วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
05/03/2009
ที่มา: 
http://www.monstudies.com

ประเพณีมอญ : ลูกหนู, การเล่นลูกหนู

หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว คณะสงฆ์และกษัตริย์มัลละผู้ครองเมืองกุสินารา ได้ทำพิธีบูชาสักการะพระศพพระพุทธเจ้าอยู่นานถึง ๖ วัน วันที่ ๗ จึงได้อัญเชิญพระสรีระออกแห่เป็นขบวน และผ่านใจกลางเมืองทางทิศเหนือและนำพระสรีระไปยังมกุฎพันธเจดีย์ ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของเมือง เพื่อถวายพระเพลิง ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำเดือน ๖ มีมัลปาโมกข์ จำนวน ๘ นายเป็นผู้หามพระสรีระพระพุทธเจ้าอัญเชิญลงประดิษฐานในรางเหล็กที่มีน้ำมัน อยู่เต็มแล้วปิดฝาครอบไว้ แล้วเชิญขึ้นไว้บนจิตกาธารที่ทำด้วยไม้หอมหลากชนิด

เมื่อได้เวลาผู้รับหน้าที่จุดไฟทั้ง ๔ ด้าน จุดไฟเท่าใดก็ไม่สามารถจุดติดได้ ประมุขสงฆ์ ณ ที่นั้นคือพระอนุรุทธ์(สาวกและเป็นผู้สำเร็จพระอรหันต์ มีศักดิ์เป็นพระอนุชาของพระพุทธเจ้า) พระอนุรุทธ์จึงกล่าวว่า เป็นเพราะเหล่าเทวดาต้องการให้รอพระมหากัสสป ซึ่งกำลังเดินทางมา ได้ถวายบังคมพระบรมศพเสียก่อน ครั้นเมื่อพระมหากัสสปเดินทางมาถึงและได้ถวายบังคมพระบรมศพแล้วจึงได้เกิด อิทธิปาฏิหารย์ เพลิงสวรรค์ก็บันดาลให้ลุกโชติช่วงด้วยเทวาฤทธานุภาพ โหมไหม้พระสรีระพระพุทธเจ้าจนหมดสิ้น

ชาวมอญผู้เคร่งครัดในพระพุทธศาสนาอันเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป จึงได้น้อมนำเอาพุทธประวัติดังกล่าวมายึดถือปฏิบัติในการถวายเพลิงศพกับพระ ภิกษุสงฆ์มอญมาโดยตลอดจนปัจจุบัน กล่าวคือ จะไม่ใช้การจุดไฟด้วยมือโดยตรง

ประเพณีมอญ ที่เกี่ยวกับการจุดลูกหนูเป็น การถวายเพลิงศพแด่พระภิกษุสงฆ์ เมื่อมีพระภิกษุสงฆ์มรณะภาพลง โดยเฉพาะหากเป็นพระเถระผู้ใหญ่ คณะสงฆ์และชาวบ้านจะมีการประชุมหารือกัน เพื่อกำหนดงานและเตรียมจัดงานให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยมากจะทำพิธีสวดติดต่อกัน ๗ วันแล้วเก็บไว้ ๑๐๐ วัน ระหว่างนั้นอาจมีการจัดการสวดศพทุกสัปดาห์ก็แล้วแต่ทางวัดสะดวกจนครบร้อยวัน นับจากวันมรณะภาพเป็นต้นมาชาวบ้านต่างแบ่งหน้าที่กันไปตามความถนัดความ สามารถของตน บ้างเตรียมสถานที่ บ้างเตรียมเรี่ยไรชาวบ้านขอข้าวสารอาหารแห้งสำหรับในวันงาน บ้างเตรียมการแสดง บ้างออกแจ้งข่าวไปยังพระผู้ใหญ่และชุมชนมอญไกลๆ ที่สำคัญคือช่างฝีมือของหมู่บ้านจะต้องมาช่วยกันสร้างปราสาทสำหรับตั้งศพ อาจสร้างเป็นปราสาท ๕, ๗, หรือ ๙ ยอดตามแต่ฐานันดรของพระเถระนั้นๆอีกทั้งโลงศพ


ลูกหนู ภาพประกอบโดยคุณ nineae

สำหรับบรรจุร่างของพระเถระผู้มรณะภาพนั้น โลงศพแบบมอญมีเอกลักษณ์ต่างไปจากโลงศพของชนชาติอื่นๆ มีความงดงามเป็นพิเศษ ในบรรดาโลงศพแบบมอญ ชั้นเชิงช่างต่างๆจะเป็นที่ทราบกันดีว่าโลงศพมอญน้ำเค็มอันหมายถึงมอญที่ จังหวัดสมุทรสาครมีลวดลายรูปทรงสวยงามมากเป็นพิเศษ โลงศพมอญโดยทั่วไปมีรูปทรงสูง ปาก ผายก้นสอบ และมักทำเป็นช่องหน้าต่างเล็กๆด้านข้างติดกระจกใส สามารถมองเห็นภาพภายในได้ ฝาโลงทำเป็นยอดปราสาท ทั้งตัวโลงและฝาโลงประดับตกแต่งด้วยกระดาษสี กระดาษเงิน กระดาษทองสลักลายมอญอย่างประณีตบรรจงและพิถีพิถันทั่วทั้งโลง ประกอบกับผ้าแพรพรรณและดอกไม้ไหวอ่อนช้อยชวนมอง

อีกส่วนหนึ่งของคณะจัดเตรียมงานและมีความสำคัญมาก คือการเตรียมลูกหนูสำหรับ จุดไฟถวายเพลิงศพ เป็นการเตรียมดินเพลิงในกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กพร้อมสายชนวนสำหรับจุด เมื่อถึงกำหนดการถวายเพลิงศพก็จะนำกระบอกดินเพลิงดังกล่าวผูกห้อยกับสายลวด และโยงไปยังปราสาทบรรจุศพพระเถระนั้น แล้วจุดไฟที่ชนวนเป็นการถวายเพลิงศพพระแบบมอญ และจากการที่กระบอกเพลิงที่ถูกจุดนั้นวิ่งเข้าหาปราสาทตั้งศพอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงหวีดร้องแหลมเล็กคล้ายกับหนูในท้องไร่ท้องนา หรืออีกเหตุผลหนึ่ง คือในการจัดทำกระบอกเพลิงดังกล่าวในกระบวนการจัดทำนั้น ต้องใช้เหล็กหางหนูเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งในการทำ จึงอาจเกิดเป็นคำเรียกติดปากในเวลาต่อมา ชาวมอญจึงเรียกการจุดกระบอกเพลิงดังกล่าวว่าการจุดหางหนู

ขั้นตอนในการทำ

กระบอกลูกหนูในอดีตใช้กระบอกไม้ ไผ่ที่แก่จัด ความยาว ๑ ปล้อง ตัดมาเก็บเอาข้อปล้องทั้งหัวและท้ายไว้(ปัจจุบันนิยมใช้ท่อพลาสติก-พีวีซี เนื่องจากหาซื้อง่ายไม่ยุ่งยากและคุณภาพดี) เพื่อความแข็งแรง เอาเหล็กหางหนู(ฮะตะน๊อย) แทงผ่านตลอดทั้งกระบอก นำดินเหนียวอุดด้านใดด้านหนึ่งให้แข็งแรง ภายในบรรจุดินเพลิง อันประกอบด้วย
(๑)  ดินประสิว  
(๒)  กำมะถัน  
(๓)  ถ่าน  
และการผสมองค์ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันต้องใช้น้ำประสาน คือน้ำซาว  มีส่วนผสมดังนี้ คือ
(๑)  ข่า  
(๒)  ยาสูบ  
(๓)  ตะไคร้  
(๔)  หอมแดง  
(๕)  กระเทียม  
(๖)  ปูนขาว  
(๗)  น้ำ  
นำส่วนผสมทั้งหมดมาบดผสมน้ำให้เหลวเป็น“น้ำซาว" ใช้สำหรับคอยพรมตอนผสมดินปืนให้มีความชื้น มิให้เกิดการประทุและเกิดประกายไฟระเบิดขึ้นขณะคลุกเคล้าส่วนผสมและบรรจุดิน เพลิงลงกระบอก องค์ประกอบหนึ่งในการทำดินเพลิงคือถ่าน ซึ่งถ่านที่ดีควรเผาจากไม้สะแก ไม้โกงกาง ไม้แสม และไม้ค้อ จะได้ถ่านที่มีคุณภาพดี ไฟแรง ส่วนดินปืนในอดีตชาวบ้านจะทำเองโดยเผาจากต้นพริกแก่จัด ซึ่งเป็นดินปืนที่เป็นเชื้อปะทุอย่างดี ทว่าในปัจจุบันคงหาต้นพริก และหาคนเผาที่มีกรรมวิธีการเผาที่ถูกต้องได้ยาก ส่วนใหญ่หาซื้อสำเร็จรูปจากท้องตลาด

เมื่อได้ส่วนผสมเป็นดินเพลิงเรียบร้อยแล้ว บรรจุดินเพลิงลงกระบอกทีละน้อย ใช้รางไม้และฆ้อนไม้เคาะอัดให้แน่น กลเม็ดในการอัดและปริมาณที่อัดลงไปแต่ละกระบอกเป็นความลับและเป็นสูตรเฉพาะ ของแต่ละหมู่บ้านที่จะไม่เปิดเผยแก่กัน เพื่อความแรงและแม่นยำในการโจมตีเป้าหมาย ซึ่งกระบอกเพลิงบางกระบอกใช้เวลาอัดแทบทั้งวัน จึงต้องใช้ความอดทนและแรงงานในการทำหลายคน

