พระราชดำรัส"ในหลวง" เตือนสติคนไทย ถ้าไม่สามัคคีกัน...ชาติล้ม 5ธ.ค.50

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
08/12/2007
ที่มา: 
สำนักงาน กปร.
พระราชดำรัส"ในหลวง" เตือนสติคนไทย ถ้าไม่สามัคคีกัน...ชาติล้ม(5ธ.ค.50)

        หมายเหตุ - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลต่างๆ รวม 23,693 คน ที่เข้าเฝ้าทูลละลองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิตดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม
        มีหลานอย่างนี้ เราไม่ต้องพูด พูดมากเหลือเกิน เลิกพูดแล้ว ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวคำอวยพร และขอบใจท่านทั้งหลายที่ได้มา มาเยี่ยม และมาให้พร ทำให้มีกำลังใจ ความจริงการที่ท่านมานี้เป็นการให้กำลังใจ ที่บอกว่าดูแข็งแรง ดูมีพลานามัยที่ดี ความจริงไม่ใช่ความดีของแพทย์ เป็นความดีของเราที่ตั้งใจที่จะให้แข็งแรง เพื่อที่จะต้อนรับท่านได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจที่แข็งแรงที่จะต้อนรับท่าน ก็จะมาต้อนรับท่านไม่ได้ เพราะว่าเดินก็เดินขานำไปข้างหน้าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งไปข้างหลัง ไม่ค่อยยอมสามัคคี ต้องสามัคคี
        และก็ได้พูดเมื่อวานซืนนี้ว่า ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคี เหมือนขาของเรา ที่จะต้องเดินสามัคคีกัน หมายความว่า และก้าวไปข้างหน้า แล้วก็อีกข้างหนึ่งก็ยันข้างหลัง และเมื่อยันข้างหลังเล็กน้อยแล้วก็ก้าวไปข้างหน้าอีกข้าง อันนี้ก็สามารถเดินได้และไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคีก็บอกแล้วว่าประเทศจะประสบความหายนะ ไม่ได้ใช้คำว่าหายนะ แต่คล้ายๆ กันว่า ถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ประเทศชาติล้ม ถ้าล้ม ก็ ผลของการล้มนั้นมีหลายอย่าง ถ้าทางกายก็ร่างกายกระดูกหัก และต้องเข้ารักษา บางทีรักษานานๆ ไม่มีสิ้นสุด
        ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่มก็หมายถึงว่าลงไปจม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวัง ประเทศชาติล่มจม ล่มจมก็หมายความว่า ล่มลงไปในทะเล เพราะว่าเมืองไทยติดทะเล ถ้าล่มไปล่มมาก็ลงทะเล และสมัยนี้เขาก็ขู่กันว่า น้ำทะเลจะขึ้น แล้วก็เพราะว่าอากาศมันร้อน ทำไปทำมาก็ไม่ได้ร้อนจริง มาตั้งแต่ต้นธันวานี้ คนบ่นว่าอากาศเย็น อากาศหนาว ไม่รู้จะเชื่อใครว่าตอนนี้จะหนาวหรือจะร้อน แต่ว่าคำว่าร้อน ร้อนจริงๆ คือ เหงื่อออก ร้อนเดือดร้อน ถึงเดือดร้อนมากกว่า
        ทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่ก็จะเดือดร้อน ภาษาไทยใช้คำว่าเดือดร้อน ร้อนแล้วมันก็เดือด น้ำเดือดมันร้อน อากาศร้อนทำให้เราไม่สบาย ถ้าไม่สบายแล้วอยู่ไม่ค่อยได้ ที่อากาศร้อนก็เพราะว่าอากาศมันเจอความร้อนของพระอาทิตย์ ซึ่งเมืองไทยก็เคราะห์ดีอยู่เหมือนกันว่าอากาศร้อนไม่ได้เย็นเหมือนอเมริกา เดี๋ยวนี้ที่อเมริกากำลังเดือดร้อนเพราะอากาศเย็น อากาศหิมะตก มีขึ้นตามปกติ ไม่น่าจะตกแบบนี้ แต่ว่าอเมริกา อากาศหิมะตกซึ่งตามปกติไม่น่าตกอย่างนี้ แปลว่าอเมริกาเกิดร้อนในความเย็น
