ค้นหา
เมนู
- หน้าหลัก
- หมวดหมู่
- ภัยพิบัติ (65)
- ธรรมชาติ (286)
- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (172)
- สังคม (2814)
- วัฒนธรรม (3270)
- ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรม (19)
- ชาติพันธุ์ (531)
- ประเพณี (780)
- ภูมิปัญญาไทย (1652)
- เครือข่ายทางวัฒนธรรม (204)
- วัฒนธรรมหลวง (17)
- เนื้อหาวัฒนธรรมรอจัดหมวด (0)
- ศิลปะและการบันเทิง (699)
- ศาสนาและจิตวิญญาณ (7090)
- เนื้อหารอจัดหมวด (26)
- ค้นหาชั้นสูง
- บริจาคเนื้อหา
- เกี่ยวกับโครงการ
ล็อกอิน
นาฏดุริยการล้านนา - เจิง
บทความ นาฏดุริยการล้านนา วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2548 - เจิง
เจิง คือชั้นเชิง ซึ่งหมายถึง ศิลปะการต่อสู้ของล้านนาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเป็นแบบอย่าง และรวบรวมจากประสบการณ์ แตกแขนงกลยุทธโดยพิสดารออกไป แล้วถ่ายทอดศิลปะดังกล่าวสืบต่อกันมา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนนั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง
ชุมชนล้านนาในอดีต เป็นชุมชนใหญ่มีอาณาเขตกว้างขวางถึงขึ้นเป็นอาณาจักร การต่อสู้เพื่อรวบรวมหัวเมืองเข้าเป็นอาณาจักรย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง การฝึกปรือฝีมือของทะแกล้วทหารกล้า ต้องมีอยู่ประจำและถึงแม้จะออกมาในรูปแบบของการแสดงไปแล้ว แต่ก็ยังคงรูปแบบความมีเอกลักษณ์อยู่อย่างชัดเจน
ร่องรอยในอดีตที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในเอกสารโบราณ เรายังมีข้อมูลจำนวนจำกัด เพราะยังไม่ได้มีการศึกษาเชิงวิชาการอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ชื่อท่ารำอาวุธของล้านนาก็มีตัวอย่างให้เห็น ดังปรากฏในคัมภีร์ใบลานซึ่งจารด้วยอักษรล้านนา เรื่องมหาชาติฉบับ “อินทร์ลงเหลา” กัณฑ์มหาราช ตอนที่พระเจ้าสัญชัยสั่งเสนาให้เตรียมทหารกองเกียรติยศ ไปรับพระเวสสันดรที่ไปบวชเป็นฤาษี ณ เขาวงกต ความตอนหนึ่งกล่าวถึงท่ารำอาวุธของล้านนาว่า
“ฝูง เชิงกินออกดูไวแว่น ครุบคราบตะริงทะราย ชะเลยดายเจิ้งจ้าน แม่สี่ด้านเลยไป เชิงชายไวถ้วนแถบ เชิงหอกอันนึ่งชื่อว่าแม่ หมัดนอนแกลบก้องกองวาง เสือลากหางเหินหอก ช้างงาทอกตวงเต็ก กำแพงเพ็กดินแตก พาดพกแวดไวเวียน อินทร์ทือเทียนถ่อมถ้า เกินก่ายฟ้าสวักพระญาอินทร์ ชิดชินเกี้ยวเกล้าเชิงถี่ ช้องนางควี่เกล้าพ้น ฝนแสนห่า ฟ้าผ่าเวียงหิน ปีนเมกเข้า ไก่เลียบแล้วคุมเวียง สะเมียงตาบ่ทันพรับ นับถริตาย พระญาลืมงาย- เหล้นดาบ ยักษ์สาบฅนดิบ สามสิบรุมบ่ท่าว ง่าวร้าย เทเรือน เบินสามท่า ผ่าพลแสน แขวนอากาศ น้ำน้อยขาดสายตา หงส์เสด็จลีลาแอ่นฟ้อน ซ้อนฅอนาง เสือลากหางเหลียวเหล่า…”
และมีตำราฟ้อนเชิงฟ้อนดาบที่เขียนลงในพับสา มีผังการเดินของเท้า ที่เรียกว่า ขุม ตัวอย่างเช่น 8 ขุม 9 ขุม และ 17 ขุม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีลาย
ฟ้อน เช่น คุมหน้า วาดบน ช้างงาแบน พาดพก แทงบน ฯลฯ คัมภีร์ดังกล่าวเขียนด้วยอักษรล้านนาพบที่วัดป่าบง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันแม้จะหมดสมัยการต่อสู้ด้วยอาวุธโบราณไปแล้วก็ตาม กระนั้นก็ยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ หากแต่ปรับเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบของการแสดง เช่น ฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง รวมไปถึงการตีฆ้อง กลองประกอบการฟ้อน เช่น กลองสะบัดชัย มองเชิง อุเจ่ สิ่งเหล่านี้ยังมีการถ่ายทอดสืบต่อกันอยู่มิได้สูญหายไปแต่อย่างใด
สนั่น ธรรมธิ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(ภาพประกอบโดยจรัสพันธ์ ตันตระกูล และเสาวณีย์ คำวงค์)
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่