วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
25/07/2008
ที่มา: 
พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร http://www.thaitextilemuseum.com

ลวดลายงูหรือนาคในผ้าไทโบราณ

ภาพที่ 1 ภาพสักการะงู ที่ถ้ำเขาเขียน ตำบลเขาปันหยี จังหวัดพังงา

จากคติความเชื่อเรื่องการนับถืองูหรือนาคมีอิทธิพลให้บรรพชนเผ่าไทคิดประดิษฐ์ ลวดลายงูลงบนงานศิลปะ อาทิ บนภาชนะดินเผาสมัยหินใหม่พบที่ถ้ำเขาสามเหลี่ยม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นลายเชือกทาบ มีลวดลายงูเลื้อยเป็นรูปคลื่น(ภาพที่ 2) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธาตุน้ำต่อมาในสมัยโลหะราว 2,300 – 1,800 ปี พบลวดลายงูเลื้อยบนภาชนะดินเผาลายเขียนสี ที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี (ภาพที่ 3) บรรพชนเผ่าไทคงจะได้นำลวดลายงูหรือนาคมาทอลงผืนผ้าเพื่อใช้ในพิธีกรรมาแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังปรากฏการทอลวดลายงูหรือนาคบนผืนผ้าไททุกเผ่า อาทิ บนผ้ามัดหมี่ไทอีสาน ลายนาคเลื้อย(ภาพที่ 4) ส่วนลวดลายงูบนตัวเอส พบบนภาชนะดินเผาลายเขียนสีที่บ้านเชียง(ภาพที่5) อายุราว 3,600 ปี บรรพชนเผ่าไทได้นำลายงูแบบตัวเอสมาทอลงผืนผ้าดังพบบนผืนผ้ามัดหมี่คั่นไท อีสานลายนาค (ภาพที่6) แต่ลวดลายที่พบในผืนผ้าไทแทบทุกเผ่าคือ ลายนาค (ภาพที่ 7 )ที่มีลักษณะเกี่ยวกันเป็นรูปตัวดับเบิ้ลยู ในมัดหมี่ไทอีสานพัฒนาเป็นลวดลายนาคชูสน(ภาพที่ 8) และลายนาคชูบายศรี (ภาพที่ 9) เป็นต้น ความเชื่อเรื่องการนับถือพญานาคของบรรพชนเผ่าไท ได้สะท้อนให้เห็นพิธีกรรมต่าง ๆ อาทิ ในเดือน 12 หรือฮีตสิบสองของชาวไทลาวและชาวไทอีสาน จะมีพิธีบูชาพญาอุสุภนาค 15 ตระกูลเป็นต้น

ภาพที่ 2 ลายงูเลื้อยบนภาชนะดินเผาลายเชือกทาบสมัยหินใหม่ที่ถ้ำเขาสามเหลี่ยม จังหวัดกาญจนบุรี

นิทานพระ พุทธสิหิงค์ซึ่งพระโพธิรังสีพระเถระชาวเชียงใหม่แต่งไว้เป็นภาษาบาลีราวพ.ศ. 1945-85 ในรัชกาลพระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งอาณาจักรล้านนาไทย กล่าวถึง ความสำคัญของพญานาคผู้เนรมิตตนเป็นรูปพระพุทธองค์เพื่อเป็นรูปแบบในการหล่อ พระพุทธสิหิงค์ดังนี้คือ

จากปีปรินิพพานล่วงมาได้ 700 ปีในเกาะสีหลมีพระราชาเสวยราชย์อยู่ 3 องค์และมีพระอรหันต์บำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง 20 องค์ แต่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระพุทธองค์พญานาคตนหนึ่งจึงเนรมิตรูปพระพุทธองค์อันงด งามด้วยลักษณะมหาบุรษให้ปรากฏ ที่ประชุมต่างมีใจเลื่อมใสแซ่ซ้องสาธุการกราบไหว้โยนผ้าบุชาด้วยแก้วแหวน เงิน ทองครั้นครบ 7 วันรูปพระพุทธองค์ก็หายไปพญานาคกำชับให้จดจำพุทธลักษณะไว้ก่อนกลับไปสู่ เมืองนาค พระราชาทั้ง 3 พระองค์จึงโปรดให้ช่างหล่อฝีมือเยี่ยมหล่อพระพุทธรูปขึ้นจากพุทธลักษณะที่จด จำกันมา พระพุทธรูปมีลักษณะท่าทางสง่าดังราชสีห์จึงเรียกชื่อว่าพระพุทธสิหิงค์ ฉะนั้นพญานาคในสิหิงค์นิกาย จึงมีความสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดพระพุทธสิหิงค์

ในสมัยสุโขทัยในคัมภีร์ไตรภูมิกถา พระราชนิพนธ์พระมหาธรรมราชาที่ 1 พญาลิไทย พ.ศ. 1888 กล่าวถึงนาคว่ามี 2 ชนิด ชนิดหนึ่งชื่อถลชะ เนรมิตได้แต่บนบกและอีกชนิดหนึ่งชื่อชลชะ เนรมิตตนได้แต่ในน้ำ(กรมศิลปากร 2526) นาคจะมีความสามารถในการเนรมิตให้เป็นเทวดานางฟ้าอย่างไรก็ได้ ดังปรากฏในตำนานพระพุทธสิหิงค์ที่สามาราถเนรมิตเป็นพระพุทธเจ้าได้ในไตรภูมิ โลกวินิจฉยกถา กล่าวถึงพญานาคแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามวิธีให้พิษ คือ ประเภทแรก ทิฏฐวิสะ มองดู ด้วยตาก็อาจให้พิษแก่ศัตรูได้แก่พญาวิรูปักนาคราช และพญาวาสุกรีนาคราช ประเภที่สอง ผุฏฐวิสะ ถูกต้อด้วยกายก็ให้พิษแก่ศัตรู ได้แก่ พญาเอราปถนานาคราชและพญาอักบกนาคราช ประเภทที่สาม วาตวิสะ พ่นด้วยลมจมูก ก็อาจจะให้พิษแก่ศัตรูได้แก่ พญาฉัพยา ปุตตนาคราช และประเภทที่สี่ ทัฏฐวิสะ มีพิษด้วยเขี้ยวใช้ขบกัดศัตรู ได้แก่ พญากัณหาโคตมนาคราช ซึ่งมีงูเห่าดำเป็นบริวาร (กรมศิลปากร 2520 )ความสามารถของนาคในการเนรมิตแปลงกายและมีพิษมาก จึงมีอิทธิพลให้นิทานและวรรณคดีของไทยมีเรื่องพญานาคเกี่ยวข้องเสมอ รวมทั้งมีอิทธิพลต่อลวดลายบนผืนผ้าไทดังเช่นลายพญานาค บนผ้ามัดหมี่สุรินทร์ (ภาพที่ 13 ) ในสมัยอยุธยา ในริ้วกระบวยแห่พยุหยาตราทางชลมารคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จะมีเรือรูปสัตว์หิมพานต์ร่วมกระบวนด้วย รวมทั้งเรือนาคชื่อนาคอุดรราชและนาคนายก จะมีหัวเรือเป็นรูปพญานาคมีหลายเศียร(กรมศิลปากร,2530) แสดงให้เห็นความสำคัญของพญานาค ในงานศิลปะรวมทั้งสมัยอยุธยายังปรากฏหลักฐานลวดลายนาคและครุฑยุคนาคบนผืนผ้า ไทบนผ้าลายอย่างที่ยังคงเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ(ภาพที่14) รวมทั้งลวดลายสัตว์หิมพานต์และลายพรรณพฤกษาอย่างอื่นอีกเป็นจำนวนมาก

 


ภาพที่ 3 ลายงูเลื้อยบนภาชนะดินเผาเขียนสี สมัยโลหะที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี

ต้นฉบับ : http://www.thaitextilemuseum.com/HOME/NaNatextile2008/snake%20in%20tai%2...

<- ย้อนกลับไปยังหน้ารวม link ลายผ้า, ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร