พระราชบัญญัติเกี่ยวกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504
พระราชบัญญัติเกี่ยวกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ.2504
______________________
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
"พลังงานปรมาณู" หมายความว่า พลังงานไม่ว่าในลักษณะใดซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยออกมาในเมื่อมีการแยก รวม หรือแปลงนิวเคลียสของปรมาณู
"วัสดุต้นกำลัง" หมายความว่า
(1) ยูเรเนียม ธอเรียม สารประกอบของยูเรเนียมหรือธอเรียม หรือวัสดุอื่นใด ที่มีคุณสมบัติเป็นวัสดุต้นกำลังตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
(2) แร่หรือสินแร่ ซึ่งประกอบด้วยวัสดุตามที่ระบุไว้ใน (1) อย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามอัตราความเข้มข้นซึ่งกำหนดโดยกฎกระทรวง
"วัสดุนิวเคลียร์พิเศษ" หมายความว่า
(1) พลูโตเนียม ยูเรเนียม ซึ่งมีความเข้มข้นของยูเรเนียม 233 หรือยูเรเนียม 235 สูงกว่าที่มีตามธรรมชาติสารประกอบของธาตุดังกล่าว หรือวัสดุอื่นใด ตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้ ไม่รวมวัสดุต้นกำลัง
(2) วัสดุใดๆ ที่มีวัสดุตามที่ระบุไว้ใน (1) อย่างหนึ่งหรือหลายอย่างผสมเข้าไป ทั้งนี้ ไม่รวมวัสดุต้นกำลัง
"วัสดุพลอยได้" หมายความว่า วัสดุกัมมันตรังสีทุกชนิดนอกจากวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ ซึ่งเกิดจากการผลิตหรือการใช้วัสดุนิวเคลียร์หรือวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
"กรรมการ" หมายความว่า กรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ และหมายความรวมถึงประธานกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติด้วย
"พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจ
(1)กำหนดให้วัสดุซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าเป็นวัสดุนิวเคลียร์พิเศษเป็นวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ
(2) กำหนดให้วัสดุหรือแร่ หรือสินแร่ดังต่อไปนี้เป็นวัสดุต้นกำลัง
ก. วัสดุซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นวัสดุต้นกำลัง
ข. แร่หรือสินแร่ซึ่งประกอบด้วยยูเรเนียม ธอเรียม สารประกอบของยูเรเนียม หรือธอเรียม หรือวัสดุตาม (ก.) อย่างหนึ่งหรือหลายอย่างซึ่งมีความเข้มข้นตามอัตรากำหนดและซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าเป็นวัสดุต้นกำลัง
(3) กำหนดเงื่อนไขและวิธีการขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
(4) กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 12 ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ความปลอดภัยในการผลิตการมีไว้ในครอบครองหรือการใช้วัสดุนิวเคลียร์พิเศษ พลังงานปรมาณู วัสดุพลอยได้ หรือวัสดุต้นกำลังซึ่งพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติในทางเคมี หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัสดุต้นกำลังให้พ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติในทางเคมี และกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวรายงานต่อคณะกรรมการตามระยะเวลาที่เห็นสมควรถึงปริมาณของวัสดุที่ผู้รับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองว่า ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าใดในระหว่างระยะเวลานั้น รวมทั้งเหตุแห่งการเพิ่มและการลดนั้นด้วย
การกำหนดตามมาตรานี้ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา 5 ให้มีคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เรียกโดยย่อว่า "พ.ป.ส." มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการเกี่ยวแก่พลังงานปรมาณูเพื่อสันติตามพระราชบัญญัตินี้ ประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และนิติศาสตร์ ไม่เกินสิบคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง และ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ อธิบดีกรมโลหกิจ เลขาธิการการพลังงานแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม เจ้ากรมอุตุนิยมวิทยา เลขาธิการสภาวิจัยแห่งชาติ เลขาธิการสภาการศึกษาแห่งชาติ และเลขาธิการสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
ให้เลขาธิการสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นเลขานุการคณะกรรมการ
มาตรา 6 ประธานคณะกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี กรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกได้
มาตรา 7 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 6 ประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) เป็นบุคคลล้มละลาย
