วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
18/12/2007
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์ http://www.hilltribe.org

ชนเผ่าเมี่ยน :การตาย

พิธีงานศพ

ก่อนที่ผู้ชราเมี่ยนจะสิ้นลมบรรดาลูกชายจะต้องชุมนุมกันพร้อมหน้า และผลัดกันยกศีรษะบิดาคนละสามครั้งพร้อมกับกล่าวว่า ไปดีเถอะพ่อ เพื่อให้บิดาได้ตายอย่างสุขสงบ ทันทีที่สิ้นลมลูกชายคนโตจะปิดตาผู้ตายให้สนิท และใส่เหรียญเงินหรือก้อนเงินไว้ ในปากศพ ตามความเชื่อว่าการทำเช่นจะทำนี้ให้ผีมี ปากที่มีค่า และจะพูดแต่วาจาที่ไพเราะซื่อตรง จากนั้นจึงจัดการอาบน้ำศพและแต่งตัวศพให้เรียบร้อย และนำไปไว้บนฟากตั่งหน้าศาลบรรพชนซึ่งให้เท้าชี้ไปทางประตูใหญ่


สิ่งแรกที่ควรทำคือยิงปืน 3 นัดก่อนที่จะสิ้นลม เพื่อเป็นการส่งวิญญาณของผู้ตายและเป็นการแจ้งให้ผู้อื่นทราบ ชาวบ้านจะหยุดทำไร่นา และจะส่งผู้ช่วยมาช่วยจัดงานบ้านละ 1 คน แล้วบรรดาญาติมิตรก็ประชุมกันเพื่อจัดงานศพเตรียมเงินกงเต็ก (เงินผีหรือกระดาษ) ล้มหมู และเตรียมข้าวเตรียมเหล้าไว้ ให้พอเลี้ยงแขกที่มาช่วยงาน คนในบ้านจะส่งผู้ใหญ่ 1 คน เพื่อหาอาจารย์มาประกอบพิธีกรรม เมื่อหาอาจารย์ประกอบพิธีได้แล้ว อาจารย์ผู้ประกอบพิธีกรรมจะเลือกบุรุษ 6 คนเพื่อมอบหมายให้ทำโลงศพ ก่อนออกจากบ้านช่างทำโลงศพเหล่านี้จะบอกคนตายให้ทราบว่าจะไปทำอะไร และขอให้ผีช่วยในการเลือกไม้มาทำโลงด้วย

เมื่อนำโลงที่ทำเสร็จแล้วกลับเข้ามาในหมู่บ้าน ก็จะต้องตะโกนเข้าไปในบ้านผู้ตายว่า มีใครต้องการบ้านไหม คนในบ้านก็จะต้องรีบตอบกลับไปว่ามีคนต้องการบ้านจริง ๆ จะขายเท่าไหร่ แม้ว่าจะไม่มีการจ่ายเงินซื้อ ขายโลงกันจริง ๆ แต่ก็จะต้องแสร้งทำเป็นต่อตามราคากันให้ครบขบวนการ แล้วจึงนำโลงเข้าประตูใหญ่ ผู้ประกอบพิธีจะใช้มีดเคาะโลงหลายครั้ง พร้อมกับพรมน้ำมนต์ ขณะกล่าวไล่ผีร้ายซึ่งแอบซ่อนอยู่ในเนื้อไม้ แล้วจึงจะบรรจุศพและปิดฝาโลง ผู้ประกอบพิธีจะพากย์การกระทำทุกขั้นตอนให้ผู้ตายได้รับรู้ว่าเขากำลังทำอะไรกัน

