วันที่เอกสารถูกสร้าง: 
06/02/2009
ที่มา: 
เว็บไซต์วิถีชาวบ้านของ อ.ศรีจันทรัตน์ กันทะวัง http://school.obec.go.th/phifo/index.html

หญ้าขัดใครฤาจะขัดได้
ศรีจันทรัตน์  กันทะวัง - ผู้เขียน

สายฝนห่าใหญ่กระหน่ำลงมาดั่งฟ้ารั่ว เสมือนสัญญานเตือนสรรพสิ่งในธรรมชาติให้รู้และเตรียมรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาฝนส่งปูส่งปลาจะตกช่วงปลายฝนต้นหนาว เพื่อให้บรรดาปลาและสัตว์น้ำ ที่หากินอยู่ตามแอ่งน้ำน้อย ไม่ว่าในนา หนองน้ำ หรือลำห้วยเล็กได้อาศัยฝนห่านี้กลับสู่แหล่งน้ำใหญ่ที่จากมาเมื่อตอนหน้าฝน

บุญโทและบุญเทียมสองพี่น้องยืนตัวสั่นกลัวเป็นลูกนก เกิดมาได้ 8 - 9 ปี บุญโทยัง ไม่เคยเจอฝนห่าใหญ่อย่างนี้มาก่อน ทั้งสองยืนหลบฝนอยู่ในห้างนาของลุงแก้วสำเภา สายฝนกระหน่ำจนมองไม่เห็นอะไรในระยะ 2 - 3 เมตร ท้องฟ้าคำรามดังไปทั้งทุ่ง ฟ้าแลบแปลบปลาบแสงสว่างเห็นเป็นสายคล้ายรากแขนงรากฝอยของต้นไม้ แผ่ขนานขอบฟ้า บ้างลงเป็นแนวตั้ง ฝนเม็ดโตกระทบผิวเนื้อ ที่หนาวอยู่แล้วให้เจ็บเพิ่ม ลมแรงกระพือหลังคา หญ้าคาบางส่วนทนแรงต้านไม่ไหวหลุดปลิวไปกับแรงลมสายลมพัดแรง แทบหายใจไม่ออก บุญเทียมร้องสะอึกในอก กลัวเกินกว่าจะเปล่งเสียง ส่วนบุญโทจะร้องไห้ก็คงไม่มีใครได้ยิน เพราะเสียงฝนเทและฟ้าดังสนั่นไม่ได้ยินแม้ลมหายใจตนเอง

บุญโทดึงน้องมาอยู่ในอ้อมอก ทั้งสองนอนลงกับพื้นที่เปียกน้ำ ขณะที่น้ำกำลังไหลบ่าและแรงขึ้นแต่คิดว่าดีกว่าที่จะยืนเป็นเป้าให้กับสายฟ้าฟาด ฟ้าช่างโหดร้ายเหลือเกินผ่าเปรี้ยงต้นขะจาวใหญ่หักให้เห็นกับตาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ฟ้าเริ่มมืด แสงไฟตะเกียงน้ำมันก๊าชที่เคยเห็นจากบ้านใกล้เคียงก็ไม่มีเหมือนเคย เวลานานเนิ่นนับชั่วโมง ฝนหนักค่อยสร่างซากลายเป็นฝนเม็ดเล็กลงพรำ ๆ ฟ้าที่เคย ร้องคำรามเสียงดังห่างออกไป

บุญโทผู้พี่ตัดสินใจชวนน้องเดินกลับบ้าน ความกลัวในธรรมชาติคลายลงกลายเป็นความกังวลใจ

ความกลัวยิ่งใหญ่ ว่าจะถูกลงโทษด้วยหญ้าขัดเข้ามาแทนที่ ด้วยพิษสงหญ้าขัดที่ทำให้เด็กไม่อาจ ขัดขืนได้มันร้ายนัก ยิ่งมองเห็นหญ้าขัดที่ลุงแก้วสำเภาตัดเอาไว้ทำไม้กวาดตากไว้ใกล้ห้างนา 2 - 3 ฟ่อนใหญ่ยิ่งหวั่นใจ หวนนึกถึงประสบการณ์เดิมที่เคยถูกทำโทษครั้งก่อน แต่ก็ไม่บ่อยนักที่ความสนุกจะแลกกับ ความเจ็บปวดในบางครั้ง เพราะไม่รู้จักหักห้ามใจ รักสนุกจนลืมสัญญาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ แม่ไม่เคยตีอย่างไม่มีเหตุผล คราวนั้นบุญโทชวนน้องเล่นปีนบันไดห้างนา น้องพลัดตก จากขั้นบนสุดโชคดีที่เสื้อยืดที่น้องใส่เกี่ยวบันไดก่อน จะถึงพื้นไว้ เสื้อด้านหลังถูกเกี่ยวไว้ห้อยโตงเตง น้องคว่ำหน้าดิ้นกระแด่ว ๆ ๆ ดูตลกเหมือนเขียดว่ายในนา ร้องไห้จ้าจนแม่วิ่งมาดู และอีกครั้งหนึ่ง ที่แอบพาน้องไปเล่นน้ำที่ลำน้ำวังโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล บุญโทถูกลงโทษ หนักทั้งสองคราวด้วย หญ้าขัด หญ้าขัดเส้นเล็กเรียว เหนียว อ่อน ถูกยกขึ้นแล้วกระชากลงตามความเร็ว พอสมควรกระทบเนื้อน่องอันอ่อนนิ่ม สีชมพูบาง ๆ เส้นเล็ก ๆ ของหญ้าขัดตวัดอ้อมน่อง วินาทีที่หญ้าขัดสัมผัส กับเนื้อ ประสาท มันสมองมันช่างกระเจิดกระเจิง ต้องกระโดดเต้นปะหล่าว ๆ ก่อนที่จะถูกเฆี่ยนซ้ำอีก 2 - 3 ที ทำให้เข็ดหลาบไปนาน