(4) เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่คดีความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
เมื่อประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระคณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน
กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งตามความในวรรคก่อน อยู่ในตำแหน่งตามวาระของกรรมการที่ตนแทน
มาตรา 8 การประชุมทุกคราวต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ต่ำกว่ากึ่งจำนวนของกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา 9 นอกจากอำนาจหน้าที่ซึ่งกำหนดไว้โดยเฉพาะ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปดังต่อไปนี้
(1) วางนโยบาย ก่อให้เกิด ส่งเสริมและควบคุม
ก. การวิจัย การทดลอง การตรวจ การสำรวจ และการรวบรวมสถิติเกี่ยวกับแหล่งที่จะได้มาซึ่งวัสดุต้นกำลัง
ข.การจัดหาวัสดุต้นกำลัง
ค.การผลิตและใช้วัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุพลอยได้และพลังงานปรมาณู
ง.การวิจัยเกี่ยวกับพลังงานปรมาณู
(2) เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในเรื่องการกำหนดวัสดุนิวเคลียร์พิเศษและวัสดุต้นกำลัง
(3) วางระเบียบควบคุมและดำเนินกิจการให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในใบอนุญาตที่ออกให้ตามพระราชบัญญัตินี้
(4) กำหนดมาตรฐานต่างๆ อันพึงใช้โดยเฉพาะเกี่ยวกับพลังงานปรมาณู
(5) ส่งเสริมและเผยแพร่เกี่ยวกับพลังงานปรมาณู
มาตรา 10 คณะกรรมการอาจตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ให้นำบทบัญญัติมาตรา 8 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการด้วยโดยอนุโลม
มาตรา 11 ในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ให้คณะกรรมการมีอำนาจมีหนังสือเรียกบุคคลใดๆ มาให้ถ้อยคำและให้ส่งเอกสารหรือวัตถุใดๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้
มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใด
(1) ผลิต มีไว้ในครอบครอง หรือใช้วัสดุนิวเคลียร์พิเศษ พลังงานปรมาณู วัสดุพลอยได้ หรือวัสดุต้นกำลังซึ่งพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติในทางเคมี
(2) กระทำด้วยประการใดๆ แก่วัสดุต้นกำลังให้พ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติในทางเคมี
ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ
ใบอนุญาตให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา 13 ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุพลอยได้หรือวัสดุต้นกำลัง เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ
ในการอนุญาต คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขเพื่อประโยชน์ความปลอดภัยไว้ในใบอนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติ ใบอนุญาตให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรานี้ นำหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งวัสดุตามใบอนุญาต โดยไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขในใบอนุญาต ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาต นำหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งวัสดุนั้นแล้วแต่กรณี โดยมิได้รับอนุญาตตามความในมาตรานี้
มาตรา 14 เพื่อประโยชน์แก่การระงับหรือป้องกันอันตรายซึ่งอาจมีแก่บุคคลหรือทรัพย์สินหรือเพื่อคุ้มครองอนามัยของบุคคล คณะกรรมการมีอำนาจมีคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาต ซึ่งออกให้ตามมาตรา 12 ปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างเกี่ยวแก่กิจการที่ได้รับอนุญาตดังต่อไปนี้
(1) เปลี่ยนแปลงซ่อมแซมหรือบูรณะอาคาร เครื่องจักร เครื่องอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้
(2) จัดหาหรือสร้างสิ่งใดๆ ขึ้นใหม่
(3) งดการใช้หรือการผลิตไว้จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งใน (1) และหรือ (2)
คำสั่งของคณะกรรมการที่สั่งตาม (1) หรือ (2) ให้คณะกรรมการกำหนดระยะเวลาให้ผู้รับอนุญาตปฏิบัติตามคำสั่งนั้นด้วย และเมื่อมีเหตุอันสมควร ให้คณะกรรมการมีอำนาจขยายกำหนดเวลานั้นได้
มาตรา 15 ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ ซึ่งได้สั่งตามมาตรา 14 (1) หรือ (2) ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด หรือที่คณะกรรมการขยายให้ หรือในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งกำหนดตามมาตรา 4(4) คณะกรรมการมีอำนาจมีคำสั่งเป็นหนังสือให้เพิกถอนใบอนุญาตเสียได้
ในกรณีที่ได้มีคำสั่งของคณะกรรมการให้เพิกถอนใบอนุญาตตามวรรคก่อน ให้ผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายวัสดุนิเคลียร์พิเศษ วัสดุพลอยได้หรือวัสดุต้นกำลัง ซึ่งผู้รับใบอนุญาตครอบครองหรือใช้ตามใบอนุญาตนั้นภายในกำหนดเก้าสิบวัน ถ้ามิได้จำหน่ายภายในกำหนดนี้ ให้วัสดุดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
