เครื่องมือของใช้ล้านนา - สัตตภัณฑ์

วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
22/10/2008
ที่มา: 
เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ "ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน"

สัตตภัณฑ์
    

 

สัตตภัณฑ์ ในบริบททางวัฒนธรรมล้านนาหมายถึง เชิงเทียนที่ใช้ในการบูชาพระประธานในวิหาร ซึ่งอาจจำแนกออกตามรูปลักษณ์เป็น 2 แบบ คือแบบที่มีลักษณะคล้ายขั้นบันไดซึ่งมีที่สำหรับปักเทียนลดหลั่นกันลงมาได้ 7 – 9 ที่และแบบที่เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วซึ่งจะมีที่สำหรับปักเทียนไล่จากยอด ถึงฐานทั้งสองด้านรวม 7 ที่ ทั้งนี้สัตตภัณฑ์แบบสามเหลี่ยมนั้นมักพบทั่วไปแถบจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย ส่วนสัตตภัณฑ์แบบขั้นบันไดนั้นมักจะพบในท้องที่ของจังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน หรืออาจสรุปได้อย่างกว้างๆ ว่า สัตตภัณฑ์แบบขั้นบันไดมักพบในละแวกของกลุ่มชนเผ่าไทลื้อเป็นอาทิ

คำว่าสัตตภัณฑ์นี้ มีผู้ให้ความหมายเป็น 2 แนว ซึ่งแนวแรกพบจากที่ ดร . วอลเดมาร์ ซี . ไซเลอร์ สัมภาษณ์จากพระผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวนหนึ่ง กล่าวว่า สัตตภัณฑ์หมายถึงพุทธปรัชญาหรือหลักปฏิบัติในพุทธศาสนาอันหมายถึง โพชฌงค์ 7 สัทธัมมะ 7 หรือสัปปุริสธัมมะ 7 และแนวที่สองมีความเห็นว่าหมายถึงทิวเขาทั้ง 7 ที่เรียงรายลดหลั่นล้อมรอบเขาพระสุเมรุ

สำหรับแนวความคิดเรื่องทิวเขาซึ่งอยู่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุนี้ ในขั้นแรกเห็นว่าสัมพันธ์ กับคติความเชื่อด้านจักรวาลวิทยาพุทธศาสนาซึ่งปรากฎชัดเจน อย่างน้อยที่สุดก็พบในจักกวาลทีปนี ซึ่งเป็นผลงานนิพนธ์ชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งของพระสิริมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นปราชญ์แห่งเชียงใหม่ ในยุคประมาณ พ . ศ .2100 และเท่าที่พบในรูปศิลปวัตถุซึ่งตกทอดมานั้น ยังปรากฎเป็นทิวเขาสัตตภัณฑ์จำลองหล่อด้วยโลหะซึ่งใช้เป็นเครื่องบูชาแก่มหา เจดีย์แห่งนครหริภุญชัย และโดยเฉพาะพระพุทธบาทจำลองทำด้วยไม้ทาชาดประดับมุก ซึ่งลายพระบาทเป็นแผนผังจักรวาล โดยมีอักษรล้านนากำกับจุดสำคัญต่างๆ รวมทั้งทิวเขาสัตตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน จากรอยพระพุทธบาทจำลองนี้ สะท้อนให้เห็นว่าจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้ยังเล็กกว่าฝ่าพระบาทของพระพุทธองค์ กล่าวคือ พระพุทธองค์สามารถย่างเหยียบไปบน แต่ละจักรวาลในหมื่นแสนสหัสโลกธาตุได้อย่างง่ายดาย ดังนี้การที่จะใช้ทิวเขาแต่ละทิวรอบเขาพระสุเมรุอันเป็นศูนย์กลางจักรวาล เพื่อเทิดไว้ซึ่งพุทธบูชานั้น ย่อมจะงดงามด้วยประการทั้งปวงในแง่ของอามิสบูชา

ในแง่โลกสัณฐานนั้น จักรวาลแต่ละจักรวาลมีลักษณะเหมือนถาดเหล็กแบนที่ขังน้ำไว้ ในสภาพเป็นทะเลน้ำเค็มกึ่งกลางถาดน้ำเค็มนั้น มีเขาพระสุเมรุทรงสัณฐานเหมือนตะโพนสูง 84,000 โยชน์ ตั้งอยู่บนภูเขาสามเส้า รอบเขาพระสุเมรุซึ่งล้านนาเรียกว่าสิเนรุหรือสิเนโรนั้น มีทิวเขา 7 ทิว ล้อมรอบเป็นวงกลมลดหลั่นกันลงมาจากทิวเขาด้านในสุดถึงทิวนอดสุดชื่อ ยุคันธร อิสินธร กรวิก สุทัสน์ เนมินธร วินันตกะ และอัสสกัณณ์

ทั้งนี้ทิวเขาแต่ละทิวจะมีความสูงเป็นครึ่งหนึ่งของเขาซึ่งอยู่ด้านในของตน กล่าวคือทิวเขายุคันธรจะสูงเพียงครึ่งหนึ่งของเขาพระสุเมรุ และทิวเขาอัสสกัณณ์จะสูงเพียงครึ่งหนึ่งของทิวเขาวินันตกะ เป็นต้น ในโลณสาครหรือทะเลน้ำเค็มนั้น จะมีทวีปหรือเกาะใหญ่อยู่ 4 เกาะ คือ อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวี ชมพูทวีป และอมรโคยานทวีป ในทิศเหนือ ตะวันออกใต้ และตะวันตกของทิวเขาสัตตภัณฑ์ และยังมีทวีปน้อยซึ่งเป็นบริวารของทวีปทั้ง 4 อีกทวีปละ 500 ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะของจักรวาลอย่างคร่าวๆ และทั้งหมดนั้นถือว่าเขาพระสุเมรุและเขาสัตตภัณฑ์เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล