อุทยานแห่งชาติภูเวียง

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
04/12/2007
ที่มา: 
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรธรณี

 

จาก คลังปัญญาไทย, สารานุกรมฟรี

Jump to: navigation, search

ภาพ:Phuphu_q6.jpg


          อุทยานแห่งชาติภูเวียง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 71 ของประเทศไทย สามารถเดินทางโดยรถยนต์จากจังหวัดขอนแก่นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2038 ผ่านอำเภอหนองเรือ ไปยังอำเภอภูเวียง และเดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเวียง รวมระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร

 

สารบัญ

[ซ่อนสารบัญ]

[แก้ไข] ข้อมูลทั่วไป

ภาพ:Phuphu_q7.jpg


          คำว่า “ภูเวียง” เป็นท้องที่อำเภอที่เก่าแก่ของจังหวัดขอนแก่นอำเภอหนึ่ง และยังเป็น ชื่อเรียกของเทือกเขา มีหลักฐานว่าป่าภูเวียงเคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณที่มีอารยธรรมเมื่อหลายพันปีล่วงมาแล้ว มีการขุดพบกระดูกมนุษย์โบราณ เครื่องมือ เครื่องใช้ โลหะสำริด พระนอนสมัยทวาราวดี รวมทั้งภาพเขียนสี สมัย ก่อนประวัติศาสตร์ที่ ถ้ำ (หลืบเงิน) บนเทือกเขาภูเวียง นอกจากนั้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2519 มีการค้นพบรอยเท้าและซากกระดูก ไดโนเสาร์ และสัตว์โลกดึกดำบรรพ์อายุเกือบ 200 ล้านปี ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยและเสด็จทอดพระเนตร เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 มีเนื้อที่ประมาณ 325 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 203,125 ไร่

          เดิมป่าภูเวียงได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 64 พ.ศ. 2508 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2508 และได้เปิดการทำไม้ในพื้นที่ดังกล่าวตามเงื่อนไขของรัฐบาล โดยมีบริษัทขอนแก่นทำไม้เป็นผู้รับสัมปทาน จากการที่พลเอกหาญ สีนานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปตรวจราชการ และทำการบินตรวจสภาพป่าทางอากาศ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2530 พบว่า สภาพป่าบางส่วนมีสภาพสมบูรณ์ดี จึงดำริให้สงวนป่าที่สมบูรณ์ไว้เป็นอุทยานแห่งชาติ และให้จัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และติดตามผลการทำไม้ตามเงื่อนไขสัมปทาน ในส่วนที่ได้ผ่านการทำไม้แล้ว และที่กำลังดำเนินการทำไม้อยู่ ผลการตรวจสอบโดยคณะเจ้าหน้าที่จาก กอ.รมน.ภาค 2 และเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2530 ปรากฏว่า การทำไม้ในป่าสัมปทานโครงการภูเวียง (ขก.2) ตอน 7 แปลง 21 โดยบริษัทขอนแก่นป่าไม้ ได้ดำเนินการทำไม้ตามระเบียบ นโยบาย และเงื่อนไขสัมปทาน และได้เหลือไม้ที่สงวนไว้พอประมาณ ตามหนังสือรายงานของจังหวัดขอนแก่นที่ ขก 0009/21641 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2530 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีบันทึกสั่งการลงวันที่ 16 มิถุนายน 2530 ให้กรมป่าไม้พิจารณาจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติภูเวียง

          กองอุทยานแห่งชาติได้มีหนังสือที่ กษ.0713/713 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2530 เสนอกรมป่าไม้มีคำสั่งที่ 1162/2530 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2530 ให้นายอุดม ยกฉวี เจ้าพนักงานป่าไม้ 4 ไปทำการสำรวจเบื้องต้นป่าภูเวียง และบริเวณป่าใกล้เคียงเป็นอุทยานแห่งชาติ และได้รับรายงานตามหนังสือที่ กษ 0713/พิเศษ ลงวันที่ 11 กันยายน 2530 ว่า พื้นที่ป่าดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง มีแหล่งท่องเที่ยวและจุดเด่นทางธรรมชาติหลายแห่ง และมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เหมาะ สมที่จะดำเนินการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติจึงได้มีหนังสือที่ กษ 0713/1064 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2530 เสนอกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 1643/2530 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2530 ให้นายอุดมศักดิ์ สุพรรณพงศ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ 4 ไปดำเนินการจัดตั้งพื้นที่บริเวณป่าภูเวียงและพื้นที่ป่าบริเวณใกล้เคียง ในท้องที่อำเภอภูเวียง อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งอุทยานแห่งชาติภูเวียงได้มีหนังสือที่ กษ 0713(ภว.)/40 ลงวันที่ 2 เมษายน 2531 รายงานผลการสำรวจ เพื่อกำหนดพื้นที่ในการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติให้กองอุทยานแห่งชาติพิจารณาดำเนินการ

          กรมป่าไม้ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติคราวประชุมครั้งที่ 3/2532 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2532 เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติได้ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูเวียง ในท้องที่ตำบลกุดธาตุ ตำบลในเมือง ตำบลบ้านโคก ตำบลเขาน้อย ตำบลขนวน ตำบลบ้านเรือ ตำบลเมืองเก่าพัฒนา ตำบลสงเปือย ตำบลนาชุมแสง อำเภอภูเวียง ตำบลวังเพิ่ม ตำบลศรีสุข ตำบลนาจาน อำเภอสีชมพู และตำบลวังหินลาด ตำบลหนองเสาเล้า ตำบลหนองไผ่ และตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น พื้นที่ประมาณ 203,125 ไร่ หรือ 325 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 108 ตอนที่ 215 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2534 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 71 ของประเทศ

[แก้ไข] ลักษณะภูมิประเทศ

ภาพ:Phuphu_q11.jpg


          อุทยานแห่งชาติภูเวียง มีลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป เป็นเทือกเขาล้อมเป็นวงอยู่ 2 ชั้น ตรงกลางเป็นแอ่งขนาดใหญ่ คล้ายแอ่งกระทะซึ่งเป็นที่ราบและลอนลาด ส่วนพื้นที่โดยรอบแอ่ง มีลักษณะเป็นเทือกเขาซึ่งมีมุมเทเข้าหาใจกลางแอ่ง ประกอบด้วยเทือกเขาที่มีความลาดชันปานกลางถึงลาดชันสูง เทือกเขาชั้นนอกสุดมียอดเขาสูงสุด 844 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพื้นที่ และเทือกเขาชั้นในมียอดเขาสูงสุด 470 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณทิศเหนือของพื้นที่เทือกเขาชั้นในนี่เองที่เป็นแหล่งฟอสซิลไดโนเสาร์ ส่วนระดับต่ำสุดของเชิงเขาอยู่ระดับ 210 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

          อุทยานแห่งชาติภูเวียง ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราชมีลักษณะเป็นหินชั้น ซึ่งเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนบนแผ่นดิน หนากว่า 4,000 เมตร ชั้นของหินตะกอนมักมีสีแดงเกือบทั้งหมด เรียกว่าหินชั้นตะกอนแดง หรือกลุ่มหินโคราช ประกอบด้วย หน่วยหินเขาพระวิหาร หินเสาขัว หินภูพาน และหินโคกกรวด หินดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยตะกอนร่วนและดินยุคควอเทอร์นารี่ และยุคปัจจุบัน ซึ่งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงนั้น ยังมีการสำรวจสายแร่ยูเรเนียมในพื้นที่อีกด้วย อุทยานแห่งชาติภูเวียงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของห้วยทรายขาว ซึ่งจะไหลลงลำน้ำพอง ห้วยบั้งทิ้ง ห้วยน้ำไหล ซึ่งจะไหลลงลำน้ำเชิญ ห้วยเรือ ห้วยขุมปูน ห้วยน้ำบอง และห้วยมะนาว ซึ่งจะไหลลงห้วยบอง ทั้งลำน้ำพอง หัวยบอง และลำน้ำเชิญ จะไหลลงอ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์

