ชาติพันธุ์ล้านนา - ลื้อน้ำอู

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
03/10/2008
ที่มา: 
เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ "ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน"

ลื้อน้ำอู

  

ลื้อน้ำอู หรือ ไทน้ำอู ซึ่ง ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง เรียกว่า “ ชาวอู ” เดิมตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณพื้นที่ราบบนฝั่งแม่น้ำอู ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเมืองหลวงพระบางใกล้เคียงกับหมู่บ้านชาวลาว หรือไทหลวงพระบาง ปัจจุบันก็ยังมีกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่อพยพเข้ามาอยู่ในเขตไทยก็มีแต่เป็นจำนวนน้อย เวลานี้มีอยู่บ้านท่าข้าม ตำบลม่วงยาย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ลื้อน้ำอูพูดสำเนียงผิดเพี้ยนจากภาษาไทยกลางเป็นบางคำ แต่อาจเข้าใจกันได้ ลื้อน้ำอูพูดเสียงยาวคล้ายคนยานคางพูด มีคำว่า “ หว่า ” ท้ายประโยคเสมอ

เครื่องแต่งกายผู้ชาย อย่างเดียวกันกับลื้อแจ้ง ผู้หญิงสวมเสื้อปักย้อมสีน้ำเงินเข้ม ตามคอเสื้อทำด้วยสีเหลืองและแดง ที่เอวทำด้วยด้ายสีเดียวกัน ส่วนซิ่นที่ชายพกทำด้วยผ้าสีขาวเท่าฝ่ามือ ผ้าซิ่นทำเป็นลวดลายเล็ก ๆ สีต่าง ๆ สลับกันแต่ละเอียดกว่าลื้อแจ้ง ผ้าซิ่นตอนอื่นเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบจะกลายเป็นสีดำ ถ้าเป็นหญิงสาวจะพึงสังเกตได้ที่ผ้าพันศีรษะสีชมพู ถ้าสีอื่นก็แสดงว่าเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว

แบบบ้านคล้ายคลึงกับบ้าน ตามชนบทภาคเหนือทั่วไปต่างไปบ้างก็แต่ยกพื้นสูง ฝาผนังเตี้ย มีชานอยู่นอกชายคาระเบียงใน ห้องโถง เตาไฟอยู่บนบ้านและอยู่ในห้องนอน บ้านบางหลังใหญ่โตพอที่จะบรรจุสมาชิกครอบครัวที่เป็นบุตรหลานของตนหลายสิบคน อาชีพมีการทำนา ทำไร เลี้ยงสัตว์จำพวก ไก่ หมู วัว บางบ้านเลี้ยงเป็ด หาปลา ล่าสัตว์ ความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมคล้ายคลึงกับลื้อแจ้ง มีผีประจำหมู่บ้านผีป่า และมีพิธีเซ่นผีทุกปี

ผู้หญิงตามปกติอยู่กับบ้านเปลือยอก
เปลือยกายอาบน้ำในลำธาร เอาผ้านุ่งไปปกไว้บนศีรษะ นั่งอาบน้ำในลำธารที่น้ำไม่ลึก การเที่ยวสาวลื้อในเขตน้ำอูเหนือหลวงพระบางบางหมู่บ้านทำร้านยกพื้นขึ้นสูง กว่าพื้นดินราว 1 ศอก ขนาด 6 คน นั่งได้ มีเตาไฟตรงกลาง หญิงสาว 3-4 คนต่อ 1 ร้าน บางหมู่บ้านไม่ทำร้านหรือเวทีเกี้ยวสาวนี้ไว้ เพียงก่อเตาไฟกลางลานบ้าน พอพลบค่ำหลังจากรับประทานอาหาร อมเมี่ยง สูบบุหรี่แล้ว หญิงสาวไปนั่งปั่นฝ้ายรอชายหนุ่มอยู่ ชายหนุ่มไปนั่งข้าง ๆ พูดจาเกี้ยวพาราสีด้วย

ลื้อแถบน้ำอูบางเหล่ามีขนมธรรมเนียมในการเที่ยวสาวแปลก ๆ เช่น ถ้าชายหนุ่มผู้ใดขึ้นไปบนร้านเกี้ยวสาวนั้นแล้วไม่ไปกอดหญิงสาวให้ทั่วถึง กันทุกคน ถือว่าผิดขนบธรรมเนียม หญิงสาวผู้ที่ไม่ถูกชายกอดจะวิ่งร้องไห้ไปแจ้งแก่บิดามารดาของตน ต้องทำพิธีเรียกขวัญเป็นการใหญ่ ต้องปรับไหมชายผู้ไม่กอดหญิงสาวนั้นเป็นเงิน 2-3 หมัน ( เงินเหรียญอินโดจีน ) หนุ่มสาวไม่สนทนาเกี้ยวกันบนเรือน ถ้าชอบพอรักใคร่กันหญิงเต็มใจด้วย ชายหนุ่มขึ้นไปถึงห้องนอนได้เพราะเขาแบ่งห้องกันนอนต่างหาก เมื่อเข้าไปถึงตัวหญิงสาวคนรักแล้วจะสนทนากอดสัมผัสกัน หรือได้เสียกันอย่างไรก็แล้ว แต่หญิงสาวยินยอม ขนบธรรมเนียมทำนองนี้ยังมีอยู่ในอินโดจีน แต่สำหรับลื้อน้ำอูที่เข้าอยู่เขตไทยได้ละทิ้งประเพณีการเที่ยวสาวทำนองนี้ เสียสิ้น แต่บางหมู่บ้านก็ยังมีร้านหรือเวทีกอดสาวนี้อยู่ ถ้าหญิงต้องการชายหนุ่มเป็นคู่ครองจะบอกให้บิดามารดาตนทราบว่าชายคนนั้นได้ เสียกับตน บิดาฝ่ายหญิงบอกให้บิดาฝ่ายชายว่า ลูกของเจ้าได้มาผิดลูกสาวข้า รักกันก็เอากันเสีย

วันแต่งงานต้องแจ้งให้ ชาวบ้านทราบ มีการฆ่าหมูมัดมือคู่บ่าวสาว และขับเพลงโต้ตอบกันคล้ายลำตัด อวยพรคู่บ่าวสาว ขับเพลงเกี้ยวพาราสีกันระหว่างหนุ่มสาว พิธีแต่งงานทำที่บ้านเจ้าสาวเพียงวันเดียวก็เสร็จพิธี งานพิธีอื่น ๆ เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ ปีใหม่ ก็คล้าย ๆ ชาวลื้อแจ้ง และชาวไทยในภาคเหนือ

ผู้หญิงลื้อน้ำอู มีผิวขาวเปล่งปลั่ง ถ้าเป็นหญิงสาว สวมเสื้ออยู่กับบ้านตลอดเวลา ถ้าเป็นแม่เรือนถึงจะมีอายุน้อยอยู่กับบ้านก็เปิดอกให้เห็นถัน ขนบธรรมเนียมเดิมบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง