ค้นหา
เมนู
- หน้าหลัก
- หมวดหมู่
- ภัยพิบัติ (65)
- ธรรมชาติ (286)
- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (172)
- สังคม (2814)
- วัฒนธรรม (3270)
- ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรม (19)
- ชาติพันธุ์ (531)
- ประเพณี (780)
- ภูมิปัญญาไทย (1652)
- เครือข่ายทางวัฒนธรรม (204)
- วัฒนธรรมหลวง (17)
- เนื้อหาวัฒนธรรมรอจัดหมวด (0)
- ศิลปะและการบันเทิง (699)
- ศาสนาและจิตวิญญาณ (7090)
- เนื้อหารอจัดหมวด (26)
- ค้นหาชั้นสูง
- บริจาคเนื้อหา
- เกี่ยวกับโครงการ
ล็อกอิน
นาฏดุริยการล้านนา - กลองหลวง (2) การทำกลองหลวง
บทความ นาฏดุริยการล้านนา วันอังคารที่ 7 มิถุนายน 2548 กลองหลวง (2) - การทำกลองหลวง
การทำกลองหลวง
1. วัสดุในการทำกลองหลวง
1.1 ไม้สำหรับทำกลองหลวง
เดิมนิยมทำจากไม้มะค่า แต่เนื่องจากกลองที่ทำจากไม้มะค่า เสียงจะทุ้มต่ำ ไม่แข็งและไม่ดังกังวานเท่าที่ควร ต่อมาจึงหันมาใช้ไม้ประดู่ โดยเฉพาะไม้ประดู่เหลืองเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะให้เสียงที่แข็งและดังกังวาน แต่ขนาดของไม้ที่เหมาะสมหาได้ยาก และราคาแพง ไม้ประดู่ที่มีคุณสมบัติรองลงมา คือประดู่แดง และท้ายสุดคือ ประดู่ดำ อย่างไรก็ตาม ไม้ที่ใช้ทำกลองหลวงต้องเป็นไม้ลำตรง และมีขนาดใหญ่พอสมควร
ท่อนไม้สำหรับทำกลองหลวง โดยทั่วไปมีความเชื่อว่าต้นไม้ขนาดใหญ่มักจะมีนางไม้หรือเทวดารักษาอยู่ การตัดไม้จึงต้องบอกกล่าวเพื่อขออนุญาตและขอความคุ้มครอง รวมถึงขอพรให้กลองที่จะสร้างให้มีเสียงดีฟังไพเราะ ส่วนผู้ที่ประกอบพิธีกรรมมักเป็นผู้ที่เคยบวชเรียนมาแล้ว โดยใช้เครื่องพิธีกรรม เช่น กรวยดอกไม้ ธูปเทียน อาหาร ขนม ผลไม้ ไก่ต้ม และหัวหมู เป็นต้น เมื่อทำการตัดแล้วจึงชักลากไปไว้ที่วัดเพื่อทำการสร้างต่อไป
1.2 หนังหุ้มกลอง หนังที่ใช้ทำหน้ากลองใช้หนังวัวทั้งตัวเมียและตัวผู้ แต่ปัจจุบันนิยมใช้หนังตัวผู้เพราะผืนใหญ่กว่า และควรเป็นวัวที่มีอายุปานกลาง ไม่หนุ่มหรือแก่เกินไป โดยใช้หนังด้านที่วัวไม่ได้นอนเอนทับ คือตามธรรมชาติวัวจะนอนเอนทับด้านข้างลำตัวที่เป็นกระเพาะหญ้าเรียกว่า “เพี้ยมหย้า” (อ่าน – เปี๊ยมหญ้า) ซึ่งเป็นหนังที่แข็งกระด้างไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ทำหน้ากลอง ส่วนลำตัวที่เป็นกระเพาะน้ำหรือ “เพี้ยมน้ำ” จะไม่ถูกทับ ทำให้มีขนอ่อนนุ่ม และจะให้เสียงดัง ดังนั้นหนังด้านกระเพาะน้ำจึงนิยมนำมาใช้ทำหน้ากลอง
หนังวัวสดที่ถูกคัดเลือกสำหรับหุ้มหน้ากลองหลวง
คลี่แผ่นหนังสดแผ่ออก แล้วขึงไว้ตากแดดให้แห้ง
2. สูตรในการสร้างกลองหลวง
การสร้างกลองหลวงมีสูตรคร่าว ๆ เป็นหลักไว้ ส่วนการลดหรือเพิ่มขนาดอย่างไรสุดแท้แต่ช่างจะเห็นสมควร สูตรดังกล่าวเอาขนาดความกว้างของหน้ากลองเป็นหลักในการวัด ดังนี้
2.1 ไหกลองมีความยาวเท่ากับ 2 เท่าของหน้ากลอง
2.2 ความยาวจากก้นไหถึงเอวเท่ากับ 1/2 เท่าของหน้ากลอง
2.3 ความยาวจากเอวถึงท้ายเท่ากับ 2 เท่าของหน้ากลอง
2.4 ความยาวจากท้ายถึงรูเอวที่เรียก “ขุกก้น” เท่ากับ 1 เท่าของหน้ากลอง
สัดส่วนและขนาดของกลองหลวงนี้ ช่างจะกะหรือประมาณไว้ก่อน จากนั้นจะเริ่มสร้างโดยมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ซับซ้อนยิ่ง ดังจะได้นำรายละเอียดมาเสนอกันต่อไป
สนั่น ธรรมธิ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(ภาพประกอบโดยเสาวณีย์ คำวงค์ และสุรพันธ์ ไชยชะนะ)
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ต้นฉบับ : http://art-culture.chiangmai.ac.th/academic/natha/2548/06/07/