ในการถวายเพลิงศพพระดังกล่าวมานั้น ล้วนมีชาวบ้านจากหลากหลายถิ่นแสดงความจำนงค์ในการเป็นเจ้าภาพจัดทำลูกหนู ถวายเพลิงศพเพราะต้องการบุญกุศล บางครั้งก็แก่งแย่งกันทำให้เกิดปัญหาขึ้น อีกทั้งต่อมาพบว่าลูกหนูที่วิ่งไปสู่ปราสาทตั้งศพนั้นมีความเร็วและแรงมาก บ่อยครั้งทำให้โลงศพตกลงมาจากที่ตั้งและแตกออก ศพพระกระเด็นออกมาเกิดภาพที่อุจาดตา สลดสังเวชแก่ผู้ที่พบเห็น ปัจจุบันจึงเลิกการจุดลูกหนูถวายเพลิงศพพระโดยตรง อนุโลมให้เผาศพแบบธรรมดาทั่วไปด้วยมือ แต่การจุดลูกหนูก็ยังคงอยู่ แต่เป็นการจุดเพื่อการแข่งขันเป็นการละเล่นที่สนุกสนานแทน เป็นการสร้างปราสาทตั้งศพจำลองขึ้นมาแยกออกไปต่างหาก เลือกสถานที่โล่งหรือชายป่าว่างเว้นผู้คน นำปราสาทจำลองไปตั้งไว้สูงจากพื้นประมาณ ๓-๔ ศอก( ๒ ศอก เท่ากับ ๑ เมตร) ห่างปราสาทมาประมาณ ๒๐ ศอก เป็นปลายเส้นลวด(ในอดีตใช้หนังควายฟั่นเป็นเกลียว) ที่ขึงกับเสาเป็นแนวยาวสูงจากพื้นประมาณ ๓-๔ ศอก ระดับเดียวกับกับปราสาทจำลอง ยาวมาถึงบริเวณที่ใช้จุดซึ่งไกลประมาณ ๒๐๐ ศอก มีขาหยั่งสูง จากพื้นประมาณ ๑๐ ศอก โดยสูงจากระดับเสาด้านหน้าปราสาท  จำนวนสายของเส้นลวดที่พุงไปสู่ปราสาทนั้นมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนสายของผู้ เข้าแข่งขัน อาจเป็นสายจากหมู่บ้านข้างเคียง หรือห่างออกไป เช่น เมื่อมีงานศพพระมอญในจังหวัดสมุทรสาคร และข่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวมอญจากที่ต่างๆ ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ราชบุรี เป็นต้น ก็จะส่งสายมาร่วมการแข่งขัน ถือเป็นการร่วมงานบุญสร้างกุศลได้ประการหนึ่ง

ขั้นตอนการจุดลูกหนู เมื่อแต่ละสายประจำสายของตนแล้ว จะลดขาหยั่งเพื่อนำลูกหนูผูกติดสายด้วยตอกผูกปะกบกับสายลวด เสร็จแล้วชักรอกขึ้นสาย จุดชนวนด้วยคบไฟด้ามยาว เมื่อไฟจากชนวนลามถึงดินเพลิงจะขับดันให้กระบอกเพลิงวิ่งไปข้างหน้า เมื่อสุดปลายเขื่อน(แนวเสาด้านหน้าปราสาท) กระบอกเพลิงทะยานกระเด็นเข้าหาเป้าหมายอีก ๒๐ ศอกข้างหน้า คือยอดปราสาท ลำดับการจุดจะเรียงกันไปทีละสายจนครบทุกสาย แล้วจึงเริ่มที่สายแรกใหม่ จนกว่าจะมีผู้ชนะ

