ค้นหา
เมนู
- หน้าหลัก
- หมวดหมู่
- ภัยพิบัติ (65)
- ธรรมชาติ (286)
- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (172)
- สังคม (2814)
- วัฒนธรรม (3270)
- ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรม (19)
- ชาติพันธุ์ (531)
- ประเพณี (780)
- ภูมิปัญญาไทย (1652)
- เครือข่ายทางวัฒนธรรม (204)
- วัฒนธรรมหลวง (17)
- เนื้อหาวัฒนธรรมรอจัดหมวด (0)
- ศิลปะและการบันเทิง (699)
- ศาสนาและจิตวิญญาณ (7090)
- เนื้อหารอจัดหมวด (26)
- ค้นหาชั้นสูง
- บริจาคเนื้อหา
- เกี่ยวกับโครงการ
ล็อกอิน
นาฏดุริยการล้านนา - กลองหลวง (3) ขั้นตอนการทำกลองหลวง
บทความ นาฏดุริยการล้านนา วันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2548 - กลองหลวง (3) ขั้นตอนการทำกลองหลวง
การทำกลองหลวง เป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนพอสมควร เพราะเป็นกลองที่มีขนาดใหญ่มาก จึงต้องมีการเตรียมการค่อนข้างมาก กล่าวคือต้องสร้างค้างหรือแท่นกลึงขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ค้างเฅี่ยน” (อ่าน – ก๊างเคี่ยน) สร้างค้างสำหรับขุดเจาะ และทั้งการกลึงหรือขุดเจาะก็ต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญนายช่างที่จะทำกลองจะต้องมีความชำนาญมากถึงจะได้กลองที่มีคุณภาพ สมบูรณ์
3. ขั้นตอนการทำกลองหลวง
3.1 กลึงกลอง เมื่อช่างหรือ “สล่ากลอง” กำหนดขนาดไม้ได้ที่แล้วก็จะทำการตัดตามขนาด แล้วถากขึ้นรูปหยาบ ๆ พอเป็นรูปร่าง จากนั้นนำขึ้นแท่นกลึง เพื่อกลึงเป็นรูปกลองต่อไป
3.2 ขุดเจาะกลองหลังจากกลึงเป็นรูปร่างเสร็จแล้ว จะเริ่มขุดเจาะโดยขุดส่วนที่เป็นส่วนของไหที่เรียกว่า "ในโล่งไห" ซึ่งมีลักษณะต่างๆ กัน ดังนี้
- ไหแบบก้นบาตร มีลักษณะคล้ายก้นบาตรพระ ไหกลองลักษณะนี้เป็นที่นิยมกันในสมัยก่อน เพราะทำให้เสียงทุ้มกังวาน
- ไหแบบไหนั่ง มีลักษณะคล้ายก้นบาตร แต่ก้นไหแบนราบ
- ไหแบบก้นน้ำถุ้ง ลักษณะ ก้นไหสอบลงคล้ายก้นน้ำถุ้งคือ ภาชนะที่ทำจากไม้ไผ่สานพอกด้วยชัน ให้ตักน้ำขึ้นจากบ่อเป็นทรงกลมด้านบน แล้วเป็นกรวยแหลมด้านล่าง
- ไหแบบรังนก มีลักษณะคล้ายแบบก้นบาตร เพียงแต่ส่วนก้นสุด ขุดเจาะเป็นหลุมเล็กเพื่อต้องการให้มีเสียงลูกปลายสองครั้ง
- ไหแบบหัวปลี คือ มีรูปกลมมน เรียวแหลมอย่างหัวปลี
3.3 ทำเหงือกกลอง
เหงือกกลองคือ ปากไหกลองที่รองรับหนังหุ้มหน้ากลอง โดยทั่วไปมี 2 ลักษณะคือ
1. เหงือกตั่งหม้อ มีลักษณะเฉียงลงโดยรอบคล้ายที่รองรับก้นหม้อ เหงือกกลองแบบนี้มีผลต่อเสียงกลอง กล่าวคือ เสียงออกมารวดเร็ว ดังกังวานและมีเสียงลูกปลายน้อย เหมาะสำหรับกลองหลวงที่ใช้แข่งขัน
2. เหงือกออง มี ลักษณะเฉียงลงโดยรอบและมีการขุดให้มีร่องลึกรอบ ๆ ที่เรียก "ร่องลม" เหงือกกลองแบบนี้มีผลทำให้เสียงกลองออกมาช้า แต่นุ่มนวลและมีเสียงลูกปลายมาก เหมาะสำหรับกลองหลวงที่ใช้บรรเลง โดยทั่วไป
3.4 ทำรังนก
รังนก ในที่นี้คือบริเวณที่อยู่สุดของก้นไห มีลักษณะเป็นโพรงคล้ายรูปถ้วยเป็นเปลาะอีก 3 นิ้ว ปากโพรงเป็นรูปกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ตรงปากโพรงบริเวณก้นไหไล้ด้วยส่วนผสมของน้ำมันละหุ่ง 1 ส่วน ผสมกับทราย 1 ส่วน และปูนขาว 9 ส่วน เพื่อช่วยให้เสียงดีขึ้น รังนกนี้มีผลต่อเสียงกลอง กล่าวคือ มีส่วนทำให้เสียงของกลองมีลูกปลายสองครั้งคล้ายเสียงสะท้อนหรือเงา เสียง
3.5 ทำรูแอว
รูแอว คือรูที่เจาะต่อจากก้นไหกลองทะลุไปถึงขุกก้น เพื่อให้เสียงผ่านจากไหไปออกก้น รูแอวมีความยาวราว 44 - 45 นิ้ว ขนาดท่อนไม้เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว สอดลอดได้พอดี รูเสียงนี้ จะลอดผ่านเอวกลองมาอยู่ห่างจากก้นกลองตรงส่วนปากกรวยจะอยู่ตรงก้นกลองพอดี และกว้างราว 12 นิ้ว ช่วงปากกรวยนี้เรียก “ง่าซุก” ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เสียงออก ซึ่งจะทาไล้ด้วยส่วนผสมเช่นเดียวกับก้นไห กลองหลวงที่มีรูแอวยาวจะมีระดับเสียงต่ำกว่ากลองหลวงที่มีรูแอวสั้น ในขณะเดียวกันกลองหลวงที่มีรูแอวกว้างจะมีระดับเสียงต่ำกว่ากลองหลวงที่มีรู แอวแคบ รูแอวนี้นอกจากเจาะเป็นช่องทะลุจากก้นไหไปถึงขุกก้นแล้ว ยังใช้วัสดุอื่นมาใส่เป็นท่อนำเสียงอีกด้วย โดยที่โบราณนิยมใช้ท่อไม้ไผ่ ต่อมาใช้ท่อประปาทั้งที่ทำด้วยเหล็กและพลาสติก รวมถึงท่อไอเสียรถยนต์ด้วย ปัจจุบันนิยมใช้ท่อไอเสียรถยนต์มากที่สุด ด้วยเห็นว่าผิวเรียบสะดวกแก่การทำความสะอาด
สนั่น ธรรมธิ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(ภาพประกอบโดยจรัสพันธ์ ตันตระกูล)
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ต้นฉบับ : http://art-culture.chiangmai.ac.th/academic/natha/2548/06/14/