        เมืองไทยนี้ก็มีหวังเกิดร้อนในความเย็นเหมือนกัน แต่ว่าพูดว่าเดือดร้อน แล้วก็พูดถึงว่าเมืองไทยบ่นว่าเดือดที่จริงไม่ได้เดือด แต่คนน่ะเดือด ทำให้คนเดือดร้อน แล้วเวลาเดือดร้อนมันไม่สบาย น้ำเดือดยังมีประโยชน์ต้มไข่ได้ แต่ว่าถ้าเดือดเฉยๆ ไม่มีประโยชน์ ทำให้คนเดือดร้อนนี้สิ้นเปลืองเปล่าๆ เมื่อคนทำให้เดือดร้อนที่ว่าสิ้นเปลืองเปล่าๆ แล้วก็บ่นว่าประเทศลุกเป็นไฟ ก็ต้องระวังไม่ให้ลุกเป็นไฟ เพราะว่าจะทำให้ล่มจม ล่มจมที่ต่างประเทศบอกว่าเมืองไทยจะล่มจะจม ความจริงยังไม่ล่มไม่จม ถ้าไม่ระวังก็จะล่มจม ฉะนั้นต้องระมัดระวัง
        ทุกวันนี้ไม่ปรองดองกัน เมื่อไม่ปรองดองกัน ก็มีรู ก็จะล่ม จมลงไป ที่จริงพยายามจะอุดช่องไว้อย่างมาก เช่น น้ำจะท่วมก็ปิดกั้นไม่ให้น้ำท่วม แต่ที่เขาทำ น้ำจะท่วมก็ต้องสูบน้ำออกไปใส่ในทะเล ทะเลมีน้ำมากเกินไปน้ำล้นมาในพื้นแผ่นดิน ประเทศชาติก็ล่มจม ฉะนั้น การป้องกันไม่ให้ล่มจมจะต้องระวังไม่ให้น้ำขึ้นมาเกินไป ซึ่งถ้าน้ำขึ้นมาเกินไปก็ต้องแก้ไข การแก้ไขมีหลายวิธี จะต้องทำเขื่อน แต่ว่าเขาด่ากันว่าถ้าทำเขื่อนเท่ากับประเทศจะจมในน้ำ เพราะว่าตั้งเขื่อนน้ำก็ต้องขังไว้ แต่ว่าการขังน้ำโดยใช้เขื่อนนั้นมันมีหลายวิธี ซึ่งบางทีไม่เข้าใจ ทำเขื่อนแล้วน้ำก็ท่วมบางแห่ง แต่ถ้าทำเขื่อนแล้วไม่ระวัง ไม่บริหารเขื่อนนั้นให้ดี อาจจะทำให้น้ำท่วม อย่างเขื่อนป่าสักฯ ถ้าไม่ได้ทำก็จะเสียเงินเป็นพันล้านทุกปี แล้วก็เสียเงินอย่างนี้แล้วไม่ได้อะไรเลย
        เดี๋ยวนี้ที่ได้ทำป่าสักมา ทุกปีมีผลดีคือ ทำการเกษตร เกษตรกสิกรรมได้ผล แล้วเมื่อได้ผลแล้ว ก็ได้รายได้ ถ้าไม่ได้ผลก็จะต้อง นี่เขา...น้ำท่วมทุ่ง นี่อย่างนี้น้ำท่วมทุ่ง นี่เหมือนพ่อเขา พูดมาก ปู่พูดไม่มาก แต่เวลาพูดเขาก็หาว่าเขาน้ำท่วมทุ่ง น้ำท่วมทุ่งไม่ดี เพราะว่าเวลาท่วมทุ่ง ทุ่งนั้นทำอะไรไม่ได้ พืชผลต่างๆ ก็เน่า แล้วก็ถ้าพืชผลเน่าก็เท่ากับทำให้ทำลายพืชผลนั้น ซึ่งตามปกติพืชผลขึ้นมาสามารถที่จะขายได้ แต่พืชผลที่เน่าขายไม่ได้ พืชผลที่เน่าทำให้เสียหาย
        แต่ที่ปลื้มใจที่ป่าสักนี่น้ำท่วมมีบ้างแต่น้อยมาก หรือว่าแต่ก่อนนี้ทุกปีก็เสียเงินเป็นพันล้าน สำหรับแก้ไขเรื่องน้ำท่วม เสียหายไปพันล้านนั่นไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่าย ถ้ามีรายได้ก็ไม่เป็นไร น้ำท่วมที เวลามีน้ำท่วมขึ้นมา ความจริงก็มีรายได้ เพราะว่า อย่างเช่นข้าว ถ้าไม่มีน้ำก็แห้ง แห้งผากไม่มีผล แต่อย่างไรไม่มีผลอย่างนั้นยังงอกออกมาได้ก็ยังมีข้าว แต่อย่างถ้าข้าวนั้นถูกท่วมและเน่าต้องเสีย ไม่ได้ผล มีแต่ทำเสียไม่มีทางได้
        ฉะนั้น การที่ทำเขื่อนแล้วก็ไม่มีน้ำท่วมก็มีจ่ายเงินสำหรับค่าทำเขื่อนแล้วก็มีเสียหายเล็กน้อยจนถึงเดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็มีรายได้มากกว่ารายจ่าย แต่ว่าถ้าไม่ได้ทำโครงการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมมีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้ ถ้าอย่างนี้เราก็อยู่ไม่ได้ อันนี้พูดเป็นปริศนาว่า ถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่มีรายจ่าย คือว่า ถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเพื่ออยู่ดี มีแต่ต้องจ่าย สำหรับป้องกันน้ำท่วมนั้น ป้องกันแล้วไม่มีกำไรเลย มีแต่เสีย