มาตรา 16 ในกรณีที่มีคำสั่งคณะกรรมการตามมาตรา 14 (1) หรือ (2) และเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด หรือที่คณะกรรรมการขยายให้ ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติแล้วผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่ครบถ้วนหรือถูกต้องตามคำสั่ง ไม่ว่าคณะกรรมการจะได้ใช้อำนาจตามมาตรา 15 หรือไม่ก็ตาม ให้คณะกรรมการมีอำนาจจัดให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นได้โดยครบถ้วน ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นในการนี้ให้ผู้รับใบอนุญาตรับผิดชดใช้ให้คณะกรรมการเท่าที่คณะกรรมการได้ใช้จ่ายไป
มาตรา 17 ในการปฏิบัติตามหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ของทางราชการหรือเอกชนเพื่อสอบถามหรือตรวจสอบในเรื่องการผลิต การมีไว้ในครอบครองหรือใช้ซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษพลังงานปรมาณู วัสดุพลอยได้ วัสดุต้นกำลัง หรือในเรื่องเกี่ยวกับการระงับหรือป้องกันอันตราย ซึ่งอาจมีแก่บุคคล หรือทรัพย์สินหรือการคุ้มครองอนามัยของบุคคล หรือเพื่อปฏิบัติอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
การเข้าไปในสถานที่ตามความในวรรคก่อน ถ้ามิใช่เป็นการเร่งด่วน หรือไม่เป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติการโดยฉับพลัน เพื่อระงับหรือป้องกันอันตราย ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้ผู้ครอบครองสถานที่ ทราบล่วงหน้าตามเวลาอันสมควร และพนักงานเจ้าหน้าที่จะเข้าไปได้ก็เฉพาะในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
มาตรา 18 พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีบัตรประจำตัวตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงและในการปฏิบัติตามอำนาจในมาตรา 17 ต้องแสดงบัตรประจำตัว เมื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องร้องขอ
มาตรา 19 ให้มีสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการและปฏิบัติงานธุรการอื่นๆ
มาตรา 20 ให้มีเลขาธิการสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติคนหนึ่ง มีหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งราชการของสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ
มาตรา 21 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 12 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 22 ผู้ใดนำหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษวัสดุพลอยได้ หรือวัสดุต้นกำลัง โดยมิได้รับอนุญาต ตามมาตรา 13 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 23 ให้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุพลอยได้ หรือวัสดุต้นกำลังในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ จัดให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตให้มีไว้ ในครอบครองวัสดุเช่นว่านั้น ภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวในวรรคก่อน ผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัสดุ นิวเคลียร์พิเศษ วัสดุพลอยได้ หรือวัสดุต้นกำลัง มิได้ยื่นคำขอใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองก็ดี หรือคณะกรรมการมีคำสั่งไม่อนุญาตให้มีไว้ในครอบครองก็ดี ให้ผู้มีไว้ในครอบครองจำหน่ายวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุพลอยได้ หรือวัสดุต้นกำลัง ซึ่งตนมีไว้ในครอบครองภายในกำหนดเก้าสิบวัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา ตามความในวรรคก่อน หรือนับแต่วันที่คณะกรรมการสั่งไม่อนุญาตแล้วแต่กรณี ถ้ามิได้จำหน่ายภายในกำหนดนี้ ให้วัสดุดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
ห้ามมิให้นำมาตรา 12 เฉพาะที่เกี่ยวแก่การมีไว้ในครอบครองซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ วัสดุต้นกำลังวัสดุพลอยได้ มาใช้แก่บุคคล ที่ครอบครองวัสดุเช่นว่านั้นอยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 24 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ส.ธนะรัชต์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือโดยที่การใช้พลังงานปรมาณูเพื่อประโยชน์ในทางสันติเป็นความจำเป็น และสมควรส่งเสริมเพื่อการพัฒนาของประเทศ และโดยที่การใช้พลังงานปรมาณูเพื่อประโยชน์ในทางสันติจำเป็นต้องมีการควบคุมให้การใช้เป็นไปตามหลักวิชาและปลอดภัย จึงต้องมีกฎหมายว่าด้วยการนี้
(เล่ม ๗๘ ตอนที่ ๓๖ ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ เมษายน ๒๕๐๔)
ประเภทของหน้า: พระราชบัญญัติ