ก่อนเริ่มบทสำคัญของพิธีกรรม บรรดาผู้ประกอบพิธีและบรรดาญาติ ๆ จะต้องไว้ทุกข์ศพด้วยการสวมผ้าคลุมศีรษะสีขาว พิธีงานศพมี 3 วัน 3 คืนจะเริ่มเตรียมการเมื่อวันรุ่งขึ้นของวันที่ตาย การประกอบพิธีจะดำเนินตามขบวนการเรื่อย ๆ มีตอนหนึ่งที่ผู้ประกอบพิธีต้องวิ่งออกนอกบ้าน และกระโดดขาเดียวกลับเข้ามาในบ้าน โดยมีหุ่นกระดาษหลายตัวผูกติดเท้าข้างที่ยกด้วยเชือกฟาง หุ่นกระดาษเหล่านี้ถือว่าคือขวัญทั้งหลายที่เคยสถิตย์อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ในร่างผู้ตาย เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ผู้ประกอบพิธีจะโยนไม้ทรง 3 ครั้งต่อหุ่นแต่ละตัว เพื่อพิสูจน์ว่าตัวไหนบ้างที่ชั่วร้าย แล้วผู้ประกอบพิธีจะแทงหุ่นตัวร้ายด้วยดาบไม้ แล้วส่งต่อให้ผู้ช่วยผู้ประกอบพิธีเฆี่ยนตามธรรมเนียม แล้วจากนั้นจึงนำไปใส่เรือซึ่งทำด้วยใบตองวางรออยู่ที่ระหว่างหิ้งผีกับ ประตูใหญ่นอก เพื่อให้ผู้ตายรู้ว่าได้แตกแยกจากโลกมนุษย์สู่ปรโลกแล้ว หลังจากนั้นก็ลากเรือออกทางประตูใหญ่ไปปล่อยลงทะเล ซึ่งคำว่าทะเลในความหมาย คือ ป่านอกเขตหมู่บ้านแล้วเผาเสีย (ที่ใช้เรือเชื่อกันว่า วิญญาณร้ายสามารถเดินทางบกกลับมาได้ แต่ไม่สามารถข้ามน้ำมาได้) บทสวดศพที่ผู้ประกอบพิธีร่ายนั้นเต็มไปด้วยข้อความร้องขอให้วิญญาณของผู้ ตายได้เข้าร่วมภพกับบรรพชนทั้งหลาย
ใน ตอนท้ายของพิธึกรรมจึงได้ปลดแถบยาวซึ่งแขวนอยู่เหนือเทวภาพทั้งหลายออก ใช้เป็นสะพานโดยวางพาดกับบันไดปลายข้างหนึ่ง ติดกับโรงศพอีกข้างหนึ่ง ติดกับผ้าสีฟ้าซึ่งดึงทะลุหลังคาไป ผูกกับปลายไม้ไผ่ลำยาวสูงลิ่ว ผู้ประกอบพิธีจะปีนบันไดขึ้นไปส่งวิญาณถึงหลังคาสั่งเสียอำลา และแนะนำขั้นตอนการเข้าอยู่

ในภพใหม่อย่างแจ่มแจ้งในวันที่ 3 คือ วันเผาศพ เมื่อเสร็จพิธีในบ้านแล้ว ก็ได้เวลาที่ผู้ประกอบพิธีจะต้องทดสอบด้วยไม้ทรง ให้แน่ใจแล้วว่าผู้ตายจะเข้าร่วมภพบรรพชนได้หรือยัง หากได้ก็จะให้ยกโลงศพออกจากบ้านทางประตูใหญ่ในขณะที่ยิงปืนขึ้น หลาย ๆ นัดผู้ประกอบพิธี และวงดุริยางค์จะนำขบวนศพไปสู่ป่าช้าที่เผาประจำหมู่บ้าน ญาติผู้ชายจะช่วยกันหามโลงศพตามหลัง ดุริยางค์ แล้วญาติ ๆ ที่เดินตามหลังขบวนจะจุดประทัด พร้อมโยนกระดาษตามทางป่าช้าจะอยู่ท้ายหมู่บ้าน เวลาขบวนศพผ่าน หน้าบ้านจะครึกครื้นมาก ผู้ใหญ่จะคอยบอกเด็กที่อยู่บ้าน หรือริมถนนต้องคอยเรียกขวัญตัวเองให้อยู่กับตัว พร้อมกับนำเส้นฟางข้าวมัดติดตัว เพราะเชื่อว่าผีจะได้รู้ว่าคนละภพกัน และที่เรียกขวัญเพราะกลัวว่าขวัญเด็กจะตามไปด้วย เนื่องจากขวัญเด็กเป็นขวัญที่อ่อน

