ค้นหา
เมนู
- หน้าหลัก
- หมวดหมู่
- ภัยพิบัติ (65)
- ธรรมชาติ (286)
- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (172)
- สังคม (2814)
- วัฒนธรรม (3270)
- ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรม (19)
- ชาติพันธุ์ (531)
- ประเพณี (780)
- ภูมิปัญญาไทย (1652)
- การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (11)
- การแต่งกาย (25)
- การรักษาโรค (67)
- การละเล่นพื้นบ้านและนาฏศิลป์ (381)
- การศึกษา (2)
- งานช่างฝีมือพื้นบ้าน (385)
- ผ้าทอ (300)
- งานหล่อ (0)
- งานแกะสลัก (11)
- งานปั้น เครื่องปั้นดินเผา และเซรามิก (12)
- ภาพเขียน (1)
- เครื่องถม (0)
- เครื่องจักรสาน (36)
- เครื่องทอง (1)
- เครื่องเงิน (2)
- เครื่องกระดาษ (2)
- เครื่องเขิน (2)
- เครื่องไม้ (7)
- เครื่องรัก (0)
- เครื่องโลหะ (6)
- เครื่องหนัง (0)
- อัญมณีและเครื่องประดับ (0)
- งานช่างฝีมืออื่นๆ (4)
- ที่อยู่อาศัย (99)
- ภาษาและวรรณกรรม (290)
- ศิลปะการป้องกันตัว (8)
- อาชีพและวิธีการหากิน (27)
- อุปกรณ์หากินและของใช้ (154)
- อาหาร (203)
- เครือข่ายทางวัฒนธรรม (204)
- วัฒนธรรมหลวง (17)
- เนื้อหาวัฒนธรรมรอจัดหมวด (0)
- ศิลปะและการบันเทิง (699)
- ศาสนาและจิตวิญญาณ (7090)
- เนื้อหารอจัดหมวด (26)
- ค้นหาชั้นสูง
- บริจาคเนื้อหา
- เกี่ยวกับโครงการ
ล็อกอิน
ข้อมูลเกี่ยวกับหม่อนที่เป็นอาหารของหนอนไหม
ข้อมูลเกี่ยวกับหม่อนที่เป็นอาหารของหนอนไหม
หม่อนมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Morus sp
ชื่อสามัญ คือ mulberry อยู่ในวงศ์ Moraceae หม่อนเป็นพืชอาหารตามธรรมชาติชนิดเดียว ของหนอนไหม และเป็นหัวใจสำคัญของการ ประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปริมาณ ผลผลิตและคุณภาพรังไหมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่ กับคุณภาพใบหม่อน หม่อนเป็นพืชที่มีอายุนาน 80-100 ปี ถ้าไม่ได้รับความกระทบ กระเทือน จากการเก็บเกี่ยวหรือโรค แมลงศัตรู สามารถเจริญได้ดีตั้งแต่เขตอบอุ่นถึง เขตร้อน หม่อนที่เกิดในเขตอากาศหนาว จะหยุดพักตัวไม่เจริญเติบโต นับตั้งแต่ ปลายฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูใบไม้ผลิ
พันธุ์หม่อนที่นิยมในปัจจุบันได้แก่
1.พันธุ์ หม่อนพันธุ์บุรีรัมย์ 51
ประวัติ ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างหม่อนพันธุ์ Luin Jio No.40 (เพศเมีย จากสาธารณรัฐประชาชนจีน) ที่มีคุณสมบัติออกรากยาก กับหม่อนน้อย (เพศผู้) ที่สถานีทดลองหม่อนไหมบุรีรัมย์
์ ลักษณะเด่น
ขยายพันธุ์ง่าย สามารถใช้ท่อนพันธุ์ปลูกในแปลงโดยตรง หรือปักชำก่อนปลูก
- มีความทนทานต่อสภาวะแห้งแล้งได้ดีกว่า หม่อนพันธุ์บุรีรัมย์ 60
- ข้อถี่ ก้านใบสั้น ใบอ่อนนุ่ม คุณภาพดี เหมาะสำหรับเลี้ยงไหม
- ต้านทานโรคใบด่างปานกลาง - ทรงต้นตั้งตรง สะดวกต่อการเขตกรรม
- ให้ผลผลิตสูงปานกลาง ในสภาพท้องถิ่นประมาณ 1,960 ก.ก./ไร่
2.พันธุ์หม่อนพันธุ์บุรีรัมย์ 60
ประวัติ ได้จากการรผสมพันธุ์ระหว่างหม่อนพันธุ์ หมายเลข 44 (เพศเมีย จากสาธารณรัฐประชาชนจีน) กับหม่อนน้อย (เพศผู้) ที่สถานีทดลองหม่อนไหมบุรีรัมย์
ลักษณะเด่น
ขยายพันธุ์ง่าย ด้วยการใช้ท่อนพันธุ์ปลูกในแปลงโดยตรง หรือปักชำก่อนปลูก
- ผลผลิตใบหม่อนต่อไร่สูง เฉลี่ย 4,328 กิโลกรัมต่อไร่ต่อป
ี - เจริญเติบโตได้ดีกว่าหม่อนพื้นเมืองในทุกฤดูกาล
- ก้านใบใหญ่ ยาว และแข็ง เหมาะกับการเลี้ยงไหมแบบกิ่ง
- ใบอ่อนนุ่ม หนาปานกลาง ทำให้เหี่ยวช้า
- ทรงต้นตั้งตรง สะดวกต่อการเขตกรรม
- ต้านทานต่อโรคใบด่าง
ข้อจำกัด
-พักตัวเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสต่อเนื่องกันนานกว่า 7 วัน
- เหมาะสำหรับการปลูกในเขตชลประทาน เนื่องจากใบจะร่วงได้ง่าย เมื่ออยู่ในสภาพขาดน้ำ
3.หม่อนพันธุ์ศรีสะเกษ 33 (ศก.33)
ประวัติ หม่อนสายพันธุ์ ศก.33 เป็นพันธุ์ลูกผสมเปิดของหม่อน Jing Mulberry เริ่มดำเนินการคัดเลือกตั้งแต่ปี 2528
จนได้พันธุ์ที่มีความต้านทานโรคใบด่าง ผลผลิตดี เหมาะสมกับการเลี้ยงไหมช่วยให้เกษตกรมีทางเลือกและเป็นการแก้ปัญหา
เฉพาะหน้าได้
ลักษณะเด่น
-ต้านทานต่อโรคใบด่างดีกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60
-มีผลผลิตใบหม่อนไม่แตกต่างจากพันธุ์บุรีรัมย์
-มีปริมาณโปรตีนใยใบสูงกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60
- ใบหม่อนมีการร่วงช้ากว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ทำให้อายุการเก็บเกี่ยวได้นาน
ที่มาของข้อมูล กรมส่งเสริมการเกษตร
กลับไปยังหน้า รวม link บทความ และสาระความรู้เรื่องผ้าไหม จากเว็บไซต์ซิลด์ไทยแลนด์ดอทคอม