        ฉะนั้น ก็ที่คนเขาว่า ทำโครงการแล้วก็เสีย เจ๊ง เสียเงิน แต่ว่าไม่เสียผลประโยชน์ ฉะนั้น ก็ต้องคิดดีๆ ว่า ที่ได้ทำโครงการนั้น ก็มีจุดประสงค์ที่จะให้มีรายได้ แต่ถ้าพูดอย่างที่เขาพูด จ่ายเงินเยอะแยะ ที่จริงจ่ายแยะ แต่ว่าไม่ได้เสียเพราะว่ามีรายได้ เวลาพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ท่านก็งง ท่านก็มองว่าจะไปไหน ต้องทำโครงการหรืออะไรก็ตามต้องมีเหตุผล ก็ต้องบริหารงานการให้ดี
        พูดถึงบริหาร ข้างหน้านี้ก็มีรัฐบาล รัฐบาลคือการบริหาร แต่ว่าการบริหารนี้มีทุกอย่าง บริหารโครงการ บริหารกิจการต่างๆ บริหารการเงินทุกอย่าง ก็ต้องบริหารดีๆ ฉะนั้น ถ้าไม่บริหารก็ล่มจม แต่คนที่ไม่เป็นฝ่ายบริหารมีแต่ตำหนิติเตียนว่าไม่ทำ ที่จริงฝ่ายบริหารเขาก็ทำ คนที่ติเตียนนั้นก็เป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตรงข้ามมีแต่ทำลาย
        ฉะนั้น ที่มาเมื่อ 2-3 วันนี้ ถ้ากลุ้มใจที่ฟังวิทยุเขาพูด พูดว่าเมืองไทยนี้ไม่ก้าวหน้าเลย แต่ความจริงก็ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำอะไรเลยป่านนี้ก็ล่มจมแล้ว ถ้าไม่ทำก็ล่มจมเหมือนน้ำท่วม นี่พูดถึงน้ำมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวหาว่าพูดน้ำท่วมทุ่ง แต่ว่าวันนี้ตั้งใจจะต้องพูด ถ้าไม่ทำอะไร ทำแต่พูด ก็จะไม่ดี ก็พูดมามากแล้ว ในทางที่คล้ายๆ ปรามไม่ให้พูด
        อย่างไรก็ตาม วันนี้ท่านเงียบหมด ทุกคนเงียบ ก็หมายความว่าท่านตั้งใจจะไม่พูด เราก็เห็นว่าท่านไม่พูด เราก็จะไม่พูด แต่ก็พูดมากแล้ว ยังไงก็ตาม ก็จะอธิบายว่า ไปเข้าโรงพยาบาลนี้ เข้าๆ ออกๆ หนังสือพิมพ์ก็ลงวันนี้ เข้าแต่งสีชมพู ออกมาแต่งสีฟ้า เขาเหมือนตำหนิติเตียนว่าทำไมเปลี่ยน ก็เข้าๆ ออกๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ถ้าเข้าๆ ออกๆ แต่งเครื่องแบบ มันก็น่าเบื่อ อย่างท่านนายกฯแต่งเครื่องแบบก็เบื่อหน้า เบื่อหน้าแล้ว ถ้าเบื่อหน้าก็ไล่ออกสิ ไล่เขา แต่ท่านนายกฯไม่ได้ยิน เดี๋ยวหาว่านายกฯเดี๋ยวนี้แก่แล้ว เขาว่าแก่ ที่จริงหนุ่ม หนุ่มนิดเดียว คนเราหนุ่มแบบพรุ่งนี้จะอายุ 80 ไม่นึกเลยว่าจะถึงอายุ 80
        ใครจะว่าแก่ก็ไม่ว่า ใครตำหนิว่าแก่ไม่ว่า เพราะแก่จริงๆ แต่คนอายุ 60 ไม่แก่ แต่ว่าท่านนายกฯก็น่าเบื่อ เพราะเจอทีไรก็แต่งเครื่องแบบขาว ความจริงควรจะแต่งสีอื่นบ้าง ของเราวันนี้ ไม่มีสีขาวเลย เป็นสีเหลือง เนคไทมีสีชมพูด้วย หมายความว่าเราก็แก่แล้ว แต่ไม่อยากแต่งตัวให้น่าเบื่อ วันนี้ก็เตรียมเสื้อคล้ายๆ องคมนตรี เสื้อเชิ้ตขาว เสื้อสีน้ำเงินแก่ เราก็แต่งสีเทา ที่จริงแต่งไม่น่าเบื่อ และยังมีเนคไทสีเหลืองให้เก๋หน่อย ยังดีไม่ได้ใส่สีชมพู แต่วันนั้นใส่สีชมพู เขาตื่นเต้น สีชมพูแล้วก็ใส่สีเขียว ใส่สีอะไรก็ได้ สีแดงก็ยังได้
        สีแดงเป็นกาลกิณีของเรา คนเคยว่าเป็นกาลกิณีของเรา ไม่น่าจะใช่ ยังไงตั้งแต่แม่ ท่านเกิดวันอาทิตย์ ท่านก็สีแดง พี่สาวก็เกิดวันอาทิตย์ พี่ชายก็เกิดวันอาทิตย์ ก็หมายความเป็นสีแดง คนที่รับใช้ก็เกิดวันอาทิตย์เป็นสีแดง ยังดีทองแดงไม่ได้เกิดวันอาทิตย์ เขาเกิดวันเสาร์ก็เป็นสีม่วง ทองแดงสีม่วง เราก็ไม่เดือดร้อน สีม่วงก็ดี วันก่อนใส่สีม่วง ก็เลยใส่ได้ทุกอย่าง ไม่เหมือนท่านนายกฯ ใส่เครื่องแบบขาวทุกวัน มันน่าเบื่อก็จริง น่าเบื่อ แต่ว่าท่านเรียบร้อยแล้วก็แต่งขาวทำงานได้ดี ก็เลยถ้าทำงานได้ดีก็ไม่น่าเบื่อ