[แก้ไข] ลักษณะภูมิอากาศ

          อุทยานแห่งชาติภูเวียงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ จึงแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ดังนี้ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดในเดือนเมษายน 36.5 องศาเซลเซียส ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี 1,199 มิลลิเมตร ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนธันวาคม 16.6 องศาเซลเซียส

[แก้ไข] พรรณไม้และสัตว์ป่า

ภาพ:Phuphu_q10.jpg


          สภาพป่าบริเวณอุทยานแห่งชาติภูเวียงแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ ป่าดิบแล้ง ซึ่งมีพื้นที่มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ

[แก้ไข] ป่าดิบแล้ง

          ส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ทางตอนเหนือของเขตอุทยานแห่งชาติ และบริเวณลำธาร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะเคียนหิน ชิงชัน พะยูง สมพง กระบก มะค่าโมง เขลง คอแลน ปอแดง สะแกแสง ฯลฯ พืชพื้นล่างและพืชอิงอาศัย ได้แก่ เอื้องหมายนา จันผา ขมิ้นโคก กระเจียวขาว ชายผ้าสีดา เอื้องแปรงสีฟัน เอื้องเขาแกละ นางอั้ว และกล้วยไม้ดง เป็นต้น

[แก้ไข] ป่าเต็งรัง

          ขึ้นปกคลุมตามเชิงเขาบริเวณต่ำกว่าป่าดิบแล้ง กระจายตัวอยู่บริเวณภูประตูตีหมา และแนวภูเขาต่อเนื่องรอบในของเทือกเขาภูเวียง และกระจายตัวอยู่เชิงเขารอบนอกเทือกเขาภูเวียง พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางกราด เหียง พลวง เต็ง รัง ยอป่า มะเกลือกา สมอ ตีนนก ฯลฯ พืชพื้นล่างได้แก่ เอื้องหมายนา หญ้าเพ็ก มะลิป่า เปราะ กระเจียว เฟินแผง และเฟินก้านดำ เป็นต้น

[แก้ไข] ป่าเบญจพรรณ

          อยู่ระหว่างรอยต่อของป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง และปะปนอยุ่ในป่าเต็งรังบ้าง กระจายตัวในพื้นที่บางส่วนบริเวณภูประตูตีหมาและเชิงเขารอบนอกเทือกเขาภูเวียง พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่ เสลา ตะแบกใหญ่ รัก รกฟ้า ทองหลางป่า แคทราย และตีนนก ฯลฯ

          สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในผืนป่าภูเวียงประกอบด้วย หมูป่า สุนัขจิ้งจอก ลิงวอก อีเห็นข้างลาย กระต่ายป่า กระรอกหลากสี กระจ้อน กระรอกบินเล็กแก้มขาว กระแตเหนือ กระรอกบิน ค้างคาวปากย่น หนูท้องขาว หนูจิ๊ด นกเป็ดผีเล็ก เป็ดแดง เหยี่ยวขาว เหยี่ยวนกเขาชิครา ไก่ป่า นกกระทาทุ่ง นกคุ่มอกลาย นกกวัก นกกระแตแต้แว้ด นกเขาเปล้าธรรมดา นกพิราบป่า นกเขาไฟ นกแขกเต้า นกบั้งรอกใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกฮูก นกเค้าแมว นกตะขาบทุ่ง นกโพระดกธรรมดา นกแอ่นตาล นกนางแอ่นบ้าน นกปรอดเหลืองหัวจุก นกแซงแซวหางปลา นกกินแมลงอกเหลือง นกกระจิบหญ้าอกเทา นกกางเขนบ้าน นกเอี้ยงสาริกา นกกินปลีอกเหลือง จิ้งจกหางแบน ตุ๊กแกบ้าน กิ้งก่าหัวแดง แย้ จิ้งเหลนหลากหลาย จิ้งเหลนบ้าน งูจงอาง คางคกบ้าน เขียดจะนา กบบัว กบอ่อง กบนา กบหนอง ปาดบ้าน อึ่งอ่างก้นขีด อึ่งอ่างบ้าน อึ่งน้ำเต้า ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีปลาน้ำจืดอีกหลายชนิดอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติภูเวียง เช่น ปลาช่อน ปลาดุกด้าน ปลาหมอไทย ปลาหลด ปลาไหล ปลาอีด ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาซิวหนวดยาว ปลาบู่ทราย ปลาแขยงใบข้าว และปลากดขาว เป็นต้น

