วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
06/11/2008
ที่มา: 
เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ "ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน"

นิทานล้านนา เรื่อง เสือเย็น

' โยมเอ้ย ยังไม่นอนอีกหรือ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว '' ‘' ยังก่อนพระคุณเจ้า ยังหาหลับไม่ '' งงนอนเสียเถอะโยมดึกแล้ว พรุ่งนี้จะต้องเดินทางไกล ‘'. ‘' ขอรับพระคุณเจ้า จะนอนอยู่เดี่ยวนี้ ''

นี่เป็นบทเริ่มต้นของเรื่องเสือเย็น

ครั้งหนึ่งพ่อค้าโคต่างได้พาลูกหาบเข้าไปพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะนั่งกินอาหารอยู่นั้นคนในหมู่บ้านได้เตือนด้วยความหวังดีว่า ‘' จงระวังที่จะเดินทางผ่านป่านี้เพราะมีเสือาร้ายตัวหนึ่งคอยดักทำร้ายคนที่ ผ่านไปมาเสมอ ‘' พ่อค้าพูดว่า ‘' ทำไมไม่มีใครคิดฆ่าเสือร้ายตัวนี้ละ เมื่อมันเป็นภัยแก่คนเดินทางเช่นนี้ '' ก็ได้รับคำตอบว่า ‘' ไม่มีใครรอดเลยและหาไม่พบแม้แต่ซากศพ แล้วเสือตัวนั้นก็จะหายไปด้วยเสมอ เมื่อมันทำร้ายคนแล้ว ''

พ่อค้าหนุ่มนั่งคิดถึงเสือร้าย คงเป็นเสือเย็นแน่ เขานึกถึงคำของอาจารย์ที่เคยพูดถึงเสือเย็นครั้งที่เคยเรี่ยนวิชาอาคมจาก อาจารย์เมื่อยังสมณเพศอยู่ ทางใต้เขาเรียกว่า เสือสมิง แต่ทางเหนือเรียกว่าเสือเย็น มันเป็นอันตรายไม่น้อยกว่าเสือจริง ๆ แต่ก็คงเก่งกล้าไปกว่าอาจารย์ไม่ได้ แล้วพ่อค้าหนุ่มก็กล่าวขอบใจชาวบ้านที่กรุณาเตือนแล้วพาลูกหาบเดินผ่านป่ามา จนค่ำ มองเห็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวมีศาลเก่า ๆ พออาศัยได้ เขาจึงเดินตรงไปยังวิหารเพื่อนมัสการเจ้าอาวาส ท่านเจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระสูงอายุก้าวออกมาจากประตูวิหารอย่างรวดเร็วคล้าย กับว่ามองเห็นมาแล้วแต่แรก สายตาของท่านคนคายเหมือนตานกเหยี่ยวที่คอยจ้องเหยื่อ เขาจึงเอ่ยความประสงค์จะขอพักค้างคืนที่ศาลาพร้อมด้วยลูกหาบและม้า พระรูปนั้นอ้าปากหัวเราะเสียงแหลมลึก เห็นฟันสีเหลืองคล้ายเขี้ยวของสัตว์ แล้วพูดว่า ‘' พักตามสบายเถิดโยม ฮ่า ฮ่า ไม่มีอะไร

หร๊อก ไม่มีอะไรจริง ๆ ปลอดภัยทุกอย่างเว้นแต่ …… ฮ่า ฮ่า ไม่มีอะไร ๆ จริง ๆ ''

พ่อค้าหนุ่มก้มลงกราบ แล้วกลับมาเตรียมอาหารและจัดเวรยามเพื่อป้องกันข้าวของ พอกินข้าวแล้วก็ลงนอนกัน ‘' โยมหลานหลับหรือยัง '' เอาอีกแล้ว เสียงห้าวกังวาลประหลาดดังมาจากวิหารเป็นครั้งที่ ๓ เข้าจึงตอบไปว่า ‘' ยังไม่หลับขอรับ ''

เขานอนคิดไปจนเวลาล่วงเลยไปสองยาม พวกลูกหาบหลับกันหมด แต่เขายังนอนลืมตาอยู่ในความมืด หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงถามมาอีก เขานิ่งไม่ตอบ มือข้างหนึ่งล้วงไปในย่ามควานหา ‘' ควายธนู '' มาถือไว้ สำรวมใจนึกถึงคุณครูอาจารย์อยู่เงียบ ๆ สักครู่ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือร้าย พ่อค้าหนุ่มผุดลุกขึ้นเดินย่องไปแอบที่ปตะวิหารซึ่งมีรูไม้พอมองข้างในเห็น ถนัด

แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นภาพท่อนล่างเปลี่ยนไปครึ่งตัวแล้วมีหางออกยาวเช่นเสือแก่วงไปมา ท่อนบนที่มีผ้าเหลืองคลุมอยู่ ค่อยเปลี่ยนไปจนหมดเป็นเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่

‘' เสือเย็น '' นี่เอง เสือเย็นอันเกิดจากพระที่อาคมขลังแก่วิชาจนตัวเองต้องกลายร่างเป็นเสือเพราะ ร้อนวิชา เสือร้ายกระโจนรี่เข้าไปที่หน้าต่าง ม้าร้องด้วยความกลัว พลางดิ้นอยู่เป็นพัลวัน พ่อค้าหนุ่มแอบอยู่ที่วิหารเพียงคนเดียว เจ้าเสือร้ายร้องโฮกเดียวเผ่นหายไปในความมืด พวกลูกหาบตื่นเต้นอกสั่นขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน

วันรุ่งขึ้น พ่อค้าจึงพาชาวบ้านเข้าไปในวิหารหลังนั้น พบพระนอนตายอยู่ ที่ลำตัวในผ้าเหลืองคลุมมีรอยแผลเหวอะหวะเหมือนถูกควายขวิดจนเลือดคละคลุ้ง ข้างหลังวิหารมีกองกระดูกคนและสัตว์กองอยู่มากมาย

ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้

เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการมีความเชื่อในโชคลาง สามารถทำให้คนเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในทางดีและไม่ดี

(ไพรก เลิศพิริยกมล , คติชาวบ้านลานนาไทย , พิมพ์ครั้งที่ ๒ ( เชียงใหม่ ; สุริวงศ์บุคเซนเตอร์ ๒๕๑๖)