        ท่านผู้หญิงแต่งสีเหลือง แต่สีเหลืองอ๋อย สีเหลืองความจริงตามเรื่องต้องเป็นสีค่อนข้างเหลืองอ่อนมาก อย่างเมื่อวานนี้ใส่สีเหลืองอ่อน นั่นเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง เพราะเป็นสีเหลืองที่สว่างของพระจันทร์ ก็บรรยายนี่เขาให้มีกระต่ายอยู่ด้วย ก็เลยเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง แต่มาพูดบอกว่าท่านนายกฯแต่งขาวนี่ก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าวันจันทร์ก็เป็นสีขาวก็มี และก็ใครมาบอกว่า ท่านนายกฯน่าเบื่อ ต้องบอกน่าเบื่อไม่ได้ แต่งสีขาวสวยมาก ดีมาก และทำงานอะไรก็คล่องแคล่ว ไม่ใช่ทำงานไม่ดี ทำงานดี สีขาวหมายความว่าหมดจดดี
        แล้วก็ครั้งแรกที่คนเขาตำหนิเมื่อปีที่แล้วไปบอกว่า นายกฯอายุมากก็เปรียบเทียบกับนายกฯเก่า นายกเก่าฯเด็กกว่า แต่ไม่เท่าไรก็แก่ แล้วก็นายกฯกำลังดี 60 กว่าๆ ก็กำลังดี ไม่เหมือนเรา เราแก่เกินไป เราแก่ และก็ประธานองคมนตรียิ้มๆ บอกว่าท่านก็แก่กว่า แต่ถ้าท่านเก่ง ท่านแก่กว่า ท่านก็แข็งแรง ท่านแข็งแรง 80 กว่านี้กำลังดี พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็จะ 80 กว่า กำลังหนุ่ม กำลังแข็งแรง คนอื่นไม่แข็งแรง ยังไม่ 80
        พูดถึง 80 ก็มีอยู่ว่าพี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างจะแก่ และเมื่อวานไปเยี่ยมที่จริงไม่ควร ควรจะมาพักที่สวนจิตรฯนี่ แต่ท่านไม่สบาย ก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจท่าน วันนี้ก็ไป ไม่ได้มีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ว่าต้องไปเยี่ยม ท่านไม่สบาย แต่ว่ามีอยู่ประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมายที่โรงพยาบาล มีประชาชนไปเยี่ยมเต็มลาน ห้องชุมนุมเต็ม ก็เลยทำให้สบายใจว่ามีคนเอาใจใส่คนที่ไม่สบายให้กำลังใจ อันนี้ต้องชมคนไทยว่าคนไทยไม่สบายก็ให้กำลังใจ หรือว่าคนไหนไม่สบายรู้ว่ามีคนเอาใจใส่ก็สบาย
        อย่างที่เข้าโรงพยาบาลไม่รู้ตัวว่าไม่สบาย เขาหาว่าเราจะแย่ก็ดูแล คนเขาว่า ว่าพิการที่สมอง ซึ่งสมองเรา เราก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร ทำไปทำมาบอกว่าเป็นที่ลำไส้ เขาบอกว่าพิการหรือป่วยที่ลำไส้เขาก็หาใหญ่ตามธรรมดาที่ลำไส้เขาจะดูทางขวา ทางซ้าย แต่ว่าทำไปทำมา กลับดูว่าเป็นพิการทางขวา ทางขวาของเรานี่ เขาไปดูทางซ้าย ทางซ้ายไม่มีอะไร เขาก็เคาะใหญ่ เคาะไม่เป็นไร แพทย์ที่ว่าเป็นทางขวา เขาก็บอกว่าประหลาด บอกพิการทางขวา เรานึกว่าพอเราเป็นประหลาด เวลาดูป่วยทางไหนดูว่าป่วยทางขวา ก็แล้วไป แต่ทีหลังทำไปทำมาก็เรียบร้อยดูแล้วไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นแล้ว เขาก็บอกเป็นที่สมอง เป็นที่สมองไม่ใช่ของเรา เป็นที่สมองของหมอ เขาว่าพิการ ที่จริงพิการที่สมองของหมอ เสร็จแล้วไปเข้าเครื่อง เครื่องดังป๊องๆ ๆ ๆ ไม่เป็นไร ไม่มีพิการ ก็เลยบอกไม่ไหว ออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลจะพิการจริงๆ เพราะว่าอยู่โรงพยาบาลนี่แย่ เกือบจะเปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนโรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งนี้ไปอยู่ฝั่งโน่นจะเป็นบ้า
        แล้วก็เลยนึกไปดูว่าทำไมเป็นบ้า เป็นบ้าเพราะน้ำมันจะท่วม น้ำขึ้นไปขึ้นมา และบอกว่าน้ำจะท่วม แต่น้ำไม่ท่วมเพราะมีโครงการที่พระประแดง แต่พูดไปพูดมาเขาเอาเรือของกองทัพเรือเขาสร้างมีเรือใหญ่ เขาบอกว่าให้ไปเรือนี้ก็เอาเรือนั้นมาจอด เรือสวยด้วย ก็เลยร่ำลือกันใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะเสด็จฯ เรายังไม่ไป เพราะว่ามีงานตลอดปี ตลอดทั้งเดือน ก็เลยต้องปฏิเสธ ก็บอกไม่ใช่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ซิจะไป บอกว่าจะไปเยี่ยมโครงการที่พระประแดง บอกยังไม่ไป ไม่เชื่อ แต่ทำไปทำมาก็เชื่อ เพราะเรือไม่เอามาแล้ว ไม่งั้นเอาเรือมาจอด ให้เราไป เราก็เลยบอกว่า เรือเนี่ยใช้น้ำมัน เปลืองน้ำมันเหมือนกัน แต่เราจะใช้ไบโอดีเซล เขาบอกว่าใช้ไม่ได้ ถ้าใช้ไม่ได้ เราไม่ไป แต่เรือที่เป็นเรือแท็กซี่ เขาใช้ไบโอดีเซลได้
        เดี๋ยวนี้กำลังพัฒนาไบโอดีเซล เพราะถ้าใช้ดีเซลแล้วเปลือง ดีเซลจะหมดโลกแล้ว แต่ไบโอดีเซลของแบบฝรั่งใช้เพียง 10% หมายความว่าไบโอเพียง 10% แต่เราไม่ยอม จะใช้ไบโอดีเซล 100% หมายความว่าดีเซลแบบไบโอ แบบพืชใช้ 100% อย่างคราวก่อนนี้ไปนครนายก ก็เลยใช้ไบโอ 100% ไบโอใช้น้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ 100% ไม่ใช่ 10% แบบที่เขาใช้ ขึ้นภูเขาขึ้นชั้น ก็ไปได้ดี รถก็ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แบบของเราก็ขึ้นได้ดี แต่ว่าอาจจะมีน้อยหน่อย ราคาถูกกว่าดีเซล เดี๋ยวนี้ก็ใช้ดีเซลแบบแก๊สโซฮอล์ มาตอนนี้จะใช้ดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์ม 100% จะใช้ได้ ไม่ต้องใช้ดีเซล สั่งมาจากเมืองแขก คือถ้าเราใช้ดีเซลจากเมืองแขก อีกหน่อยหมด เดี๋ยวนี้เขาก็ไม่ใช้ แต่จะเก็บไว้สำหรับมาขายได้ เรา เราต้องเสียแพงๆ เราจะใช้ไบโอดีเซล แบบน้ำมันปาล์มที่เราปลูกเอง เราปลูกเอง อาจจะมีน้อยหน่อย ก็ใช้น้อย อย่าไปฟุ่มเฟือย ใช้มากเกินไป น้ำมันใช้น้อยๆ หน่อย แต่เราจะมีใช้
        ปลูกต้นปาล์ม แล้วมาทำเชื้อเพลิง ต้นปาล์มมาทอดปลา ทอดอะไรต่างๆ ได้ แล้วก็มาใส่ในรถดีเซล ได้ใช้แล้ว ก็ใช้ได้ มันวิ่งช้าหน่อย วิ่งช้า ก็ไม่เป็นไร อย่าเร่งรีบ ชีวิตอย่าให้เร่งรีบมากเกินไป แต่ราคาก็ถูก ถือหลักว่า ใช้ของราคาไม่แพงเกินไป อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับไฮสปีดดีเซล แต่ก็ไปได้ ก็ขอให้คิดว่าทำอะไร ต้องประหยัด คนเขาว่าประหยัด ประหยัดดีกว่าไม่มีเลย ถ้าไม่มีดีเซล เราก็ต้องไปซื้ออยู่ดี เราไปซื้อก็มีสองแห่งที่เขาขายเป็นสำคัญ คือ ของแขกกับของผรั่ง ของฝรั่งก็คืออเมริกัน เขาไม่ค่อยขาย เขาบอกไม่มี แท้จริงเขามีเยอะ แต่ว่าเขาไม่ขาย เพราะว่าเขาจะเก็บมาขายให้เราแพงๆ
        ที่จริงน้ำมัน จะเป็นดีเซล หรือน้ำมันเบนซิน มันราคาไม่ถึงที่เขาขายวันนี้ จนกระทั่งเขาแย่ เขาขายแพงเหลือเกิน ขายไม่ออก ก็ต้องลดราคา ฉะนั้น เราซื้อน้ำมันราคาถูกของเราเอง ถูกกว่าของฝรั่ง ของแขก แล้วอาจจะมีคุณภาพน้อยกว่าดีเซลที่ขุดจากดิน แต่ที่จริงที่ขุดจากดิน ราคาไม่น่าจะแพงอย่างนั้น แต่เราโลภอยากได้น้ำมันที่มีกำลัง ก็เลยยอมเสียเงิน เสียเงินที่ควรจะไปใช้อย่างอื่น