[แก้ไข] โบราณชีววิทยา

ภาพ:Phuphu_q8.jpg


          ในปี พ.ศ. 2519 นักธรณีวิทยาจากโครงการสำรวจแหล่งยูเรเนียม กรมทรัพยากรธรณีได้พบ ซากไดโนเสาร์ครั้งแรกของประเทศไทยที่ภูเวียง จากนั้นจึงได้ทำการศึกษาและสำรวจเพิ่มเติม จนพบแหล่งซากกระดูกไดโนเสาร์ถึง 9 แหล่ง ความสำคัญของซากกระดูกไดโนเสาร์ที่ภูเวียง คือ เป็นสกุลและชนิดใหม่หลายชนิด เช่น ไดโนเสาร์กินพืชภูเวียง (Phuwiangosaurus sirindhornae) ไดโนเสาร์กินเนื้อ (Siamotyrannus isanensis และ Siamosaurus suteethoni) และไดโนเสาร์นกกระจอก เทศ (Ginareemimus) สามารถจำแนกรายละเอียดได้ดังนี้

          - ไดโนเสาร์ในหินหมวดพระวิหาร เป็นร่องรอยไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย โดยคิดเป็นอายุประมาณ 160 ล้านปี โดยพบบริเวณลานหินลาดป่าชาด เป็นรอยไดโนเสาร์หลายชนิดจำนวนมากกว่า 60 รอย บนผิวหน้าของชั้นหินทรายเนื้อละเอียดสีขาว เป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์กินเนื้อเป็นอาหาร เดินด้วย 2 ขาหลัง เคลื่อนไหวได้ว่องไว มีขนาดเล็กตระกูลซีลูโรซอร์ และรอยเท้าของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่พวกคาร์โนซอร์

          - ไดโนเสาร์ในชั้นหินหมวดเสาขัว เป็นซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ชิ้นแรกที่พบในอุทยานแห่งชาติภูเวียง บริเวณห้วยประตูตีหมา ซึ่งมีอายุประมาณ 150 ล้านปี และชิ้นอื่นๆ ที่พบบนยอดภูประตูตีหมา มีลักษณะใกล้เคียงกับไดโนเสาร์ซอโรพอดคาเมราซอรัส ยุคจูแรสสิก ยาวถึง 15 เมตร คอยาว หางยาว เดินด้วย 4 เท้า กินพืชเป็นอาหาร

          ไดโนเสาร์ที่พบในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียงมีหลายพันธุ์ด้วยกัน เช่น พันธุ์ไซแอมโมซอรัส เป็นไดโนเสาร์เทอโรพอดสกุลใหม่และชนิดใหม่ พันธุ์คาร์โนซอร์ เป็นไดโนเสาร์เทอโรพอดขนาดใหญ่ พันธุ์คอมพ์ซอกนาธัส เป็นไดโนเสาร์ซีลูโรซอร์ขนาดจิ๋ว ตัวเท่าไก่ และพันธุ์ไดโนเสาร์ซอโรพอดชนิดใหม่ เป็นซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย มีคอยาว หางยาว เดินด้วย 4 เท้า กินพืชเป็นอาหาร

[แก้ไข] แหล่งท่องเที่ยว ด้านธรรมชาติที่สวยงาม

ภาพ:Phuphu_q9.jpg

 

[แก้ไข] น้ำตกทับพญาเสือ

          เป็นน้ำตกที่ลาดยาวประมาณ 400 เมตร อยู่ทางด้านทิศใต้ของเทือกเขาภูเวียง มีเส้นทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จากด่านตรวจหินร่อง เป็นน้ำตก 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นน้ำตกขนาดกลาง สูงประมาณ 8 เมตร มีธรรมชาติที่งดงาม ชั้นที่สองเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีน้ำไหลลาดตามลำห้วย ยาวประมาณ 100 เมตร ธรรมชาติสองข้างทางร่มรื่นสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และชมดงจันผาในยุคไดโนเสาร์

