วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
31/01/2008
ที่มา: 
วัดห้วยมงคล ณกมล หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ภาพประกอบบางส่วนทางอินเทอร์เน็ต

ประวัติสมเด็จหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

ภาพ:Webboard_image01_00046.jpg

            หลวงปู่ทวด หรือ สมเด็จพะโคะ มีนามเดิมว่าปู เป็นบุตรนายหู นางจัน วันเดือนปีเกิดของเด็กชายปู บ้างว่าเป็นเดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๒๕ บ้างว่าปี พ.ศ. ๙๙๐ ฉลู สัมฤทธิศก บ้างว่า พ.ศ. ๒๑๓๑ โดยอนุมาน เข้าใจว่าคงเป็นปลายสมัยมหาธรรมราชา อาจเป็นปี พ.ศ. ๒๑๒๕ หรือ ๒๑๓๑ ตอนเด็กชายปูยังเป็นทารก มีเรื่องเล่าเป็นปฏิหาริย์เอาไว้ว่า หลังจากนางจันเลิกอยู่ไฟก็ออกเกี่ยวข้าวทันที วันหนึ่งนางไปเก็บข้าวก็เอาบุตรให้นอนในเปลใต้ต้นหว้า งูบองหลาขึ้นมานอนบนเปลนั้น มารดาบิดามาเห็นตกใจ งูก็เลื้อยหายไป แต่ได้คายแก้ววิเศษเอาไว้ให้

        เมื่อเด็กชายปู อายุได้ ๗ ขวบ บิดาได้นำไปฝากกับท่านสมภารจวง ซึ่งเป็นพี่ชายของนางจันผู้เป็นมารดา (หลวงลุง) วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ เด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ ๑๐ ขวบ ก็บวชเป็นสามเณร และบิดาได้มอบแก้ววิเศษไว้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับพระชินเสนที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ และมีชื่อเสียงมากมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่ออายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ต่อมาก็ได้เข้ารับการอุปสมบทมีฉายาว่า "ราโมธมฺมิโก" แต่คนทั่วๆ ไปเรียกว่า "เจ้าสามีราม"' เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด เมื่อเห็นว่า การศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอ จึงได้ขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพร เกิดคลื่นลมทะเลปั่นป่วน เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ ต้องทอดสมออยู่ถึง ๗ วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมด บรรดาลูกเรือจึงตั้งข้อสงสัยว่า การที่เกิดอาเพศในครั้งนี้เป็นเพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะ ได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าซ้ายแช่ลงไปในทะเล ก็บังเกิดอัศจรรย์ น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วง เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่ม ก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ขึ้นสำเภาอีก และตั้งแต่นั้น เจ้าสามีรามเป็นชีต้น หรืออาจารย์ของเจ้าสำเภาอินสืบมา

        อภินิหารที่ท่านสามีรามเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นที่โจษขานมาถึงบัดนี้ และเหตุการณ์ตอนนี้เล่าเสริมพิสดารขึ้นว่า ตอนแรกนายอินเชื่อมั่นว่า พระสามีรามเป็นกาลกิณี เรือจึงต้องพายุ เพราะก่อนมาไม่เคยเป็น เมื่อคลื่นลมสงบ จึงคิดจะเอาเจ้าสามีรามปล่อยเกาะ แต่ครั้นเห็นปาฏิหาริย์จึงขอขมาโทษ

        ส่วนอภินิหารอีกทางหนึ่งเล่าสืบกันมาว่า ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านเดินอยู่ชายทะเล พวกโจรสลัดเห็นเข้าจึงใคร่จะลองดี ได้จับท่านใส่เรือ ชั่วครู่ก็เกิดอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่คลื่นสงบแต่เรือแล่นไปไม่ได้ ออกแล่นก็วนเวียนอยู่ที่เดิม ในที่สุดน้ำจืดที่มีอยู่ได้หมดลง ท่านนึกสงสาร จึงแหย่เท้าซ้ายลงในน้ำ แล้ววักน้ำขึ้นล้างหน้าและดื่มกิน พวกโจรเห็นจึงลองดูบ้าง เห็นเป็นน้ำจืดจึงช่วยกันตักเอาไว้ แล้วกราบขอขมาโทษ นำท่านส่งขึ้นฝั่ง ขณะที่เดินทางมาได้หยุดพักเหนื่อย เอาไม้เท้าพิงไว้กับต้นยางซึ่งขึ้นเคียงคู่กัน ต่อมายางนั้นก็คดเยี่ยงไม้เท้านั้น บัดนี้ยางนั้นเรียกว่า "ยางไม้เท้า"

        เล่ากันว่าเมื่อถึงวัยชรา ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์หายไปพร้อมกับสามเณรน้อยองค์หนึ่งซึ่งนำดอกไม้ทิพย์ออกติดตามหาพระศรีอาริย์จนได้พบท่าน และในคืนวันเพ็ญนั้นเอง ชาวบ้านได้เห็นดวงไฟกลมโตบนท้องฟ้าเปล่งฉัพพรรณรังสีงดงามมาก กระทำทักษิณาวัฎอยู่ ๓ รอบ แล้วหายไปทางทิศอาคเนย์ ชาวบ้านจึงแน่ใจว่าท่านได้ไปสู่พระนิพพานแล้ว เหตุการณ์นั้นล่วงเลยมาหลายร้อยปีแล้ว

        ในยุคนี้และสมัยนี้ เกือบจะไม่มีชาวไทยคนใดเลย ที่จะไม่ได้ยินหรือได้ฟังกิติศัพท์เล่าลือเกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ความศักดิ์สิทธิ์อันนี้ บ้างก็เป็นเรื่องของการคลาดแคล้วจากอุบัติเหตุสยอง จากไฟไหม้ หรือจากภัยพิบัตินานานับประการ และหลวงพ่อทวดมิใช้จะคุ้มครองเฉพาะในด้านอุบัติเหตุเท่านั้น แม้แต่ในทางโชคลาภก็ให้ผลอย่างดีที่สุด ดังที่ได้ประจักษ์แก่ผู้เสื่อมใสมาแล้ว

 


[แก้ไข] พระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร กับปาฏิหาริย์หลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล

ภาพ:2101_copy6.jpg
        "แขวนหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง" นี้เป็นความเชื่อในปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งของคนในวงการพระเครื่อง รวมทั้งวงการอื่นๆ แต่สำหรับ พระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก กลับมีมุมมองเรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวดที่ว่า "หลวงปู่ทวด คุ้มครอง ดูแล และเลี้ยงทุกคน"

        พระอาจารย์ไพโรจน์ บอกว่า ทุกวันนี้วัดห้วยมงคลกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้ว โดยในแต่ละวัน จะมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมากราบไหว้นับร้อยคน แต่ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ อาจจะสูงถึงหลักพันคน นอกจากความสะอาดเรื่องสถานที่แล้ว ทางวัดยังมีโรงทานเตรียมอาหารไว้เลี้ยงด้วย

        สำหรับปัจจัยการทำบุญที่ได้จากญาติโยมนั้น นอกจากใช้ดูแลศาสนสถานภายในวัดแล้ว ทางวัดยังได้นำไปเป็นทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในพื้นที่ใกล้วัดนอกจากนี้แล้ว ยังนำไปมอบให้ทหารตำรวจใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอาจจะพูดได้เต็มปากว่า ปาฏิหาริย์หลวงปู่ทวด นอกจากช่วยให้คนไม่ตายโหงแล้ว ยังคุ้มครอง ดูแล และเลี้ยงทุกคน อีกด้วย ส่วนที่มาของปัจจัยนั้น มีทั้งจากการจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน และพระหลวงปู่ทวด ทั้งนี้ พระอาจารย์ไพโรจน์ ได้อธิบายถึงการสร้างพระหลวงปู่ทวดของวัดว่า มี ๒ ลักษณะ คือ เนื้อโลหะ และเนื้อว่าน การสร้างพระเนื้อโลหะจะจ้างโรงงานผลิต ส่วนการทำพระเนื้อว่านและเนื้อดินนั้น ลูกศิษย์ที่เป็นทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมทั้งลูกศิษย์สายต่างๆ ที่ได้เคยอุปถัมภ์ค้ำจุนต่อกัน จะนำว่านมงคลมามอบให้ เช่น ว่านสบู่เลือด ว่านกันเขี้ยวกันงา ว่านตะบะ ว่านเพชรกลับ ว่านสาวหลง ว่านกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอต่างๆ ว่านเสน่ห์จันทน์ขาว เสน่ห์จันทน์แดง ฯลฯ

        "การสร้างวัตถุมงคล การทำวัตถุมงคล แต่ละครั้งจะต้องใช้ว่านนับพันชนิด รวมกับมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ ซึ่งว่านแต่ละชนิดนั้น ตามคติความเชื่อโบราณนั้น เชื่อว่ามีดีอยู่ในตัว เช่น ว่านสาวหลง คติความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่า มีอานุภาพด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และทำมาค้าขายดี ในขณะที่ ว่านกันเขี้ยวกันงา คติความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่า พกพาติดตัวแล้วจะปลอดภัยจากสัตว์ดุร้ายที่มีเขี้ยวงา" พระอาจารย์ไพโรจน์กล่าว

        เมื่อถามถึงจำนวนการสร้างพระหลวงปู่ทวด อาจารย์ไพโรจน์ บอกว่า น่าจะสร้างพระหลวงปู่ทวดทั้งแจกทั้งให้เช่าบูชาไปแล้วหลายล้านองค์ และครั้งหนึ่งเคยทำพระหลวงปู่ทวดให้เช่าบูชาเพียงองค์ละ ๑ บาท เท่านั้น เพื่อสงเคราะห์ญาติโยมที่เดินทางมาไหว้หลวงปู่ทวด แม้ว่าจะองค์ละบาท แต่มวลสารไม่ธรรมดา เพราะได้ใช้ดินจากสังนีเวชยสถาน ๔ แห่ง รวมทั้งดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มาเป็นมวลสาร

        นอกจากนี้แล้ว พระอาจารย์ไพโรจน์ ยังพูดถึงการสร้างพระหลวงปู่ทวดรุ่นปาฏิหาริย์ว่า ในโอกาสที่ครบ ๒ ปี ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ณ วัดห้วยมงคลว่า การจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดขึ้นมา ได้ยึดหลักของมวลสารแต่เดิมของพระเครื่องหลวงปู่ทวด คือ ว่าน และดินกากยายักษ์ เป็นส่วนผสมหลัก โดยได้ทำพิธีพุทธาภิเษก มีพระสงฆ์ ๕,๐๐๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ทรงวิทยาคมนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก ณ มณฑลพิธีหน้าองค์หลวงพ่อทวด ส.ก. เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๙ และครั้งที่ ๒ ในวันเสาร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ทางวัดจะประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก "หลวงพ่อปู่รุ่นปาฏิหาริย์" โดยทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริสวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นประธานชุดเทียนชัย
[แก้ไข] ประวัติวัดห้วยมงคล

ภาพ:Huaymongkhon005.jpg
        “วัดห้วยมงคล” ตั้งอยู่ที่ ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคด” โดยอาศัยจาก ชื่อลำห้วยน้อยใหญ่ที่คดไปคตมา จึงนำมาใช้เป็นชื่อตั้งสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าเป็นโรงเรียน วัด หมู่บ้าน ในของห้วยคด ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคด ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

        ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาในปี พ.ศ.๒๔๙๕ ตั้งโครงการพระราชดำริแห่งแรกขึ้น และทรงได้พระราชทานนามใหม่จาก ห้วยคด เป็นห้วย “มงคล” ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียนและโครงการต่างๆ อีกมากมาย

        วัดห้วยมงคลก่อตั้งในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ จากที่พักสงฆ์เล็กๆ จนกระทั่งเป็นสำนักสงฆ์และเป็นวัดในเวลาต่อมา โดยมีหลวงพ่อปลั่ง ปภาโส เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดองค์แรกในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ - ๒๕๓๔ ต่อมาเจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ คือ พระครูปภัสสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ได้ปกครองวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ จนถึงปัจจุบัน ได้ดำริที่จะสร้างหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ เพื่อสืบทอดและเผยแพร่พระพุทธศานา โดยได้รับความอุปถัมภ์ จากท่านพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์ ร่วมสร้างถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ ครบรอบ ๗๒ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ ทรงเสด็จมาเป็นประธานหล่อเศียร ในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๖ และทรงเสด็จมากราบนมัสการหลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ ปัจจุบันวัดห้วยมงคล ยังเป็นสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นที่อบรมศีลธรรมแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา เช่น โครงการเข้าค่ายพุทธบุตร และยังเป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่มาสักการะบูชาได้เข้าถึงพระรัตนตรัยอีกด้วย

        พุทธศาสนิกชนที่ประสงค์จะเดินทางไปกราบไหว้ หลวงปู่ทวด ณ วัดห้วยมงคล สอบถามรายละเอียดเส้นทางได้ที่ วัดห้วยมงคล หมู่ ๖ ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ๗๗๑๑๐ โทร.๐-๓๒๕๗-๖๑๘๗-๘


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

- วัดห้วยมงคล

- ณกมล

- หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ภาพประกอบบางส่วนทางอินเทอร์เน็ต


ประเภทของหน้า: พระสงฆ์