ทุกครั้งที่ถูกลงโทษด้วยหญ้าขัด แม้จะรู้ว่าแม่ไม่ได้เฆี่ยนแรงหมายจะให้ตายแม่เพียงจะให้หลาบจำ ก็ตามที บุญโทก็ยังไม่อยากเจอ เหตุการณ์นั้นช่างเลวร้ายนัก เขาจำพิษหญ้าขัดได้ แต่เวลาอยากเล่นสนุก มักลืมตัวทุกทีไม่นึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ แม่มักบอกให้บุญโทเสมอว่า

"เป็นพี่ต้องดูแลน้อง เวลาถูกลงโทษต้องมากกว่าในฐานะที่โตกว่าน้อง เมื่อผิดต้องยอมรับผิด"

หญ้าขัดที่แม่ใช้เฆี่ยนบุญโทนั้น เห็นแม่นำมาใช้ประโยชน์หลายอย่าง แม่ตัดมันรวมกันทำเป็น ไม้กวาดพื้นเหมือนไม้กวาดทางมะพร้าวฝีมือพ่อ บางคราวบุญโทหกล้ม แม่จะขยำใบหญ้าขัดให้เละนำมาพอก สักพักเลือดสีแดงสดก็หยุดไหล

ตอนหน้าตีข้าวพ่อจะถางลานโล่งหน้าห้างนาแล้วใช้ขี้ควายเปียกผสมน้ำเทพื้นและใช้ไม้กวาดหญ้าขัดกวาดขี้ควายกระจายให้ทั่วใช้เป็นลานตีข้าวได้อย่างดี บางครั้งบุญโทยังชวนน้องไปเก็บดอกหญ้าขัดดอกเล็ก สีเหลืองมาเล่น คุณครูที่โรงเรียนเคยบอกบุญโทว่าหญ้าขัดเป็นหญ้าชนิดหนึ่ง มีใบเลี้ยงคู่ ผิวใบกลมรีขอบหยัก ผิวใบบ้านบนมัน ส่วนด้านล่างสากมือ ครูยังให้บุญโทหาหญ้าขัดไปส่งครูและ ให้บุญโทและเพื่อน ๆ ช่วยกันทำ ไม้กวาดไว้กวาดใบมะขามหน้าโรงเรียน

บุญโทได้ย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา บุญโทชวนบุญเทียมผู้น้องไปหาด้วงผักอีมู้อีมัน เพื่อนำมาจี่กิน แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ผสมกับธรรมชาติของการเปลี่ยนฤดูกาล จึงยากแก่การคาดเดา ครั้งแรกกะจะพาน้องกลับก่อนตะวันตกดิน แต่ฝนสั่งฟ้าที่ส่งปูปลาคืนถิ่นช่างไม่เป็นใจเขาเลย ทำให้เขาไม่มี ทาง เลือกจึงต้องติดฝนอยู่ห้างนา ลุงแก้วสำเภา

"อ้ายโท วันนี้เฮาจะโดนเฆี่ยนด้วยหญ้าขัดก่อ"(วันนี้เราจะถูกเฆี่ยนด้วยหญ้าขัดหรือไม่) บุญเทียมเอ่ยถามด้วยความซื่อ ด้อยประสบการณ์ เพราะคาดเดาไม่ถูกเหมือนกัน ว่าที่ติดพายุฝน จะผิดกติกา หรือไม่เพราะไม่เคยให้สัญญากับแม่ไว้

"เฮาก็บ่ฮู้เหมือนกับน้องแต่ก็น่ากลัวเพราะมันเจ็บบ่อใช่ย่อยนา"บุญโทตอบน้องอย่างไม่มั่นใจและหวั่นลึก ๆ