เมื่อไปถึงแล้วตั้งศพเพื่อที่จะเผาแล้ว ญาติผู้หญิงที่สนิทซึ่งนำพ่อไก่มาด้วยในขบวนก็จะอุ้มไก่เวียนรอบโลงศพ 3 รอบ เชื่อว่าได้ถ่ายทอดขวัญของผู้ตายไว้แล้ว จากนั้นเขาจะนำไก่กลับหมู่บ้านเพื่อทำพิธี และจะปล่อยภายใน 3 วันหลังวันเผา ผู้ประกอบพิธีจะท่องคาถาส่งท้าย พร้อมยืนบนโลงศพขณะที่ผู้ช่วยผู้ประกอบพิธีคนอื่น ๆ ร่ายรำรอบ ๆ โลงศพ แล้วพอท่องคาถาจบผู้ประกอบพิธีจึงลงจากโลงศพ แล้วหันหลังให้ศพพร้อมจุดไฟที่มุมทั้งสี่ของโลงศพพอเพลิงลุกดีแล้ว ทุกคนจึงเดินกลับ โดยห้ามหันหลังกลับไปทางที่เผาศพ เพราะเชื่อว่าเดี๋ยววิญาณคิดว่ายังไม่หมดเยื่อใยแล้วจะคอยตามมารังควาญ และมีผู้ประกอบพิธีจะเดินรั้งท้าย พร้อมอธิษฐานให้ประตูหมู่บ้านปิดกั้นภูตผีมิให้เข้าไปรังควาญ ชาวบ้านในยามราตรี หากวิญาณของคนตายมาเข้าฝันญาติพี่น้อง เชื่อกันว่าเป็นเพราะมีสิ่งบกพร่อง ในการทำพิธีศพ หรือวิญาณนั้นหิวก็ต้องรีบจัดการเซ่นไหว้โดยเร็ว

หลังจากเผาไว้วันนั้น พอวันรุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่ ผู้ประกอบพิธีและญาติผู้ชายจะกลับไปเก็บกระดูก โดยใช้ตระเกียบไม้ไผ่เก็บอัฐิใส่โอ่งเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้แล้วนำไปฝังที่ที่สงบ หรือที่ที่วิญาณคนตายอยากอยู่ โดยเมื่อไปถึงที่ที่สงบแล้ว จะต้องนำไก่ 1 ตัว และไข่ดิบ 1 ฟอง เมื่อผู้ประกอบพิธีท่องคาถาเพื่อจะถามวิญญาณ ขณะนั้นก็โยนไข่ไปด้วย เมื่อไข่แตกที่ไหนก็แปลว่าให้นำกระดูกไปฝังที่นั้น จากนั้นก็ฆ่าไก่ทำพิธีแล้วรับประทานที่นั้นเป็นอันว่าเสร็จพิธี

แต่ถ้าเกิดว่าไข่ที่โยนไม่ยอมแตกก็แปลว่าต้องเปลี่ยนที่ใหม่ เพราะว่าวิญญาณคนตายไม่อยากอยู่ที่นั่น จึงต้องโยนไปเรื่อย ๆ จนกว่าไข่จะแตก ต้องไหว้กระดูก 3 ครั้ง แต่ละครั้งจะห่างกัน 1 ปี วิญญาณของผู้ตายถ้าบริสุทธิ์สามารถอัญเชิญไปสิ่งสถิตย์ที่หิ้งบูชาผีในบ้าน ได ้แต่สำหรับเด็กที่เสีย ตอนอายุตั้งแต่ 12 ปีลงไป คือ เด็กที่ยังไม่ชวด เปี่ยงเลี่ยม (เปี่ยงเลี่ยม คือ เด็กเล็กที่เหมือนดอกไม้แต่ยังไม่บาน) หลังอาบน้ำศพแล้วพ่อแม่จะมีการหมายปานไว้

เพื่อเกิดมาจะมีปานแดงหรือดำตามที่หมายไว้ สามารถลงผีดูไว้ว่าชาติก่อนเป็นลูกของเราหรือไม่ การประกอบพิธีจะใช้อาจารย์ผู้ประกอบพิธีเล็กก็ได้ ในการทำพิธีจะมีการ (เสี่ยงจ่าฟิน) ช่วยส่งวิญญาณให้อยู่ในดอกไม้ ดูแลดอกไม้จนดอกไม้บานวิญาณก็จะได้ไปเกิดใหม่ วิญญาณจะยังไม่เป็นผี จะอยู่สวนดอกไม้เพื่อรอเกิด เชื่อว่าสามารถเกิดกับพ่อแม่เดิมได้ สำหรับศพของเด็กผู้ชายที่ไม่ได้ผ่านการบวชหรือศพของ ผู้ตายเกิดจากสาเหตุผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันในการเลือกที่ฝังมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะฝังมากกว่าเผา