[แก้ไข] น้ำตกตาดจำปา

          เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงามอีกแห่งในช่วงฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาวสูงประมาณ 15 เมตร อยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาภูเวียง เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ เข้าทางบ้านขามป้อม ตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทึ่ ภว.2 (หัวภูชน) ไปน้ำตกประมาณ 3 กิโลเมตร

[แก้ไข] ทุ่งกูกติ

          เป็นทุ่งกว้างอยู่บนเทือกเขาภูเวียงท้องที่ต่อระหว่างอำเภอชุมแพ และอำเภอภูเวียง มีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงามมองเห็นทิวทัศน์ของชุมแพได้ มีแหล่งน้ำ การเดินทางเข้าที่บ้านโนนสะอาด และเดินขึ้นเขาประมาณ 6 กิโลเมตร

[แก้ไข] น้ำตกตาดกลาง

          ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ในเส้นทางบ้านโคกสูง ถึงรอยเท้าไดโนเสาร์ที่หินลาดป่าชาด ถึงทุ่งใหญ่เสาอารามห่างจากรอยเท้าไดโนเสาร์ประมาณ 4 กิโลเมตร

[แก้ไข] น้ำตกตาดฟ้า

          ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองภูเวียง จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากทุ่งใหญ่เสาอารามประมาณ 5 กิโลเมตร และห่างจากบ้านโคกสูงประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลางอยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาภูเวียง มีเส้นทางเดินเท้าขึ้นเขาระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร จากด่านตรวจโคกสูง มีความสูงประมาณ 15 เมตร สภาพป่าเป็นป่าดิบที่อุดมสมบูรณ์ ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดสถานที่กางเต็นท์ไว้ให้สำหรับผู้ประสงค์จะพักแรม

[แก้ไข] ทุ่งใหญ่เสาอาราม

          ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลในเมือง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ห่างจากน้ำตกตาดฟ้าไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่บนเทือกเขาภูเวียงมีตำนานว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของพวกชาวป่าในสมัยก่อน มีร่องรอยวัดวาอาราม บ้าน ในสมัยโบราณ สภาพทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าและป่าเบญจพรรณกว้างไกลสุดตางดงาม นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่หลากหลาย และสัตว์ป่าที่มีค่าหายากต่างๆ

[แก้ไข] อ่างเก็บน้ำหัวภูชน

          ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านขามป้อม ตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากรอยเท้าไดโนเสาร์หินลาดป่าชาด ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นลานหินขนาดใหญ่ มีก้อนหินเรียงราย เหมือนปฏิมากรรมทางธรรมชาติที่งดงาม รายรอบไปด้วยป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่น สามารถไปนั่งชมทิวทัศน์ ถ่ายรูป นั่งพักผ่อน โดยเฉพาะหลังฤดูฝนมีดอกไม้ป่า เช่น ม้าวิ่ง กระดุมเงิน กล้วยไม้ดิน หยาดน้ำค้าง โครงเครง ฯลฯ ขึ้นอยู่ดาษดื่นงดงามมาก

[แก้ไข] หินลาดกกกุ่ม

          ลานหินขนาดใหญ่มีก้อนหินเรียงกันเป็นกลุ่ม บางก้อนมีลักษณะคล้ายรูปสัตว์อยู่กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ มีดอกกล้วยไม้ป่า ขึ้นอยู่ออกดอกสวยงาม หากยืนที่จุดนี้มองลงไปที่เบื้องล่างจะเห็นทิวทัศน์ของหมู่บ้านและเทือกเขาภูเวียงสวยงามมาก