น้องบุญเทียมยิ่งตอกย้ำว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเห็นแม่ตัดหญ้าคาตากไว้ที่หลังคาคอกหมู 2 มัดใหญ่ บุญโทยิ่งสะท้านเมื่อรู้ว่าแม่ตัดหญ้าคาวันอังคาร ผู้ใหญ่บอกว่าวันอังคารเป็นวันแรง หญ้าคาที่ตัดวันอังคาร จะทำให้เด็กหลาบจำมากกว่า ขนาดบุญโทถูกเฆี่ยนด้วยหญ้าขัดที่ที่ไม่ได้ตัดในวันอังคารยังเจ็บปวดขนาด นั้น ยิ่งคิดยิ่งสะท้าน แต่กลับปลอบใจน้องไปว่า

"เมื่อตะกี้ ลมมันคงพัดหญ้าขัดไปหมดแล้ว ถ้าเราจะถูกตีคงโดนไม้กีบมากกว่า" (ไม้กีบ คือ ไม้ไผ่ผ่าเป็น ซีกเล็ก ๆ ใช้ลงโทษเด็ก แต่ไม่เจ็บเหมือนหญ้าขัด)

แม่เดินวุ่นไปมาไม่รู้จะหยิบจับสิ่งใดดี มองไปทางหน้าบ้านไม่เห็นวี่แววพ่อลูกกลับมายิ่งใจเสีย อากาศ เริ่มหนาว จะก่อไฟสุมควายใต้ถุนบ้านก็ไม่ได้เพราะฟืนเปียกฝนหมด บ่นอุบอิบกับเจ้าเขาโง้งซึ่งกำลังเคี้ยว เอี้ยงและใช้หางสะบัดไล่ยุงและแมลง มันเป็นเพื่อนเพียงผู้เดียวในยามนี้ มันเหมือนรับรู้ ฟังด้วยความสงบนิ่ง ตาใสแป๋วอย่างเข้าใจ แม่เองก็กลัวพายุฝนใช่น้อย เพราะอยู่บ้านเพียงลำพัง บ้านแต่ละหลังในหมู่บ้าน ก็อยู่ห่างไกลกัน เสื้อผ้าที่ตากไว้ก็เปียกฝนเก็บไม่ทัน วิ่งขึ้นไปบนบ้านเห็นฝนกระพือหลังคาจนมุ้งหมอนเปียก

ช่วงบ่ายขณะตำข้าวกับครกมองอยู่ พ่อมาบอกว่าจะเข้าไปเก็บเห็ดลมที่เด่นอินตา ป่าละเมาะใหญ เหนือ หมู่บ้าน ส่วนลูก ๆ ก็คงจะออกไปเล่นตามประสา เย็น ๆ คงกลับบ้าน แต่ป่านนี้ยังไม่เห็นหน้า ยิ่งคิดยิ่งเดิน วนเวียนห่วงลูกชายยิ่งเจ้าตัวเล็กอายุเพิ่ง 5 ขวบ

สองพี่น้องเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านเร็วขึ้น ฝ่าสายฝนเม็ดเล็ก ปรอย ๆ เป็นฝอยกระทบกายให้เย็นขึ้น จิตใจของเด็กน้อยจดจ่อถึงหญ้าขัดเส้นเล็ก อยากถึงบ้านก็อยากกลัวก็กลัว

แม่เห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของลูกชายรีบตะโกนเรียกเสียงดัง ลูกชายตอบเบา ๆ ตัวสั่นเทิ้ม แม่คิดว่าลูกชาย คงตกใจเหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงโผเข้ากอดลูกด้วยความดีใจ บุญโทและบุญเทียม แปลกใจที่แม่ไม่พูดดุด่า สักคำ เหลือบมองไปบนหลังคาคอกหมู ไม่เห็นร่องรอยหลังคาเหลืออยู่เลย ต่ไม้กีบหลายอันยังเรี่ยราดอยู่บนพื้น

สักพักพ่อกลับมาพร้อมเล่าเหตุการณ์ที่ติดฝนหนักอยู่ในห้างไร่ถั่วลิสง ของลุงเสาร์แก้ว แม่เล่าถึงความ เสียหายในบ้านให้พ่อ ต้นกล้วยไข่สองต้นหลังบ้านล้มระเนระนาด หลังคาคอกหมูปลิวกระจาย พร้อมหลังคา เฮือนน้อย(ห้องครัว)  ส่วนบุญโทและบุญเทียมก็เพิ่งกลับมาเพราะไปติดฝนที่ห้างนาลุงแล้วสำเภา พ่อเดินไปดู และจัดการความเสียหายในบ้าน แม่แยกไปทำกับข้าวให้พ่อลูกกิน แม่ไม่ได้กล่าวโทษเด็กทั้งสอง และไม่สนใจ ไม่กีบที่เรี่ยราดบนพื้น บุญโทและบุญเทียมมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ บุญโทสัญญากับตัวเอง ว่าถึงวันนี้จะ ไม่ถูกฤทธิ์หญ้าขัดจากแม่ก็ตาม เขาจะไม่ขัดคำสั่งแม่และผิดกติกาที่กำหนดไว้กับแม่อีกตลอดไป