วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
20/12/2007
ที่มา: 
มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์ http://www.hilltribe.org

ชนเผ่าลาหู่ :การแต่งงาน

การจีบสาว หรือการหาคู่
การจีบสาวชาวลาหู่จะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะหนุ่มโสดจะว่างแล้วจะจับเป็นกลุ่มกันไปตระเวณหาสาวหมู่บ้านอื่นๆ วิธีการติดต่อก็คือ ใช้เด็กเป็นสื่อกลาง พอไปถึงหมู่บ้านจะเรียกเด็กๆ มาคุยแล้วบอกให้เด็กว่าไปบอกให้สาวๆ ว่าหนุ่มมาเที่ยวเด็กๆ ก็ดีใจรีบไปส่งข่าวให้กับสาวๆ ส่วนสาวๆ ก็เตรียมอาหารแล้วจะต้อนรับ หนุ่มรับประทานอิ่มแล้ว ดูว่าใครชอบคนไหนจะจับไปคุยกัน แล้วสาวๆ ก็ถามว่าพี่มีเมียแล้วหรือยัง หนุ่มๆ ก็จะตอบว่าถ้าพี่มีเมียแล้วจะมาหาน้องทำไม ไกลแสนไกลนี่เสียเวลา การจีบสาวของลาหู่ง่าย หากใครอ่านแล้วสนใจ ก็ไปหาตามหมู่บ้านลาหู่เองไม่ลองไม่รู้

การแต่งงาน
การเริ่มพิธีการแต่งงานทางฝ่ายชายเป็นฝ่ายไปสู่ขอก่อน แล้วฝ่ายหญิงยินยอม หรือ ยอมรับ เป็นการเสร็จพิธีสู่ขอ ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็นัด วัน คืนที่มาทำพิธีแต่งอีกที แล้วฝ่ายเจ้าบ่าวกลับไปหาสิ่งของที่จะไปตามที่นัดการไว้

ทางฝ่ายเจ้าบ่าวต้องเตรียมข้าว เตรียมของ เช่น ทางเจ้าบ่าวก่อนอื่นหา ไก่ 2 ตัว และค่าหมั้นอีก 30 บาท และต้องมีพ่อสื่อฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นตัวแทน พ่อ แม่ ทางฝ่ายเจ้าบ่าว ต้องรับคำสั่งจากพ่อ แม่ ไปพูดคุย ให้กับฝ่ายเจ้าสาว และฝ่ายเจ้าสาวก็มีพ่อสื่อแม่สื่อเช่นเดียวกัน ที่จะพูดคุยต่อลองกัน ในคืนที่เข้าทำพิธีแต่งงาน

จะมีแก้วน้ำที่จะใส่น้ำ 1 ใบ และมีเชือกที่จะพุข้อมืออีก 2 เส้น มีสิ่งนี้แล้วพ่อหมอก็จะกล่าวคำอวยพรให้ ทั้งสองเสร็จพ่อหมอก็เอาน้ำให้ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาวดื่มน้ำในแก้ว แต่ต้องดื่มไม่ให้ย้อยออกจากปากถ้าดื่มน้ำย้อย ออกจากปากนั้นหมายถึงหนึ่งหยดน้ำจะเชื่อว่าแต่งอยู่ด้วยกันและจะมีลูกด้วย ก็จะไม่เลี้ยงหนึ่งหยดน้ำ นั่นหมายถึงหนึ่งคนเด็กที่จะเสียไป วันรุ่งขึ้น แต่เช้าต้องตักน้ำด้วยกันทั้งเจ้าบ่าว เจ้าหญิงเป็นอันดับแรก การที่ตักน้ำต้องสลับกัน ทางเจ้าบ่าวตักน้ำเข้าบ้านทางฝ่ายหญิงเช่นกัน ทางเจ้าสาวก็ตักน้ำเข้าบ้านทางฝ่ายชาย หลังจากเสร็จการตักน้ำ (ถ้าอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน) แล้ว ต่อไปในวันเดียวกันนั้นต้องตัดฟืน วันนี้ต้อง เป็นวันหยุดทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็พากันไปตักฟืนคนละหนึ่งตะกร้า เช่นเดียวกับการตักน้ำจะไปเข้าบ้าน ถ้าเป็น เจ้าบ่าวก็เข้าไปให้ฝ่ายฝ่ายเจ้าสาว เจ้าสาวก็จะนำเอาไปให้ทางฝ่ายเจ้าบ่าวเหมือนกัน (นี่หมายถึงอยู่ในหมู่บ้านเดียวแต่งงาน)

แต่อยู่คนละหมู่บ้าน คนละที่จะแต่งงานต้องไปที่หมู่บ้านฝ่ายเจ้าสาว ทำพิธีแต่งงานเสร็จวันรุ่งขึ้นแต่เช้าก็ตื่นมาไปตักน้ำเข้า ฝ่ายเจ้าสาว จะไม่เหมือนแต่งในหมู่บ้านเดียวกัน ฟืนก็เช่นเดียวกัน ตักน้ำเอาไปเข้าบ้านเจ้าสาว หลังจากทำพิธีแต่งงานแล้วยังไม่เสร็จ ยังมีการกินเลี้ยงอีก ชาวลาหู่เรียกว่า แคะจ่ะเว ครอบครัวที่ฐานะดีมีเงินก็แต่งคืนนี้ กินเลี้ยงวันรุ้งขึ้นก็ได้ แต่ครอบครัวที่ฐานะไม่ค่อยดีฐานะไม่ดีก็แต่งอยู่กันไป และก่อนที่จะแต่ง พ่อ แม่ทางเจ้าบ่าวว่าช่วงนี้ยังไม่มีเงินพอที่จะจัดงานเลี้ยงก็แล้วแต่ตกลงกับ พ่อ แม่ทางเจ้าสาวเอง ให้สองคนนี้แต่งงานอยู่ด้วยกันไปก่อนแล้วค่อยกินเลี้ยง (แคะจ่ะเว) เมื่อไรที่จะกินเลี้ยง และจะฆ่าหมู เนื้อหมูตรงคอจะต้องให้กับคนที่เป็นพ่อสื่อ แม่สื่อ พ่อสื่อ แม่สื่อนี้ ถ้าไม่ให้เนื้อหมูที่คอก็วันหลังจะเกิดปัญหา จะไม่ช่วยให้ ก็เลยยกคอหมูต้องแบ่งให้เท่า ๆ กัน กับพ่อสื่อ แม่สื่อ ทั้งสองฝ่ายไปเป็นประเพณีสืบทอดกันมายาวนาน

การหย่าร้าง
การหย่าเป็นเรื่องที่ธรรมดาของลาหู่ เช่นหากพ่อแม่ผู้หญิงรู้สึกว่าลูกเขยพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะบังคับให้ลูกสาวเลิกแต่งงาน ให้ลูกสาวไปอยู่ที่อื่น กรณีอย่างนี้ถ้ามีสิ่งของมากเท่าไรก็จะต้องให้ทางฝ่ายผู้ชาย ส่วนผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เพราะทางฝ่ายผู้หญิงเลิกเอง ถ้ากรณีนี้มีลูกแล้ว สามีกับภรรยาทั้งสองฝ่ายยินยอมจะหย่ากันแล้วสิ่งของก็จะต้องแบ่งเป็นสามส่วนเท่า ๆ กัน หนึ่งเพื่อลูก สองสามสามี และภรรยา จากนี้ต่างคนต่างไปแล้ว ส่วนลูกนี้ใครจะดูแลก็ได้สามี หรือภรรรยา