ชนเผ่าม้ง - หนุ่มม้งกับกลางคืน

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
16/12/2007
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์ http://www.hilltribe.org


หนุ่มม้งกับกลางคืน

... กาลเวลาแปรเปลี่ยนไปพร้อมกับการหมุนของโลกที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งฤดูกาลเริ่มหมุนเวียน ไปเรื่อยๆ อย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้ฤดูใบไม้ผลิเริ่มแวะเวียนมาอีกครั้ง วันเวลานำพาใบไม้ร่วงโรยไปตามฤดูกาล ..แต่ดูเหมือนบางสิ่งบางอย่างคงเดิมอยู่ตลอดเวลานั่นคือ ขบวนการจีบสาว ของชายม้ง ไม่ว่ากาลเวลาจะแปรเปลี่ยนไปพร้อมกับกระแสของสังคมก็ตามที แต่ขบวนการจีบสาวๆ ยังคงยืนยงคงกระพันอยู่ ไม่มีแนวทางแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้เลย เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ต่างคิดว่า นั่นคือ ค่านิยม หรือ ประเพณี ไปแล้ว

... จึงทำให้ไม่สามารถมีทางแก้ไขตรงจุดนี้ได้ ผู้หลักผู้ใหญ่ม้งที่เป็นผู้ชาย มักจะสอนกลวิธีการจีบสาวให้ลูกหลานที่เป็นผู้ชายเสมอ กลวิธีต่างๆ เหล่านี้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่เยาวชนม้ง ในสมัยก่อนมักจะแต่งงานตอนอายุยังน้อยมาก บางคู่แต่งงานอายุเพียง11-15 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่น้อยมากและยังอยู่ในวัยที่ี่กำลังจะเจริญเติบโตทางด้าน ร่างกายเท่านั้น ส่วนพัฒนาการทางสมองหรือความมั่นคงด้านจิตใจยังไม่เจริญเติบโตบริบูรณ์ เขาเหล่านี้ต้องมาเรียน รู้ภาระหน้าที่ต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่ยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งเยาวชนม้งบางคู่จะถูกบิดามารดา จับแต่งงานกันตั้งแต่เด็ก และต้องมารับภาระหน้าที่ในครอบครัว คือต้้องออกไปทำไร่ ปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ปลูกฝิ่นเท่านั้น ซึ่งมีหลายต่อหลายครอบครัวม้งที่ต้องทนตรากตรำทำงานหนักในไร่เท่านั้น เพื่อที่จะ นำพืชภัณฑ์ธัญญาหารเหล่านี้มาเลี้ยงครอบครัว เป็นสาเหตุของความยากจนมาก แต่มังก็ยังคงทนอยู่ในสภาพ เช่นนี้เรื่อยๆ มา แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตของเยาวชนม้งแทบทุกคน แม้ว่าปัจจุบันนี้กาลเวลา ได้แปรเปลี่ยนไปพร้อมกับสังคมเปลี่ยนแปลง และความเจริญทางเทคโนโลยีได้คืบคลานเข้ามาแล้วก็ตาม

***แต่การจีบกันของเยาวชนม้งยังคงอยู่ในสภาพเดิม โดยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งที่การศึกษาได้เข้าทั่วถึงแล้ว แต่ค่านิยมเหล่านี้ไม่สามารถที่จะแปรเปลี่ยนไปได้ จะสังเกตเห็นว่า ตอนดึกประมาณสองทุ่มถึงตีหนี่งหรือตีสอง บ้านม้งหลังไหนมีสาว จะมีหนุ่มอยู่นอกบ้านหลังนั้น เหมือนทำหน้าที่เป็นยามในบ้านหลังนั้น หากว่าใครที่ไม่เคยรับรู้ข้อมูลมาก่อน แล้วมาเห็นภาพนี้คงจะนึกว่า ม้งค่อยข้างจะมีฐานะ ต้องมียามประจำบ้านด้วย แต่ความจริงแล้วคือ หนุ่มม้งนิยมการจีบสาวแบบเฝ้าบ้านให้

...โดยที่สามารถได้ไปคุยกับสาวม้งที่ตัวเองชอบ แต่ดูเหมือนว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะเห็นพ้องต้องกัน และไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่คนไหน ที่จะนำความรู้ใหม่ๆ หรือแม้แต่นำแนวความคิดที่จะพัฒนาเยาวชนให้มีค่ามากขึ้น ให้เยาวชนได้รับการศึกษามากขึ้น โดยลดปัญหาความยากจนของม้งลง ซึ่งดูเหมือน ว่าสังคมของม้งมีมุมมองที่แคบเกินไป เยาวชนอาจจะมีความสุขในการใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่พวกเขายังไม่ได้เข้าไปเผชิญกับความเจริญของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด เวลา ดังนั้นจึงมีกลุ่มเยาวชนบางกลุ่มที่ด้อยโอกาส และไม่สามารถที่จะก้าวทันกระแสของโลกได้

....ฉะนั้นเยาวชนม้งรุ่นใหม่ควรที่จะก้าวออกจากกะลา เพื่อมาเรียนรู้โลกใบกว้างที่รอการเข้าไปสัมผัสกับมันอย่างแท้จริง เพราะโลกสีเขียวใบนี้ ยังมีสิ่งที่มีค่าแก่การเก็บเกี่ยวรออยู่ เราต้องเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยตัวเอง แล้วเราก็จะได้เก็บสิ่งดีๆไป ส่วนสิ่งที่ไม่ดีก็เก็บเอาไว้เป็นประสบการณ์ชีวิต ชีวิตจึงจะีมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

....แต่อย่างไรก็ตามหากว่าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วสิ่งแวดล้อมรอบข้างจะเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง โดยที่เราไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ ...ฉันใดก็ฉันนั้น...การจีบสาวม้ง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนแปลง แต่หากว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี เราก็ไม่ควรเปลี่ยนแปลงมัน แต่หากว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีขึ้น ทรงคุณค่ามากขึ้น เราฐานะเยาวชนม้งจำเป็นต้องเปลี่ยน เนื่องจากสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป ฐานะทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป วิถีชีวิตความเป็นอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว...เราจึงควรต้องเปลี่ยนแปลงไปตาม กาลเวลา และยอมรับกับสภาพความเป็นจริงในโลกใบนี้