาร มลายล่ง แลเฮย เสวยวิมุดติลาภซั้น เสร็จซ้องปองประสงค์ ผิววงว่ายวัฏเวิง วารี โอฆฤๅ บลุโลกุตรโมล เลิศล้น จงเจนจิตกวี วรวากย์ เฉลียวเอย ตราบล่วงบ่วงภพพ้น เผด็จเสี้ยนเบียนสมร จบกลอนเกลาพากย์อ้าง อภิปราย เถลิงเกียรติราชบรรยาย ยศไท้ เฉกนพรัตน์ตังวาย วิจิตรแจก ไว้นา เสนอหมู่เมธาให้ อ่านเอื้อนเตือนเกษม จบ เสร็จเสาวพากย์ถ้อย วิตถาร แถลงนา ลิลิต ราชพงศาาดาร แต่กี้ ตะเลง เหล่าดัสกรลาญ มลายชีพ ลงฤๅ พ่าย พระเดชหลีกลี้ ประลาตต้อนแตกสยาม