        ฉะนั้น การที่เราเสียรู้ ทั้งฝรั้ง ทั้งแขก เสียเงินเข้า ฝรั่งกับแขกได้เงินเยอะๆ ก็ไปซื้ออาวุธ สำหรับสู้รบกันเอง อิรักเขาก็มีน้ำมันมาก แต่เขาไม่ขาย เพราะขายไม่ได้ ไม่มีโรงที่จะกลั่น ก็ขายให้เรา เราเอามากลั่น แล้วขายให้แขก แต่เขาซื้อในราคาถูก เขาขายราคาแพง อย่างนี้ไม่ค่อยถูกหลักของการค้า การค้าที่รัฐบาลมีผู้เชี่ยวชาญการค้า ต้องขายอะไรให้ได้ราคาแพงให้ได้กำไร แล้วซื้อในราคาถูก แต่เราทำตรงข้าม เราซื้อราคาแพง เราขายราคาถูก อย่างนี้เราแย่ เพราะเราไม่มีทางที่จะขายอะไรในราคาแพง เพราะเขาบอกว่า เขาขาดทุน เวลาไปที่ร้าน ผมขาดทุน เป็นเสียงภาษาแขก เสียงภาษาจีน ภาษาฝรั่ง เขาต้องบอกว่าเขาขาดทุน ถ้าเราขายให้ราคาแพง โหมันแพงเกินไป เขาบอกเขาซื้อไม่ได้ จะซื้อเขาก็ขายไม่ได้ เขาขาดทุน ที่จริงเราคนไทยเราใจดีเกินไป เรายอมขาดทุนด้วย ความจริงถ้าเราขายอะไรไม่ให้ขาดทุน ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุน เรารวย เมืองไทยเรารวย แต่ว่าเราใจดีเกินไป
        ต่างประเทศเขาบอกเขาขาดทุน แล้วก็ลงท้ายเชื่อเขา ไม่ดี เราขาดทุนไม่ได้ ไม่รู้รัฐบาลชุดนี้จะซื้ออะไรขายอะไรให้ขาดทุนหรือเปล่า แต่ก่อนนี้ขาดทุนสูง ฉะนั้น เราต้องพยายามที่จะทำอะไรที่เราไม่ขาดทุน คือทำเอง ต้องทำเอง แล้วที่รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงหมายความว่า เราไม่ทุกข์ว่าเขาจะว่าว่าเราเอากำไรมากเกินไป เราไม่เอากำไรมาก เราไม่ทำให้ขาดทุน เราไม่ทำให้มีกำไรมากเกินไป เพราะเราขายกันเอง ไม่ต้องขายแพง กันเองไม่ต้องซื้อแพง ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่ได้หมายความว่าขาดทุน ขาดทุนก็ขาดทุน แต่ว่าขาดทุนกำไร ของเราเองกันเอง
        พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงมาหลายปีแล้ว ไม่ค่อยเข้าใจ เพิ่งเข้าใจกันเดือน 2 เดือนนี้ ฉะนั้น ก็ขอไปศึกษาต่อเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงคืออะไร ไม่ใช่เพียงพอ เพราะว่าไม่ได้หมายความว่าให้ทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ทำกำไรก็ทำ ถ้าเราทำกำไรได้ดีมันก็ดี แต่ว่าขอให้พอเพียง คือถ้าเอาเอากำไรหน้าเลือดเกินไป มันไม่ใช่พอเพียง
        นักเศรษฐกิจว่า พระเจ้าอยู่หัวคิดอะไรแปลกๆ ก็แปลกซิ ขายไม่ได้กำไร ซื้ออะไรไม่ขาดทุน เป็นเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ต้องหน้าเลือด ไม่ใช่จะมีกำไรมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ให้พอเพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้าเท่านั้นเอง เป็นเรื่องของการพอเหมาะ พอดี แล้วทำพอเหมาะพอดีก็ดี
        พูดไปพูดมา เดี๋ยวก็จะโกรธเอา เราสร้างเรือให้พอเพียง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง นั่นน่ะมันไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ก็ควรจะใหญ่กว่าหน่อย แต่ถ้าใหญ่เกินไปไม่พอเพียง ถ้าเล็กเกินไปไม่พอเพียง ที่เขาทำ เรือที่เขาจะทำ เรือดำน้ำ ดำลงไป เวลาลงไป ไปปักเลนเลยก็โกรธ เดี๋ยวก็โกรธเอา ว่าเรือแล่นๆ ไป ลงไปดำน้ำไม่พอ ใครมาเครื่องบินเห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงเห็น แล่นๆ ไปปักเลน ถ้าอยากไปที่ที่ลึกก็ไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ ไกลไป เรือดูแลใกล้ฝั่งดีกว่า