[แก้ไข] สุสานหอย

          อยู่บริเวณใกล้เคียงกับหลุมขุดค้นกระดูกไดโนเสาร์ที่ 2 อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 1,500 เมตร ซากหอยที่พบ คือ หอยนางรมสกุลเอ็กโซไจรา (Exogyra) เป็นหอยที่เกิดในน้ำกร่อย จากการศึกษาซากหอยเทียบเคียงกับซากหอยยุคครีเทเชียสตอนต้น (Lower Cretaceous) ของประเทศจีน และซากไดโนเสาร์บริเวณอุทยานแห่งชาติภูเวียง บ่งชี้ว่าซากหอยเหล่านี้ อยู่ระหว่างยุคจูแรสซิกตอนปลายครีเทเชียสตอนต้น (Upper Jurassic Lower Cretaceous) หรืออยู่ช่วงอายุ 120-150 ล้านปี

[แก้ไข] ถ้ำหินลาดหัวเมย

          เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ อยู่ใกล้เคียงกับถ้ำฝ่ามือแดง ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 300 เมตร พบเมื่อปี 2523 พบภาพที่เขียนด้วยสีแดงหรือสีน้ำตาลแดง เป็นชนิดลายเส้นคู่ขนานเรียงแถว บางจังหวะต่อกันเป็นรูปเส้นโค้งคู่ขนานแบบหัวลูกศร

[แก้ไข] น้ำตกวังสักสิ่ว

          เป็นน้ำตกขนาดเล็กอยู่ใกล้กับด่านตรวจโคกสูง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นอ่างธารน้ำใหญ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วังน้ำ มีลักษณะสีเขียวมรกต สวยงาม มีน้ำไหลตลอดปี

[แก้ไข] น้ำตกตาดฮางริน

          เป็นน้ำตกขนาดเล็กอยู่ใกล้กับด่านตรวจโคกสูง มีระบบชลประทานแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ลักษณะเป็นรางไม้ มีเสาค้ำยัน ผูกโยงกับต้นไม้ รองรับน้ำจากธารน้ำตกไหลลงสู่คลอง ในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำไหลลงสู่พื้นนา ซึ่งบริเวณน้ำตกนี้จะร่มรื่น คงสภาพความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ของพืชพันธุ์ไม้ป่าดิบแล้ง

[แก้ไข] หินลาดป่าชาด

          อยู่ด้านทิศเหนือของเทือกเขาภูเวียงใกล้น้ำตกตาดฟ้าเป็นลานหินขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างประมาณ 250 ตารางเมตร ปกคลุมด้วยหญ้าสูง บนลานหินเป็นรอยพิมพ์เท้าไดโนเสาร์ขนาดต่างๆ และร่องรอยการเคลื่อนไหวของสัตว์ดึกดำบรรพ์อีกหลายชนิด เช่น หนอน ริ้วรอยคลื่น

[แก้ไข] น้ำตกซำจำปา

          เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงามอีกแห่งในช่วงฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาวสูงประมาณ 15 เมตร อยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขาภูเวียง เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ เข้าทางบ้านขามป้อม ตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทึ่ ภว.2 (หัวภูชน) ไปน้ำตกประมาณ 3 กิโลเมตร

[แก้ไข] โปร่งยุบ

          อยู่ตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 500 เมตร ก่อนขึ้นหลุมขุดค้นกระดูกไดโนเสาร์ หลุมที่ 2 อยู่ด้านขวามือ เป็นปฏิมากรรมธรรมชาติที่สวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำในช่วงฤดูฝน ส่วนที่เป็นพื้นแข็งก็จะยังคงอยู่ ส่วนที่อ่อนนิ่มก็จะถูกชะล้าง หรือยุบตัวลงไปตามสภาวะการสะสมตัวของดินและหินบริเวณนั้น ซึ่งมองดูสวยงาม ลักษณะคล้ายแพะเมืองผีที่ จังหวัดแพร่

[แก้ไข] เส้นทางศึกษาธรรมชาติ

ภาพ:Phuphu_q1.jpg


          เป็นเส้นทางเดินเท้าที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ ชนิดของป่า สิ่งมีชีวิตในป่า และความหลากหลายทางชีวภาพ มี 2 เส้นทาง