ประเพณีมอญ : การแข่งขันการจุดลุกหนูเป็นการแข่งขันที่สนุกสนานอย่างหนึ่งของมอญ ขณะเดียวกันก็มีความอันตรายอย่างมาก หากเกิดระเบิดขึ้นขณะจุด หรือระหว่างทาง แม้แต่วิ่งออกนอกสายลวดเข้าหาผู้ชม บางครั้งเมื่ออยู่ในความประมาทและขาดความพิถีพิถันในการจัดทำกระบอดเพลิง อาจทำให้ผู้จุดและผู้ชมถึงแก่ชีวิตได้ กติกาของการแข่งขันเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าลูกหนูของสายไหนเมื่อวิ่งพ้นสาย ลวดออกไป พุ่งเข้าหายอดปราสาท สามารถทำให้ยอดปราสาทโค่นลงแตะพื้นได้จะเป็นผู้พิชิตรางวัลใหญ่ นอกจากนั้นแล้วทางผู้จัดยังมีการปักป้ายเล็กป้ายน้อยระบุเงินหรือรางวัลเอา ไว้เป็นแถวแนวเดียวกันกับปราสาท เจ้าของลูกหนูสายที่วิ่งชนป้ายก็จะได้กรรมสิทธิ์รางวัลนั้นๆไป เจ้าของสายจะต้องรีบคว้าขวานวิ่งเข้าไปเอายอดปราสาทหรือป้ายรางวัลนั้นมา เก็บไว้ เพื่อขอแลกเป็นเงินหรือรางวัลจากผู้จัดการแข่งขัน สำหรับเจ้าของสายที่มีชื่อเสียงคุณภาพกระบอกเพลิงดีๆ มักถูกจับตาจากผู้ชมเสมอ การวิ่งของลูกหนูเข้าหาปราสาทสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้ชมอย่างมาก สายใดที่วิ่งดี วิ่งตรงเฉียดฉิวหรือตรงเป้าหมายแม้ยอดปราสาทไม่ถึงกับหักโค่น มักได้รับคำชมเชยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้ชมอย่างกึกก้อง ตรงกันข้ามกับสายที่ลูกหนูไม่ค่อยทำงาน ต้องจุดซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือต้องใช้ไม้เขี่ยให้ลูกหนูออกวิ่ง รวมทั้งลูกหนูที่ระเบิดกลางทาง และเหินออกข้างๆ เหินขึ้นฟ้าห่างเป้าหมายมากๆ สิ่งที่ได้รับจากผู้ชมก็คือเสียงหัวเราะตลกขบขันและเสียงโห่ฮา หยอกล้อแซวกันเป็นที่ครื้นเครงสายเหล่านั้นมักเป็นผู้ที่ขาดความชำนาญในการ ทำกระบอกเพลิง ส่งสายเข้าร่วมด้วยใจกุศลและเป็นสีสรรของงานอย่างแท้จริง หากขาดสายสมัครเล่นเหล่านี้แล้วงานนั้นๆจะขาดรสชาดอย่างที่สุด เพราะถือว่าเป็นไม้ประดับของงานซึ่งที่สุดแล้วมักได้ความเอ็นดูจากผู้ชมโดย มาก

การแข่งขันสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อ ลูกหนูของสายใดๆวิ่งเข้าชนยอดปราสาทจนหักโค่นลงมาและป้ายรางวัลต่างๆไรับการ พิชิตจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นสายต่างๆจึงต้องเตรียมกระบอกเพลิงมาให้มากที่สุดและดีที่สุดเท่าที่ จะทำได้เพราะไม่มีใครจะสามารถบอกได้ว่าการแข่งขันจะจบสิ้นลงเมื่อใด สีสรรอีกอย่างหนึ่งของงานในปัจจุบันคือ ผู้พากย์การจุดลูกหนูประจำงาน กล่าวคือต้องมีความรู้และผ่านงานการแข่งขันจุดลูกหนูมาโชกโชน มีมุขตลกขบขัน สามารถหยิบยกทุกสถานการณ์มาแซว เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเจ้าภาพหรือสายของเจ้าถิ่นจะโดนหนักกว่าใคร หากผู้พากย์รู้จักกันด้วยแล้ว อาจถูกแซวกันจนไม่เป็นอันจุดทีเดียว บางครั้งผู้พากย์แอบไปดึงเอาภรรยาคนจุดลูกหนูมาสัมภาษณ์ เรียกเสียงฮาได้ทั้งงาน เพราะคนมอญมักจะไม่แสดงออกถึงความรัก การเดินควงแบบเปิดเผย หรือความห่วงใยออกหน้าออกตาในที่สาธารณะ ฉะนั้นผู้ที่ถูกแซวจะเขิน อายแทบทำตัวไม่ถูก ผู้ชมก็พลอยผสมโรงสนุกสนาน ดังได้กล่าวแล้วว่าแม้ลูกหนูมีอันตรายมากทั้งผู้ชมและผู้เข้าแข่งขัน ไม่เพียงแต่บาดเจ็บเท่านั้น  หลายครั้งต้องจบชีวิตลง และระยะเวลาแข่งขันยาวนาน ต้องกรำอยู่กลางแดดทั้งวัน ไหนจะถูกผู้พากย์เอามาแซวให้ได้อาย ไหนจะถูกผู้พากย์ขับไล่ไสส่งให้ไกลจากแนวของการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา ด้วยเกรงจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่จะสังเกตุเห็นว่าจำนวนผู้ชมไม่เคยบางตาและล่าถอยง่ายๆ