        ลำที่เราสร้างก็ใช้ได้ดีแล้ว แต่ควรจะสร้างต่อไปให้ใหญ่กว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้คงไม่มีเงินแล้ว ต้องใหญ่กว่าหน่อย เพราะว่าไม่ใหญ่พอจะไม่สามารถปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าพูดกลายเป็นราชการลับ พูดราชการลับว่าเรือที่พูดควรซื้อเรือของรัสเซีย เรือที่เขาสร้างใหม่ใหญ่กว่าที่เราสร้างไม่มาก นั่นจะมีประสิทธิภาพสูง ถ้าซื้อของรัสเซียราคาไม่ถึงครึ่งของเยอรมัน ของอเมริกัน อเมริกันก็โกรธแน่ ว่าไปซื้อของรัสเซีย ลองไปดูเรือของรัสเซียแต่เขาอาจจะไม่ขายก็ได้ แต่ลงท้ายทำไปทำไม เขาอาจจะขายราคาแพง แต่ความจริงก็ควรจะขายเรา ไปขอเขาดู ของรัสเซียดีจริงๆ แต่รู้ไม่ได้เดี๋ยวเขาขายเราลำโปเก โปเกก็ได้
        เนี่ยพูดความลับราชการ แต่เมืองไทยความลับราชการก็เผยเรื่อย เผยความลับราชการ ก็ไม่รู้อ่ะ ถ้าเผยความลับราชการก็อาจจะดีก็ได้ เพราะว่าความลับราชการก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี อย่างไงก็จะทำอะไรก็มาเผยกันหมดก็ได้ ทุกกองทัพ กองทัพเรือ เรือดำน้ำ กองทัพอากาศก็มีเรืออะไรล่ะ สมัยใหม่ แต่เดือนนี้เขาก็เกิดจะมาซื้อลำนิดเดียว แต่ราคาแพงเหมือนลำใหญ่ แต่ตอนนั้นจะซื้อลำใหญ่ ราคานิดเดียวเหมือนลำเล็ก แต่ว่าก่อนนี้ที่จะซื้อ ซื้อเครื่องบินลำใหญ่เหมือนในราคาของลำเล็กก็ชอบกลอยู่นะ ก็รัสเซียเหมือนกัน ทำไปทำมาจะซื้อเรือรัสเซีย เรือบินรัสเซีย เราไม่เห็นด้วย แต่จะซื้อเรือรัสเซียก็น่าใช้
        กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็จะชวนกันซื้อเครื่องบิน อย่าซื้อเครื่องบินรัสเซีย ซื้อเรือรัสเซีย ไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นจะชนกัน เรือของรัสเซีย เรือน้ำรัสเซียเข้าใจว่าดี เรือบินของรัสเซีย เข้าใจว่าใช้ไม่ได้ ลองไปดู เพราะว่านี่นานๆ ทีได้พบกัน ก็ต้องปรารภว่าอะไรควรจะทำ ไม่ควรจะทำ เรือบินก็ดูตกลงกันแล้ว แต่ถึงเวลาได้เรือบินมา อาจจะได้ล้าสมัยแล้ว 2 ปีกว่าจะได้ 2 ปีคงล้าสมัยแล้ว เรือบินไม่ใช้รัสเซีย
        เรือบินของสวีเดนนะก็ดูดี เพราะว่าลำมันไม่ใหญ่ กองทัพบกก็จะไปซื้อรถ รถล้าสมัย ล้าสมัยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนไทยนี่ชอบซื้ออะไรล้าสมัย แต่เอามาเล่นก็ดีเหมือนกัน รถถังก็ล้าสมัย แต่เมืองไทยนี่ใช้รถถังทันสมัย มันใช้ไม่ได้ มันจมเลน จมเลน ถ้าจมเลนปั๊บมันก็หมดสมัย มันลำบากที่จะซื้อ เดี๋ยวนี้จะซื้อรัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว อีกหน่อยคงหมดสมัย อีกไม่กี่เดือนก็หมดสมัย เอาไว้ให้รัฐบาลใหม่เขาซื้อรถถัง รถอะไร แต่อย่างนี้ แนะนำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กลางที่ประชุมนี้ ที่ประชุมนี้ก็ใหญ่กว่าสภานะ มีคนมากกว่า มีคนตั้ง 2 หมื่นคน ตอนท้าย เขาฟังข้างนอก เขางงไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร
        แต่ยังไงก็ตาม ที่พูดอย่างนี้ให้เห็นว่า เราต้องคิดดีๆ ว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ จะซื้อยังไง รู้สึกท่านก็คงงงหมดแล้วว่า ไม่ได้พูดถึงพลเรือนว่าจะซื้ออะไร มีแต่จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ต้องซื้อ ต้องมี เพราะว่าเดี๋ยวนี้น้ำท่วมก็ใช้กองทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ไปช่วยชาวบ้าน พวกพลเรือนไม่มีอาวุธจะไปช่วยพวกที่เดือดร้อน พวกที่ต้องการใช้ เรียกว่าอาวุธ สำหรับช่วยประชาชน ยังไงก็พลเรือนก็ต้องมีอาวุธเหมือนกัน