  • เส้นทางที่ 1 จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวถึงหลุมขุดค้นที่ 2 ระหว่างเส้นทางจะพบกับสถานีความรู้ต่างๆ เช่น ป่าเบิกนำ นักบุญแห่งป่านักฆ่าเลือดเย็น พรมแดนป่า เป็นต้น ระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินศึกษาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  • เส้นทางที่ 2 จากลานกางเต็นที่ 1 ไปยังลานกางเต็นท์ที่ 2 ระหว่างเส้นทางจะพบสถานีความรู้หลายสถานีด้วยกัน จะผ่านหุบเขา ลำธาร ป่าไผ่ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และความหลากหลายทางธรรมชาติ ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินศึกษาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

[แก้ไข] เส้นทางจักรยานเสือภูเขา

          เส้นทางด่านโคกสูง - ลานกางเต็นท์ 2 มีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ผ่านหุบเขาน้อยใหญ่ โขดหิน ลำธาร และสามารถแวะชมน้ำตกวังสักสิ่วและน้ำตกตาดฮางริน มีแมกไม้สองข้างทาง ฝูงผีเสื้อที่เกาะตามลำห้วย ต้นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่าน สวนหินที่แลดูสุดตา ได้ทั้งความสนุกสนานและมีบรรยากาศรื่นรมย์

[แก้ไข] ดูนก

          อุทยานแห่งชาติภูเวียงเป็นแหล่งดูนกแห่งหนึ่ง เส้นทางดูนกอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เส้นทางเดินป่า และบริเวณสองข้างทางถนนภายในอุทยานแห่งชาติ

[แก้ไข] ท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์

[แก้ไข] ซากไดโนเสาร์

ภาพ:Phuphu_q5.jpg


          ซากไดโนเสาร์ แหล่งซากไดโนเสาร์ที่สามารเยี่ยมชมได้ มี 4 หลุมขุดค้น ได้แก่

  • หลุมขุดค้นที่ 1 ภูประตูตีหมา แหล่งพบซากไดโนเสาร์ครั้งแรกของประเทศไทย ซากกระดูกที่พบมีขนาดใหญ่ จัดเป็นไดโนเสาร์กินพืชเป็นอาหาร (Sauropod) สกุลและชนิดใหม่ของโลก มีคอยาว หางยาว เดิน 4 ขา ความยาวประมาณ 15 เมตร สูง 3 เมตร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phuwiangosaurus sirindhornae บริเวณซากกองกระดูกพบฟันของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่พวกคาร์โนซอร์จำนวนกว่า 10 ซึ่ สันนิษฐานว่า ไดโนเสาร์กินพืชนี้ถูกไดโนเสาร์กินเนื้อกินเป็นอาหาร ทำให้กระดูกบางส่วนกระจัดกระจายแล้วถูกทับถมโดยตะกอนซึ่งอาจจะมาจากน้ำหลากตามฤดูกาล
  • หลุมขุดค้นที่ 2 ถ้ำเจีย ขุดพบเมื่อปี 2536 เป็นกระดูกไดโนเสาร์กินพืชเรียงต่อกันจำนวน 6 ชิ้น
  • หลุมขุดค้นที่ 3 ห้วยประตูตีหมา ขุดค้นพบเมื่อปึ 2536 เป็นกระดูกของไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ฝังตัวอยู่ในหินทรายหมวดหินเสาขัว เป็นชนิดพันธุ์เดียวกันกับที่ขุดพบในหลุมที่ 1 และ 2
  • หลุมขุดค้นที่ 9 หินลาดยาว ขุดค้นพบเมื่อปึ 2536 เป็นกระดูกของไดโนเสาร์กินเนื้อ มีอายุประมาณยุคครีเทเชียสตอนต้น ลักษณะกระดูกบ่งบอกว่าเป็นบรรพบุรุษของ Tyranosaurus rex หรือ ทีเร็กซ์ มีความยาวประมาณ 6.5 เมตร จัดเป็นไดโนเสาร์สกุลและชนิดใหม่ของโลก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Siamotyrannus isanensis หรือ ไทรันสยาม

[แก้ไข] พระพุทธไสยาสน์

ภาพ:Phuphu_q3.jpg


          ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาภูเวียง บ้านไชยสอ ตำบลไชยสอ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบทวาราวดี ปางไสยาสน์ หันพระเศียรไปทางทิศตะวันตกและหันพระพักตร์ไปทางด้านทิศใต้ สลักอยู่บนหน้าผายาว 3.75 เมตร ความสูงประมาณ 650 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ปัจจุบันพระพุทธรูปยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

[แก้ไข] ถ้ำฝ่ามือแดง

          เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ อยู่ทางด้านทิศใต้ของเทือกเขาภูเวียง ห่างจากหมู่บ้านหินร่อง ตำบลในเมือง อำเภอภูเวียง ประมาณ 4 กิโลเมตร พบภาพฝ่ามือแดงบริเวณหลืบหินทราย ลึกประมาณ 7 เมตร สูง 3 เมตร ยาว 50 เมตร ขนาดเท่ามือผู้ใหญ่ 4 ภาพ ขนาดเล็ก 2 ภาพ โดยวิธีเอามือทาบกับผนังหินและพ่นสีแดงเรื่อๆ หน่วยศิลปากรที่ 7 สำรวจพบเมื่อปี พ.ศ. 2507

[แก้ไข] ถ้ำคนนอน

          เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ อยู่ใกล้น้ำตกทับพญาเสือ บ้านหินร่อง ตำบลในเมืองเก่า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เป็นภาพลายเส้นโค้งหักงอต่อกับลายเส้นกากบาท 2 รูป และเป็นลายเส้นผสมกับลายจุดบนก้อนหินทรายกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 15 เมตร ภาพเขียนอยู่บริเวณหลืบหินด้านทิศใต้เขียนด้วยสีแดงคล้ายน้ำหมาก

[แก้ไข] ร่องน้ำจั่น

          เป็นร่องหินบนภูเขาภูเวียง มีน้ำไหลตลอดปี อยู่ที่บ้านหนองเส่าเล้า ตำบลขัวเรียง อำเภอชุมแพ มีรูปปั้นฤาษีขนาดใหญ่ เป็นจิตรกรรมที่งดงามมาแต่โบราณ สามารถเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ อยู่ห่างจากถนนชุมแพ-ขอนแก่น ประมาณ 13 กิโลเมตร

[แก้ไข] สิ่งอำนวยความสะดวก

  • ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายให้บริการ
  • ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงให้บริการ
  • ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพัก จำนวน 2 หลัง ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
  • สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่พักเต็นท์ได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง
  • ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.

[แก้ไข] ที่ตั้งอุทยานแห่งชาติภูเวียง

ภาพ:Phuphu_q2.jpg


         ตู้ ปณ.1 ต.ในเมือง อ. ภูเวียง จ. ขอนแก่น 40150

         โทรศัพท์ : 04324 9052

 

[แก้ไข] การเดินทาง

ภาพ:Phuphu_q4.jpg

 

[แก้ไข] รถยนต์

         จากจังหวัดขอนแก่น ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ขอนแก่น-ชุมแพ) ผ่านอำเภอบ้านฝาง อำเภอหนองเรือ ถึงทางแยกไปอำเภอภูเวียง ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร จึงแยกตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2038 ไปประมาณ 38 กิโลเมตร จึงถึงอุทยานแห่งชาติภูเวียง

         จากปากช่องภูเวียงซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภว.1 (ปากช่อง) ตั้งอยู่ริมน้ำพอง บริเวณนี้ยังมีศาลเวียงภูเวียงตั้งอยู่เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป และมีรถรับจ้างสามล้อเครื่องจากอำเภอภูเวียงถึงที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภว.1 (ปากช่อง) และเดินทางต่อไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร ตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2038 จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ

[แก้ไข] รถประจำทาง

         หากเดินทางโดยรถประจำทาง จากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นมีรถโดยสารประจำทางไปยังอำเภอภูเวียง จากนั้นจะมีรถรับจ้างสามล้อเครื่องจากอำเภอภูเวียง ไปยังที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูเวียง ( ปากช่อง ) ส่วนพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงตั้งอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติภูเวียงประมาณ 3 กิโลเมตร เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

- กรมทรัพยากรธรณี

- relaxzy.com