        แต่ก่อนนี้พูดถึงตำรวจ เป็นกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นแล้ว แต่ว่าต้องใช้อาวุธสำหรับช่วยชาวบ้าน คงต้องเลิกพูด เพราะว่าถ้าพูดมาก เดี๋ยวท่านก็งอนว่า จะมาใช้เงินเยอะแยะ แล้วไหนว่าเรารวยแล้ว เดี๋ยวนี้เรารวย เงินบาทมีราคาสูง สูงเกินไป ก็ใช้สิ เงินบาทสูงเกินไป ก็ใช้ ใช้ในที่ที่ควร ก็ไม่ทราบนะ เราเดี๋ยวนี้ไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะเป็นเหมือนที่หมอเขาว่าว่า สมองเราฝ่อ แต่เรารู้สึกสมองเราไม่ฝ่อ แต่เขาว่าว่าเราฝ่อ
        ฟังว่า รัฐบาลหรือเมืองไทย ประชาชนมีเงินเยอะ มีเงินเกิน ก็ใช้สิ เขาหาว่าเราเศรษฐกิจพอเพียง ทำมาพอเพียง ถ้ามีเงินก็ต้องใช้ ไม่ใช่ขี้เหนียว ถ้ามีเงิน ไม่ต้องขี้เหนียว ซื้อไปเถอะ อะไรก็ตาม เครื่องบิน เรือ รถถัง ซื้อ ถ้ามีเงินเยอะ ก็ถือว่าสนับสนุนให้จ่าย เดี๋ยวนี้เขาบอกว่า ในหนังสือพิมพ์เขียนว่าเขาสนับสนุนให้จ่าย คือถ้ามีก็จ่าย แต่ถ้าไม่มีก็ระงับหน่อย มันเป็นอย่างนี้ คนเราก็พูดเกินไปเสมอ อย่าให้เขาตอนนี้
        ที่ท่านมาให้พร ให้อวยพร ก็นับว่าดีมาก ทำให้มีกำลังใจ แต่ไม่ทราบว่าคิดถูกไม่ถูก เพราะว่าท่านไม่ได้บอกอะไร เรามีเงินเยอะใช่ไหม ดูท่าทางเรามีเงินเยอะก็ถ้ามีเงินเยอะก็จ่าย ใช้เงินให้สมกับที่เรามีเงิน ถ้าไม่มีเงินเราจ่ายจะอันตราย แต่ถ้ามีเงินถ้าไม่จ่ายก็อันตรายเหมือนกัน เพราะว่าคนที่มีเงินแล้วไม่จ่าย หมายความว่าจะเก็บไว้ทำอะไร บางคนมีเงินแล้วไม่จ่ายให้คนอื่นจ่ายก็หมายความว่าคนที่ไม่มีเงินบอกว่าใช้เงินเถิดเพื่อที่จะได้กำไรคนที่มีเงินยิ่งอยากได้กำไร อย่างนี้ไม่ดี ฉะนั้น คนที่มีเงินก็จ่ายแล้ว ก็ช่วยคนที่ไม่มีเงิน
        รู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ถูกต้อง คือ คนที่มีเงินต้องจ่าย คนที่ไม่มีเงินต้องไม่จ่าย แต่คนเขาคิดตรงข้าม คนที่ไม่มีเงินนั้นต้องจ่าย อย่างสมัยนี้คนที่มีเงินให้ใช้เงินมากๆ เพราะว่าถ้าคนไม่มีเงินใช้เงินมากๆ ก็ต้องไปกู้คนมีเงินมากๆ ก็ได้กำไรไม่พอเพียง
        ยังไงขอให้ที่ท่านมานี้ให้ได้ผลไปคิด ให้ไปคิดว่าควรจะทำอะไร แล้วท่านก็มีความคิดดีอยู่แล้ว อย่าไปมีปมด้อยว่าไม่มีความคิด ซื้อเรือ ซื้อเครื่องบิน ซื้อรถถัง ก็ไปซื้อเถิด เรือนะสร้างเอง ให้เขาสร้าง เรืออันไหนที่สร้างไม่ได้ไปสร้างที่อื่น แล้วก็ไปสร้างที่เขาแล่นๆ ไปมันคลอนหมด ไปซื้อเรือแล่นๆ จะไปสู้กับเขาไม่ได้ เพราะมันคลอนหมด สร้างเองดีกว่า นี่เขางงว่าทำไมยุให้สร้างเรือ สร้างเรือเองให้คุณภาพดีไม่ให้กร่อน แต่เครื่องบินอย่าไปสร้างเองมันตก
        ยังไงก็คงพูดมากเกินไป ทองแดงก็เมื่อย พูดอะไรก็เห็นด้วยล่ะนะ ก็ยังไม่ไป ขอบใจที่ท่านมา ขอให้ท่านสามารถที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแรง แล้วเพื่อที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับส่วนร่วม ก็จะเป็นประโยชน์กับท่านเอง ขอขอบใจอีกที
        ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 5 ธันวาคม 2550